ตัวอย่าง เร ซู เม่ มี ประสบการณ์ ไทย

ความยากใน การเขียนเรซูเม่ ของคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาหลายปี คือจะเขียนเรซูเม่อย่างไร ให้ประสบการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ภายใน 1-2 หน้ากระดาษโดยมีข้อมูลที่กระชับ ไม่ยืดยาว แถมยังครบถ้วน และเข้าตาผู้ประกอบการอีกด้วย jobsDB มีเคล็ดลับการเขียนเรซูเม่ให้อยู่ภายใน 1-2 หน้ากระดาษมาฝาก แต่ก่อนอื่นจะขอพูดถึงเรื่องความยาวของเรซูเม่กันก่อน

เรซูเม่ที่เข้าตาผู้ประกอบการควรมีกี่หน้ากันแน่?

คำถามยอดฮิตในการเขียนเรซูเม่.. มีแค่หน้าเดียวจะใส่ข้อมูลอะไรบ้าง? แล้วถ้าเรซูเม่มี 2 หน้าล่ะ? มีกฎเกณฑ์อะไรมั้ยว่าเรซูเม่จะต้องยาวเท่าไหร่ถึงจะถูกใจผู้ประกอบการ? ผู้ประกอบการส่วนมาก ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เรซูเม่ที่เขาถูกใจคือ เรซูเม่ที่กระชับได้ใจความ

ผู้ประกอบการใช้เวลาสแกนดูเรซูเม่ของคุณแค่ 7 วินาทีเท่านั้น ถ้าเรซูเม่ของคุณไม่โดดเด่น ไม่สะดุดตา ไม่น่าสนใจจะถูกเก็บไป ผู้ประกอบการอาจจะยังไม่ทันเปิดไปดูหน้า 2 ที่อาจจะมีข้อมูลสำคัญของคุณอยู่ก็ได้ ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ หรือเพิ่งทำงานได้ไม่นาน ควรเขียนเรซูเม่ให้อยู่ภายใน 1 หน้า แต่ถ้าคุณเป็นผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์ทำงาน และมีผลงานที่ดี เข้ากับงานที่คุณจะสมัคร เรซูเม่ 2 แผ่นก็อาจจะไม่ได้ยาวเกินไป

เรซูเม่ที่กระชับ ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

jobsDB แนะนำว่า ให้เขียนที่คุณภาพ มากกว่าเน้นปริมาณ เช่น หากคุณจะเปลี่ยนสายงาน หรือเปลี่ยนประเภทธุรกิจ ประสบการณ์การทำงานอันยาวนานทั้ง 15 ปีที่ผ่านมาของคุณ อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานที่คุณกำลังจะสมัครก็เป็นได้ และอีกเรื่องที่สำคัญเลย ก็คือ เรซูเม่ฉบับเดียว ไม่สามารถสมัครงานได้กับทุก ๆ งาน ถ้าคุณทำแบบนั้น เรซูเม่ของคุณจะไม่เป็นที่โดดเด่นพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการหยุดอ่านเลย ทางทีดีคุณควรทำเรซูเม่ให้เหมาะกับแต่ละงานที่คุณจะสมัครดีกว่าค่ะ งั้นลองมาดูกัน ว่าเรซูเม่ที่ดี และกระชับ ควรประกอบด้วยอะไรบ้าง

-คุณสมบัติและทักษะที่ผู้ประกอบการมองหาหลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้ประกอบการมองหา เราจะเขียนเรซูเม่ที่สะดุดตา สะดุดใจผู้ประกอบการได้อย่างไร ไม่ยากเลย คุณสามารถเข้าไปดูประกาศงานของบริษัทที่คุณต้องการจะสมัครในเว็ปไซต์หางานได้ แล้วหาว่าบริษัทนั้นต้องการคนทำงานที่มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง เพื่อหาสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการ ให้คุณจับสิ่งเหล่านั้น มาเชื่อมโยงกับตัวคุณให้ได้ แล้วนำสิ่งเหล่านั้นมาเขียนลงในเรซูเม่ของคุณ และเน้นคำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสะดุดตา และอ่านเรซูเม่ของคุณมากกว่า 7 วินาทีให้ได้

