Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Mercedes-Benz GLC250d ไม่ใช่รถสปอร์ตที่ทำมาสำหรับซัดแรงๆ บนถนนหรือเข้า-ออกโค้งได้อย่างรวดเร็วราวกับซุปเปอร์คาร์ แต่เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับคุณและครอบครัวใช้เดินทางในวันหยุดได้อย่างประหยัดและสะดวกสบาย! นี่คือรถอเนกประสงค์คู่แข่งของ BMW X3 / Audi Q5 / Porsche Macan และ Lexus NX เป็นทางเลือกที่เหมาะสมถ้าหากคุณกำลังมองหารถออฟโรดขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เป็น SUV ที่ออกขายมาตั้งแต่ปี 2015 และใกล้ถึงเวลาที่จะต้องปรับโฉมในช่วงกลางปีนี้ เมื่อเวลาของการปรับโฉมมาถึง ราคา 3.2 ล้านบาทของ GLC250d รุ่น Off-Road ก็จะถูกหั่นให้ลดลงมากกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นความอยากของลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์จากแบรนด์ตราดาว

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

GLC มีดีมากพอที่จะทำให้ Mercedes-Benz ทะยานติดอันดับต้นๆ ของยอดขายรถยนต์แนวออฟโรดพรีเมียม ทั้งในเยอรมนีบ้านเกิด รวมถึงประเทศไทย แบรนด์ตราดาวติดตั้งเครื่องยนต์ 2 รุ่นใน GLC เริ่มจากเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.1 ลิตร กำลัง 204 แรงม้า ในรุ่น 250d กับเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ความจุ 3.0 ลิตร กำลัง 367 แรงม้าในรุ่น 43 AMG รถทดสอบที่ผมนำมาขับในอาทิตย์นี้ วางเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่นประสิทธิภาพสูง รหัส OM651 มีปริมาตรความจุ 2,143 ซีซี. ฝาสูบแบบดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบคู่ พร้อม Intercooler ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 99.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.2:1 กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 1,800 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic พร้อม Paddle Shift ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้ว ยาง pirelli scorpion verde all season 235/55 R19 101Y เป็นยางรันแฟลตที่นุ่มนั่งสบายจากแก้มยางที่ไม่แข็งมากจนเกินไป เป็นรถที่ให้ความสบายเมื่อขับทางไกลพร้อมเครื่องยนต์และเกียร์ที่มีประสิทธิภาพดี

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

คำจำกัดความหรือนิยามของรถ SUV - Sport utility vehicle ที่ผลิตโดย Mercedes-Benz คือรถที่สามารถแล่นไปได้ในทุกพื้นที่และมีการขับขี่ที่สบายเหมือนรถเก๋ง นับเป็นความคาดหวังที่สูงมากในการที่จะเอาชนะรถ SUV คู่แข่ง ซึ่งทำตลาดมาก่อนหน้านี้อย่าง BMW X3 Audi Q5 และ Lexus NX ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบขับเคลื่อน เครื่องยนต์ ชุดส่งกำลัง แชสซี จุดศูนย์ถ่วงและอากาศพลศาสตร์ เป็นจุดที่ทำให้การสร้าง SUV รุ่นใหม่ของแบรนด์ตราดาวต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่เคยเป็นมา ความสามารถและประสิทธิภาพของตัวรถอันสูงส่งที่ถูกกำหนดโดยแบรนด์คู่แข่ง ส่งผลให้ทีมวิศวกรของ Mercedes Benz มีงานล้นมือในการพัฒนา SUV รุ่นล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า GLC ซึ่งทำออกมาได้ดีสมราคา ส่งผลให้รถรุ่นนี้ขายดีมากในประเทศไทย

