การขายสินค้าออนไลน์ระหว่างประเทศเติบโตเป็นอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา รวมกับการที่มีคนไทยที่ย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทำให้การส่งของไปต่างประเทศจากเมืองไทยมีการเติบโตมากขึ้น สำหรับหลายๆคนที่เป็นมือใหม่และยังไม่รู้ว่ามีขั้นตอนอย่างไร ต้องบอกว่าการส่งของไปต่างประเทศนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าวิธีส่งของไปต่างประเทศ มีขั้นตอนและข้อควรปฏิบัติอย่างไรกันบ้าง Show
7 ขั้นตอนในการส่งของไปต่างประเทศ1. ตรวจสอบว่าเป็นของต้องห้ามส่งไปปลายทางหรือไม่ขั้นตอนแรกสุดก่อนที่จะส่งของชนิดใดๆไปต่างประเทศ สิ่งที่ควรทำก่อนเป็นอย่างแรกก็คือการตรวจสอบว่าสินค้าที่คุณต้องการส่งนั้น สามารถส่งไปยังประเทศปลายทางที่ต้องการได้หรือไม่ เพราะหลายๆประเทศมักจะมีรายการสินค้าห้ามนำเข้าอยู่ (ตัวอย่างเช่น รายการของต้องห้ามนำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา) ทำให้หลายๆครั้งพัสดุของผู้ส่งไม่สามารถเข้าไปยังประเทศปลายทางได้ จึงควรศึกษาให้เข้าใจว่าสินค้าที่คุณต้องการจัดส่งนั้นมีข้อจำกัดและเงื่อนไขอะไรในการส่งสินค้าประเภทนั้นไปยังประเทศปลายทางหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาล่วงหน้า บางรายการสามารถจัดส่งได้ แต่มีเอกสารที่ต้องแนบประกอบเพิ่มเติม 2. จัดเตรียมเอกสารสำหรับการส่งของไปต่างประเทศจากข้อที่ 1 ในกรณีที่คุณค้นหาข้อมูลของสินค้าบางชนิดแล้วพบว่าสามารถจัดส่งไปยังประเทศปลายทางได้ แต่อาจจะต้องแนบเอกสารเพิ่มเติม ควรจัดเตรียมเอกสารต่างๆที่ต้องใช้ประกอบการจัดส่งให้เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็น เอกสารที่ระบุข้อมูลสารเคมีอันตราย (MSDS: Material Safety Data Sheet), เอกสาร อย. (FDA) สำหรับอาหาร, ใบเสนอราคา Invoice (เอกสารนี้ FastShip ดำเนินการออกเอกสารนี้ให้ผู้ส่งเอง), สำเนาบัตรประชาชน และเอกสารอื่นๆเพิ่มเติม ดูรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่ใช้ในการจัดส่งไปต่างประเทศ 3. สร้างรายการจัดส่งของไปต่างประเทศเมื่อทำการตรวจสอบรายการสินค้าที่ต้องการจัดส่งรวมถึงจัดเตรียมเอกสารที่ต้องใช้เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นทำรายการจัดส่งได้บนเว็บไซต์ FastShip ทันที ทำการสร้างรายการจัดส่งเพื่อระบุว่าคุณต้องการจัดส่งพัสดุไปที่ประเทศไหน จัดส่งเมื่อไหร่ ใช้บริการรูปแบบใด สามารถสมัครบัญชีและเริ่มต้นทำรายการได้ในทันที คุณสามารถติดต่อทีมงาน FastShip เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมสำหรับการจัดส่งได้ 4. แพ็คและจัดเตรียมสินค้าให้เรียบร้อยเมื่อทำรายการบนเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการแพ็คสินค้าให้เรียบร้อยและเหมาะสมกับการส่งไปต่างประเทศ การแพ็คสินค้าสำหรับส่งไปต่างประเทศควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ควรแพ็คอย่างแน่นหนา โดยห่อสินค้าด้วยพลาสติกกันกระแทก อย่าลืมว่าพัสดุของคุณต้องเดินทางไกลกว่าจะถึงจุดหมาย ดังนั้นจึงควรจัดเตรียมให้ดีค่ะ คำแนะนำเพิ่มเติมคือใช้กล่องที่มีขนาดพอดีกับขนาดสินค้าภายในกล่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่ภายในกล่องและอาจทำให้สินค้าเสียหายได้ 5. ทีมงาน FastShip เข้ารับพัสดุเมื่อสร้างรายการจัดส่งในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่รอทีมงาน FastShip เข้ารับพัสดุที่บ้านของท่าน หรือจะเลือกไปดรอปพัสดุที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านของคุณก็ได้เช่นกัน 6. ทีมงาน FastShip ดำเนินการทำเรื่องส่งออกเมื่อ FastShip ได้รับพัสดุของท่านเรียบร้อยแล้ว ทีมงานจะดำเนินการทำเรื่องส่งออกพร้อมจัดส่งพัสดุของคุณไปยังประเทศปลายทาง ขั้นตอนการส่งออกสินค้าแต่ละปลายทาง จะแตกต่างกันไป ตามแต่ละเอเจนท์และปลายทางที่ลูกค้าเลือกจัดส่ง โดยก่อนส่งออกสินค้า เอกสารที่อาจร้องขอได้คือ สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับปลายทาง, MSDS หรือ FDA ของสินค้า เป็นต้น (เอกสารที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ในขั้นตอนที่ 2) 7. ตรวจสอบสถานะในการจัดส่งในการจัดส่งพัสดุไปยังต่างประเทศกับ FastShip ผู้ส่งสามารถตรวจสอบสถานะของพัสดุได้ตลอดเวลาว่าตอนนี้สถานะของพัสดุอยู่ในขั้นตอนไหน สินค้าไปถึงที่จุดใดแล้ว เพื่อติดตามสถานะของพัสดุและยังสามารถแจ้งเลข Tracking number ให้กับผู้รับเพื่อตรวจสอบสถานะของพัสดุได้เช่นเดียวกัน วิธีเลือกบริการส่งของต่างประเทศที่เหมาะสมการจัดส่งพัสดุไปยังต่างประเทศกับ Fastship มีบริการ 2 รูปแบบที่คุณสามารถเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการและพัสดุที่คุณต้องการส่ง
เลือกบริการส่งของไปต่างประเทศแบบไหนดีบริการจัดส่งของไปต่างประเทศทั้ง Express Service และ Standard Service ต่างก็มีจุดเด่นด้วยกันทั้งคู่ ผู้ส่งบางท่านอาจจะเกิดความลังเลว่าควรเลือกจัดส่งด้วยบริการแบบไหนดี FastShip ลองทำตัวอย่างวิธีการเลือกบริการที่เหมาะสมกับประเภทพัศดุและความต้องการของผู้ส่งแต่ละท่าน โดยยกตัวอย่างเป็น Scenario แบบต่างๆดังต่อไปนี้ค่ะ
|