-ประสบการณ์การทำงานหลัก ๆคุณควรใส่ข้อมูล หรือ คำสำคัญหลัก (keyword) ที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณจะสมัครไว้ในเรซูเม่ หรือลองเน้นไปที่ 3 ประสบการณ์การทำงานหลัก ๆ ที่คุณเกี่ยวข้องกับงานนั้นและทำงานนั้นมากที่สุด แล้วใส่รายละเอียดตัวเลข KPI ความสำเร็จลงไปในเรซูเม่ของคุณ จะทำให้ผู้ประกอบการเห็นภาพมากขึ้น ว่าคุณทำงานอะไร และประสบความสำเร็จแค่ไหน และเรซูเม่ของคุณก็จะน่าสนใจสะดุดตาผู้ประกอบการ ให้กลับมาดูเรซูเม่ของคุณ เช่น คุณอาจจะระบุไปในเรซูเม่ของคุณว่า คุณมีส่วนทำให้ยอดการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น 200% แต่ต้องระบุไปตามความจริง อย่าสร้างตัวเลขขึ้นมาเอง

ถึงแม้ว่าจะต้องจำกัดเรซูเม่ให้อยู่ภายใน 1-2 หน้า แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรใส่เพื่อให้เรซูเม่ของคุณสมบูรณ์มากขึ้นคือ

-Career Summaryคุณควรเขียนสรุปการทำงานของคุณสั้น ๆ ว่าคุณเกี่ยวข้องกับการทำงานนี้อย่างไร ความยาว 1-2 ประโยคก็พอ เพื่อให้ผู้ประกอบการสแกนแล้วทราบเลยว่าคุณเคยทำงานอะไรมาก่อน

-Educationคุณควรใส่ประวัติการศึกษาล่าสุด หรือสำหรับคนที่เรียนปริญญาหลายใบ คุณควรใส่ประวัติการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณจะสมัคร หรือคุณสามารถใส่ครอสเรียนสั้น ๆ ที่คุณไปลงเรียนมาก หากครอสเรียนนั้นเกี่ยวข้องกับงานที่คุณจะสมัคร

-Career Achievements and Awardsความสำเร็จในการทำงานที่ผ่านมา และรางวัลที่บ่งบอกความสำเร็จต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งเหล่านั้นตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในประกาศงาน

เคล็ดลับเพิ่มเติมที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณไม่ยืดยาว

- ตัดประสบการณ์การทำงานเก่า ๆสำหรับผู้หางานที่มีประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนานเป็น 10 ปี แล้วยังใส่ลงไปในเรซูเม่ทั้งหมด แนะนำให้เน้นแค่ 3-4 งานที่มีรายละเอียดเกี่ยวข้องกับงานที่คุณจะสมัครมากที่สุด แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องระบุงานเก่าของคุณลงไปให้ระบุสั้น ๆ แค่ชื่อตำแหน่งงาน, ชื่อบริษัท, และช่วงเวลา

- ตัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นผู้สมัครงานบางคนยังคงใส่ข้อมูลส่วนตัว เช่น สถานะการสมรส หรือชื่อบิดา-มารดา ซึ่งข้อมูลพวกนี้ไม่จำเป็น คุณสามารถตัดออกไปได้

- ตัดคำอธิบายที่ไม่ชัดเจนอย่างที่บอกไปแล้วว่า ผู้ประกอบการใช้เวลาสแกนเรซูเม่ของคุณแค่ 7 วินาที อย่าอธิบายอะไรให้ยืดยาว และไม่ชัดเจน คุณต้องเลือกใช้คำที่กระชับ และทำให้ผู้ประกอบการสะดุดตาให้ได้ โดยใช้คำที่ทรงพลัง พร้อมกับตัวเลข หรือข้อมูลที่เป็นรูปธรรม และสื่อความหมายให้เห็นว่าคุณทำงานได้ดีเพียงใด ไม่ใช่บอกแค่ว่าทำอะไร เช่น แทนที่จะเขียนว่า "คุณคิดกลยุทธ์ที่ทำให้ยอดผู้เข้าชมเว็ปไซต์เพิ่มขึ้น" ให้คุณลองระบุไปเลยว่า "คุณเพิ่มจำนวนยอดผู้เข้าดูเว็ปไซต์ได้เพิ่มขึ้น 80%"