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

GLC250d 4MATIC Off-Road เป็นรถออฟโรดอเนกประสงค์ไซล์กลางที่มีมิติตัวถังใกล้เคียงกับ BMW X3 xDRIVE 20d X-LINE โดยมีความกว้างของตัวรถอยู่ที่ 1,890 มิลลิเมตร ยาว 4,656 มิลลิเมตร สูง 1,639 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,621 หลัง 1,617 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อวัดจากดุมล้อหน้าไปหลัง 2,873 มิลลิเมตร สัดส่วนของความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้อง 181 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,845 กิโลกรัม เทียบไซส์เทียบขนาดกับ BMW X3 xDRIVE 20d X-LINE ซึ่งมีความกว้างของตัวรถอยู่ที่ 1,881 มิลลิเมตร ยาว 4,657 มิลลิเมตร สูง 1,661 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อหน้า 1,616 หลัง 1,632 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง 2,810 มิลลิเมตร สัดส่วนของความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 204 มิลลิเมตร หนัก 1,850 กิโลกรัม

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

จากตัวเลขดังกล่าว จะเห็นได้ว่ารถ SUV ไซส์กลางจากแบรนด์เยอรมนีทั้งสองคันมีขนาดเรือนร่างและน้ำหนักตัวที่พอฟัดพอเหวี่ยงแบบกินกันไม่ลง แต่ Mercedes Benz GLC มีเรือนร่างที่โค้งมนมากกว่า รูปลักษณ์ใหม่ของไฟหน้าและกระจังหน้าที่คล้ายกับใบหน้าของ SUV รุ่นพี่อย่างออฟโรดรุ่น GLE เพียงแต่ขนาดและสัดส่วนบั้นท้ายของ GLC เท่านั้นที่มีความแตกต่างในด้านขนาดและรูปแบบของตัวรถ ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ผ่านการขัดเกลาในอุโมงค์ลมระหว่างการพัฒนาทำให้ตัวเลขค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานอากาศดีขึ้น (cd 0.31) วิศวกรรมระบบส่งกำลังขั้นสูงจาก Mercedes Benz ขยายขอบเขตด้าน Dynamic ของเกียร์ให้เหนือกว่ารถคู่แข่งในด้านอัตราทด การปล่อยมลพิษที่ลดลงและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นจากเกียร์แบบใหม่ที่มีให้ใช้งานมากถึง 9 สปีด ควบรวมการทำงานของเกียร์เข้ากับโหมดการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ความสะดวกสบายในการนั่ง ความคล่องตัวแบบสปอร์ต การออกแบบที่ชัดเจนและตระการตาของ New GLC กลายเป็นมาตรฐานสำหรับครอบครัว SUV ของ Mercedes-Benz ในอนาคต

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

ห้องโดยสารของ GLC มีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์พื้นที่ของการใช้งานที่เน้นความอเนกประสงค์บนความสบาย ภายในไล่จากคอนโซล เบาะกับงานตกแต่งที่มีความหรูหรามากกว่ารุ่นเดิม Mercedes-Benz ใช้รูปแบบภายในอันสง่างามของ C-Class W205 มาปรับใช้กับ GLC ด้วยการแปลงรูปแบบของคอนโซลและอุปกรณ์บางชิ้นที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและความสวยงาม อุปกรณ์ราคาแพงพวกเบาะหนัง ARTICO สีน้ำตาล แผงประตู-ปุ่มและสวิตช์สำหรับสั่งงานที่เน้นความหรูหราน่าใช้ เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังรถคู่แข่งด้วยงานออกแบบและตกแต่งห้องโดยสารที่อ้างอิงความหรูกับโมเดลรุ่นพี่อย่าง S-Class การปรับรุ่นแยกย่อยสำหรับการตกแต่งภายในที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน อุปกรณ์พวกอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยสอดคล้องกับมาตรฐานอันสูงส่งที่ถูกกำหนดโดยตัวรถรุ่นพี่อย่าง New GLE งานตกแต่งภายในของ GLC250d รุ่นถูกสุดมีความประณีตบรรจง จากงานประกอบสำหรับการเชื่อมโยงบรรยากาศภายในห้องโดยสารสไตล์ Mercedes-Benz ผนวกเข้ากับการใช้งานผ่านผิวสัมผัสของวัสดุชั้นสูง เช่น หนัง ลายไม้ที่จัดทำอย่างพิถีพิถันที่มีทั้งรายละเอียดและผิวสัมผัส

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

แดชบอร์ดและคอนโซลกลางมีขนาดใหญ่จากรูปแบบของแดชบอร์ดใน C-Class W250 มาปรับขนาดให้เข้ากับพื้นที่ภายในของ GLC แผงคอนโซลแบบชิ้นเดียววางช่องระบายอากาศทรงกลม พนักเท้าแขนเชื่อมกับอุโมงค์เพลากลางแบ่งเขตแดนของพื้นที่ระหว่างคนขับกับผู้โดยสารตอนหน้าอย่างชัดเจน เส้นสายลวดลายของภายในที่มีความชัดเจนในตัวตน สร้างความรู้สึกของการเปิดพื้นที่และความพิถีพิถันของงานตกแต่งด้วยบรรยากาศที่มีความทันสมัยเทียบเท่า GLE ผู้พี่ ทัชแพด หรือจอแสดงผลส่วนกลาง สั่งงานด้วยระบบสัมผัสเป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดปุ่มกดหรือสวิตช์สั่งงานที่รกรุงรังในรถยุคก่อน ห้องโดยสารโดยเฉพาะเบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ คอนโซลกลางใช้งานไม้สีน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกถึงความเคร่งขรึมในฐานะที่เป็นยนตรกรรมแนวออฟโรด

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

ต่ำลงมาจากจอมอนิเตอร์เป็นช่องแอร์ทรงกลม 3 วง กับแผงควบคุมอุณหภูมิดิจิตอลที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ระบบแป้นสั่งงานแบบสัมผัสหรือทัชแพดครอบคลุมการใช้งานโดยสามารถเขียนตัวอักษรหรือตัวเลข ระบบ Comand Online สื่อสารกับโลกภายนอกด้วยอินเทอร์เน็ต ตำแหน่งศูนย์กลางของการแสดงผลแบบบูรณาการด้วยแผงควบคุมระบบอากาศ ซึ่งจะแสดงผลที่หน้าจอสำหรับการปรับตั้งระบบแอร์ในห้องโดยสาร ฟังก์ชั่นอันหลากหลายของการปรับตั้งที่ทำออกมาให้มีความน่าใช้งานผสมกับความง่ายในการเข้า-ออกจากเมนู จอภาพและกราฟิกที่สร้างความคมชัดด้วยรูปแบบที่น่าสนใจแต่รุ่น 250d Off-Road ไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียมมาให้ หากอยากได้ก็ต้องควักกระเป๋าเพิ่ม

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

GLC มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในด้วยการเพิ่มพื้นที่ของห้องโดยสารให้กว้างมากขึ้น พื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง การเพิ่มขึ้นของความยาวตัวถังใน GLC เมื่อเทียบกับ GLK รุ่นก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นจากงานออกแบบที่มีประสิทธิภาพโดยพยายามปรับพื้นที่ภายในให้เกิดประโยชน์กับการใช้งานมากที่สุด เกือบทุกปัจจัยขึ้นตรงกับความสะดวกสบาย พื้นที่สำหรับวางเท้าถูกขยายขึ้นอีก 34 มิลลิเมตร ตามวัตถุประสงค์หลักของการออกแบบ เพื่อทำให้สามารถเข้าและออกจากรถได้สะดวกมากขึ้น วิศวกรของ Mercedes-Benz ออกแบบขนาดของพื้นที่เก็บสัมภาระโดยมีระดับพื้นที่โหลดสัมภาระให้พอเพียงต่อการใช้งาน เบาะนั่งด้านหลังใช้รูปแบบของการพับ 40/20/40 ปริมาตรของพื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายที่ 580 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงราบกับพื้นจะได้พื้นที่มากถึง 1,600 ลิตร เพิ่มอีก 50 ลิตรจากโมเดลเก่า เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับการโหลดสัมภาระยกเข้าไปยังพื้นที่เก็บของ โดยมีสัดส่วนความสูงของแนวฝาท้ายลดลงอีก 40 มิลลิเมตร ฝาท้ายเปิด-ปิดได้ด้วยการกดปุ่ม แต่ไม่มีเซนเซอร์ที่ใช้เท้ากวาดใต้ฝากระโปรงหลังเนื่องจากเป็นรุ่นต่ำสุดนั่นเอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