- สร้างโปรไฟล์กับ jobsDB เปลี่ยนจากการทำไฟล์เรซูเม่ที่ยืดยาว ไม่กระชับ มาสร้างโปรไฟล์ออนไลน์ดีกว่า สร้างโปรไฟล์ก็คือการทำเรซูเม่ฉบับสั้นนั่นเอง การสร้างโปรไฟล์ออนไลน์แบบนี้จะทำให้คุณได้เปรียบในการได้งานที่ใช่ เพราะผู้ประกอบการจะสามารถค้นหาโปรไฟล์ของคุณได้เจอ และอาจจะเสนองานที่ใช่ ให้กับคุณโดยบางทีคุณอาจจะไม่ต้องวิ่งตามหางานเลย

จากนี้ไปจะสมัครงานใหม่เมื่อไหร่ หรือที่ไหน แค่ใช้เคล็ดลับที่แนะนำข้างต้นนี้ไปในการเขียนและอัปเดตเรซูเม่ของคุณ jobsDB เชื่อว่าจะไม่พลาดโอกาสได้งานใหม่ที่ใช่แน่นอนค่ะ

เมื่อคุณกำลังเขียนเรซูเม่เพื่อสมัครงานอยู่ คุณก็จะถึงจุดที่ต้องเขียนในส่วนของ ประสบการณ์ทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรซูเม่สมัครงาน ในวันนี้พวกเราชาวเว็บ เรซูเม่ในไทย ก็ได้รวบรวมเทคนิคการเขียนส่วนประสบการณ์ทำงานที่ดี และได้ผลมากที่สุดในการสมัครงานมาไว้ที่นี่พร้อมแล้วครับ

ประสบการณ์ทำงาน คือส่วนที่สำคัญที่สุดของเรซูเม่

คุณรู้หรือไม่ว่าส่วนของประสบการณ์ทำงานนี่แหล่ะ เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดในเรซูเม่สมัครงาน โดยส่วนมากแล้วผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะใส่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงานของตัวเองโดยใช้พื้นที่ไปมากกว่า 60% - 75% ของเรซูเม่เลยทีเดียว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดและดูเขียนยากที่สุดก็ตาม ทีมงานเรซูเม่ในไทย ก็ได้เตรียมข้อมูลที่อย่างเอาไว้ให้คุณแล้ว ลองอ่านบทความนี้เพื่อเขียนประสบการณ์ในการทำงานให้ดีขึ้นจนผิดหูผิดตาดูสิ

แนะนำ: เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

ใส่อะไรลงในประสบการณ์ทำงานดี

ส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้จะเป็นส่วนที่ เมื่อส่งให้กับ HR แล้ว พวกเขาจะมาอ่านตรงนี้อย่างค่อนข้างละเอียดว่า คุณได้ผ่านงานของบริษัทอะไรมาบ้าง และได้ทำงานในตำแหน่งอะไร มีหน้าที่การงานคร่าวๆเป็นอย่างไร เพื่อสร้างภาพรวมของผู้สมัครงานคนหนึ่งๆขึ้นมา

เรซูเม่ที่มีศักยภาพ มักจะมีส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้ ที่แสดงถึงการเติบโตในหน้าที่การงานของคุณ จากบริษัทแรกจนถึงบริษัทปัจจุบัน ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องในสายงาน และสร้างสมประสบการณ์ในสายงานของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ HR มองคุณด้วยว่าคุณสามารถเรียนรู้เพื่อเติบโตต่อไปได้มากขนาดไหน

ในบางครั้งประสบการณ์ทำงานของคุณอาจจะไม่ได้เป็นเส้นตรง จะมีการซิกแซกย้ายสายงานบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะมันก็สามารถบอกได้เช่นกันว่าคุณกำลังเติบโตขึ้น

ผู้สมัครงานที่มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูง ไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งขึ้นในสายงานของตัวเองเพียงเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสายงานอื่นๆข้างเคียงอีกด้วย

ดังนั้นส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้จึงเป็นพื้นที่ให้คุณแสดงความสามารถและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัครอยู่ ซึ่งในบางครั้งคุณก็อาจจะไม่ใส่ประสบการณ์ทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครเลยก็ได้

HR มองหาอะไรในส่วนของประสบการณ์ทำงาน?

ซุนวูได้กล่าวเอาไว้ว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" ซึ่งสามารถใช้ได้ในทุกวงการมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ รวมถึงการสมัครงานด้วย ซึ่งถ้าคุณ "รู้" ว่า HR ต้องการอะไรในส่วนนี้ คุณก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นที่ไม่รู้หลายกิโลเลยทีเดียว

สิ่งที่ HR อยากรู้จริงๆได้แก่

  1. คุณมีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งงานที่สมัครหรือไม่
  2. คุณมีประสบการณ์ตรงกับที่สมัครหรือไม่
  3. ประสบการณ์ของคุณอยู่ในระดับไหน จูเนียร์ ซีเนียร์ หรือระดับบริหารจัดการ
  4. ประสบการณ์ของคุณที่ผ่านมา เหมาะสมกับเงินเดือนเท่าไหร่

ดังนั้นคุณจึงควรจะเขียนเรซูเม่ของคุณโดยคำนึงถึงจุดเหล่านี้เป็นหลัก และแน่นอนว่าอย่าลืมใส่รายละเอียด หรือคำเฉพาะต่างๆลงไปด้วย เพราะในองค์กรใหญ่หลายๆองค์กร ก็จะมีหัวหน้าในสายงานเข้ามาร่วมกับ HR เพื่อคัดเลือกเรซูเม่อีกด้วย

HR รู้อยู่แล้วว่าตำแหน่งไหนจะต้องทำงานอะไรบ้าง แทนที่จะใส่ลงไปตรงๆ ให้ลองใส่ลงไปว่า คุณทำงานนั้นได้ดีอย่างไร ดูสิ

คุณรู้หรือไม่ว่า HR ส่วนใหญ่แล้วก็รู้หมดแหล่ะ ว่าตำแหน่งงานไหนทำหน้าที่อะไรบ้าง ดังนั้นการใส่ลงไปว่าเราทำอะไรบ้าง มันไม่ส่งทั้งผลร้ายและผลดีให้กับเราหรอก กลับกัน ให้ลองใส่ว่า คุณทำงานนั้นได้ดีอย่างไร ดูสิ รับรองว่าเด่นกว่าคู่แข่งของคุณเยอะมากแน่ๆ

ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ทำงานให้เต็มที่

เวลาเขียนประสบการณ์ทำงาน ให้เขียนชื่อบริษัทที่คุณเคยทำงานด้วยทั้งหมด ชื่อตำแหน่ง แผนก ระยะเวลาที่แน่นอน (เดือน/ปี ก็พอ ไม่ต้องลงถึงวัน) และรายละเอียดในการทำงานนั้นๆ โดยให้เน้นใส่คำค้น (คีย์เวิร์ด) ที่สำคัญให้ครบถ้วน

ประสบการณ์ทำงานนี้ส่วนมากแล้วจะเขียนตามไทม์ไลน์ โดยเขียนประสบการณ์ทำงานล่าสุดอยู่ด้านบน และบริษัทแรกสุดอยู่ด้านล่าง ซึ่งในบางครั้งอาจรวมไปถึงประสบการณ์ฝึกงานอีกด้วย ถ้าการฝึกงานนั้นมีความเกี่ยวข้องกันกับตำแหน่งงานที่สมัคร

ในกรณีที่คุณผ่านการทำงานมาหลายบริษัท คุณไม่จำเป็นจะต้องใส่ข้อมูลบริษัททั้งหมดที่คุณเคยทำลงไปในเรซูเม่ของคุณ กลับกัน ให้คัดเลือกเฉพาะตำแหน่งงานที่ตรงกันกับตำแหน่งที่คุณกำลังสมัครอยู่ก็เพียงพอแล้ว

ใส่ประสบการณ์ทำงานย้อนหลังไปกี่ปีดี

ส่วนมากแล้วในการสมัครและสัมภาษณ์งาน จะใส่ประสบการณ์ย้อนหลังไปไม่เกิน 5-10 ปีเท่านั้น เพราะว่าส่วนมากแล้วผู้สมัครงานจะเติบโตขึ้นภายในระยะเวลาหนึ่ง และงานล่าสุดที่พวกเขาทำก็จะแตกต่างจากงานแรกออกไปค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าผู้ที่ผ่านการทำงานมานานกว่านั้น มีประสบการณ์ในสายงานที่ยาวนานจริงๆแล้วล่ะก็ สามารถใส่ลงไปได้

ในบางอุตสาหกรรม การใส่ประสบการณ์ทำงานย้อนหลังลงไปมากกว่า 10-15 ปี อาจส่งผลเสียให้กับคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในสายงานเทคโนโลยี ถ้าคุณถนัดในเทคโนโลยีเก่าที่หมดอายุไปแล้ว มีจำนวนผู้ใช้ลดลงๆทุกปี บริษัทก็ไม่ค่อยอยากจะจ้างคุณในเงินเดือนที่สูงเป็นเวลานานอย่างแน่นอน

ลองใช้ระบบทำเรซูเม่ออนไลน์ฟรีของ Resume.in.th ดูสิครับ ใช้งานง่าย มีอธิบายทุกขั้นตอน

รายละเอียดการทำงาน สำคัญที่สุด

รายละเอียดของการทำงาน เป็นส่วนที่ HR ให้ความสนใจมากที่สุดในเรซูเม่ และให้เวลาอ่านมันมากกว่าส่วนอื่นๆอย่างชัดเจน เราทีทิปในการเขียนต่างๆดังนี้

  • เวลาเขียนประสบการณ์ทำงาน ให้เขียนชื่อบริษัทที่คุณเคยทำงานด้วยทั้งหมด ชื่อตำแหน่ง แผนก ระยะเวลาที่แน่นอน (เดือน/ปี ก็พอ ไม่ต้องลงถึงวัน) และรายละเอียดในการทำงานนั้นๆ ให้ดี
  • ให้เขียนรายละเอียดการทำงานออกเป็นหัวข้อๆ หัวข้อละ 1-3 ประโยค และใส่ประมาณ 3-5 หัวข้อต่อตำแหน่งการทำงานของคุณ
  • ใช้คำค้น (คีย์เวิร์ด) ที่สำคัญให้ครบถ้วน
  • แนะนำให้เขียนในภาษาอังกฤษ
  • ให้ใช้ คำที่มีพลัง ที่ใช้ในการเขียนเรซูเม่ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
  • แทนที่จะเขียนว่าหน้าที่ของคุณคืออะไรบ้าง ลองเขียนใหม่ให้เน้นว่าคุณมีความสามารถอะไรบ้าง และใช้ความสามารถนั้นในการทำอะไรให้แผนก หรือบริษัทของคุณบ้าง
  • พูดถึงความสำเร็จต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้าที่มากขึ้น หรือยอดที่ขายได้ เป็นต้น

ตัวอย่างประสบการณ์ทำงาน

Waitress Pizza Hut, Newark, NJ 2005–2009

  • Worked passionately in customer service in a high-volume restaurant.
  • Completed the F.A.S.T. customer service training class.
  • Maintained a high tip average thanks to consistent customer satisfaction.

พนักงานเสริฟ Pizza Hut, Newark, NJ 2005–2009

  • ทำงานอย่างมีความสุขในสายงานบริการ ที่ดูแลสาขาร้านพิซซ่า ที่มีลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก.
  • ได้เรียนรู้ การฝึกอบรมพนักงาน ที่ชื่อ F.A.S.T. customer service.
  • ได้รับทิปในระดับที่สูง เนื่องจาก ระดับความพึงพอใจของลูกค้าสูงอยู่ตลอด.

เหตุผล: แสดงถึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้เต็มที่ ทำงานในร้านที่ลูกค้าเยอะ ผ่านการเทรนมา และลูกค้าพึงพอใจในระดับสูง

Java Programmer Black Knight Financial Services, Jacksonsville, FL 2010–2018

  • Designed and developed up to 10 applications projects per year.
  • Designed project requirements in cooperation with data analysis teams.
  • Participated in project meetings, with technical staff members, business analysts, and external stakeholders.
  • Trained and mentored over 15 junior programmers and developers.

โปรแกรมเมอร์ภาษาจาวา Black Knight Financial Services, Jacksonsville, FL 2010–2018

  • ออกแบบและพัฒนาโปรแกรม สูงถึง 10 โปรเจกต์ต่อปี.
  • ตกลงความต้องการของลูกค้า โดยประสานงานกับแผนกที่เกี่ยวข้อง
  • เข้าร่วมประชุมโปรเจกต์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากหลายแผนก.
  • สอนงานและดูแลน้องใหม่ 15 คน ซึ่งรวมไปถึงโปรแกรมเมอร์ และเดฟ

เหตุผล: แสดงถึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้เต็มที่ บอกว่าทำงานได้ปีละ 10 โปรเจกต์ ออกแบบได้ ทำได้ ออกแบบความต้องการได้ เข้าประชุมได้ และสอนรุ่นน้องมาแล้วถึง 15 คน ใครอ่านดูก็น่าจะรู้เลยนะครับว่าคนนี้จะได้เงินเดือนที่สูงอย่างแน่นอน

Warehouse Supervisor River Tech 2013–2017

  • Separated, labeled and verified count of incoming deliveries, contributing to a 15% decrease in counting errors
  • Created dynamic inventory system that ensured product levels supported demand without overstocking.
  • Responsible for construction of sturdy, balanced pallet loads for shipping.
  • Developed backup training on computerized inventory system resulting in 25% decrease in onboarding time.

หัวหน้าโกดังสินค้า River Tech 2013–2017

  • คัดแยกสินค้า ติดบาเบล และตรวจสอบจำนวนสินค้า ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง 15%
  • สร้างระบบตรวจสอบสินค้าคงคลัง ส่งผลให้สามารถส่งสินค้าได้มากพอ โดยที่ไม่ต้องสต็อกสินค้ามากเกินความจำเป็น
  • รับผิดชอบการก่อสร้างอุปกรณ์ขนส่งที่แข็งแรงและมั่นคง
  • สร้างระบบเรียนรู้ผ่านคอมพิวเตอร์ ที่ส่งผลให้การนำสินค้าขึ้นรถรวดเร็วขึ้น 25%

เหตุผล: แสดงถึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่บอกว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร แต่บอกว่าตัวเองทำหน้าที่นั้นได้ดีขนาดไหน ด้วยการใช้ตัวเลขได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เห็นไหมครับว่าเราสามารถเขียนประสบการณ์ทำงานของเราให้ได้ดียิ่งขึ้นกว่าการเขียนธรรมดา แค่เปลี่ยนเทคนิคการเขียนนิดหน่อย ให้เขียนว่าเราทำงานแต่ละงานได้ดีขนาดไหน ยังไงถ้าได้อ่านบทความของพวกเราแล้วยังเจอว่าเรซูเม่ของคุณยังเขียนแบบเดิมอยู่ล่ะก็ ขอให้ลองกลับไปแก้นะครับ บางครั้งอาจได้งานใหม่ หรือหน้าที่ใหม่ในบริษัทเดิมที่เงินเดือนสูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะ พวกเราเป้นกำลังใจให้ครับ