ตำแหน่งท่านั่งที่ลงตัวกับเบาะปรับไฟฟ้าที่ไม่มีหน่วยความจำมาให้ในรุ่นถูกสุด ออปชั่นที่โดนหั่นเพื่อทำราคาให้ถูกลงอาจไม่มีความจำเป็นในการใช้งานมากเท่ากับการควบคุมที่ยอดเยี่ยมของมัน GLC250d เป็นรถที่ขับได้ง่าย แม้จะสูงใหญ่มากกว่ารถเก๋งทั่วๆไปแต่การออกแบบชุดบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ทำให้การขับขี่ใช้งานในเมืองไม่ได้สร้างความยากลำบากอะไรเมื่อเข้าไปในตรอกซอกซอยที่คับแคบ รถคันทดสอบใส่ยางรันแฟลตขอบ 19 นิ้วที่มีแก้มยางสูงพอใช้ได้ ล้อกับยางที่ผ่านการคำนวนให้มีความเหมาะสมกับระบบรองรับทำให้เจ้าออฟโรดตราดาวคันนี้ขับได้ดีสูสีกับรถคู่แข่ง สิ่งที่ทำให้รู้สึกชอบก็คือความนิ่มนวลของช่วงล่างและการเก็บเสียงที่สามารถผลึกห้องโดยสารและปิดกั้นเสียงแปลกปลอมจากภายนอกได้อย่างเนียน แรงบิด 500 นิวตันเมตร ในโหมด Comfort สามารถเรียกกำลังออกมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย แค่กดคันเร่งให้ลึกลงหน่อยมันก็จะพาคุณทะยานไปตามฝ่าเท้าได้อย่างที่ต้องการ เครื่องยนต์ดีเซล OM651 ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหมุนด้วยรอบสูงอย่างต่อเนื่อง แค่ 2,000 รอบต่อนาทีก็เหลือกำลังลาก แรงบิดรอบต่ำมาเต็มและมาเร็ว ทำให้ไม่มีถนนโล่งมากพอในการปลดปล่อยฝูงม้า 204 ตัวออกมาจนหมดไส้หมดพุง!

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

พวงมาลัยของรถยุโรปยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz BMW หรือ Audi ทำออกมาได้ดีสูสีกันในด้านความแม่นยำและน้ำหนักที่แปรผันไปตามความเร็วและสามารถทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ ได้ พวงมาลัยของ CLC ให้ความรู้สึกถึงการสื่อสารกับผิวถนนที่ดี มีน้ำหนักที่หน่วงมือปรับเปลี่ยนไปตามความเร็ว ในย่านความเร็วต่ำก็ปรับมาให้เบาสบายมือสำหรับการหักเลี้ยวจากที่จอดคับแคบหรือเลี้ยวกลับลำแบบยูเทิร์นโดยไม่สร้างความยากลำบากในการควบคุม เมื่อขับเร็วขึ้นน้ำหนักของพวงมาลัยก็จะหน่วงมือมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้โหมด Sport และ Sport + เป็นพวงมาลัยยุคใหม่ที่ตอบสนองได้ดีทั้งทางตรงและการควบคุมทิศทางในโค้ง ช่วงล่างแบบมาตรฐานก็หนึบแน่นใช้ได้ ถ้ารู้จักหยอดเมื่อเจอกับหลุมบ่อหรือขับบนผิวถนนแบบทางลูกรัง หากใช้ความเร็วที่เหมาะสมก็จะเป็นรถที่นั่งหรือขับได้อย่างเนียนตา

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

GLC ทุกรุ่นติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4MATIC สามารถกระจายถ่ายเทแรงบิดแบบผกผันจากล้อหน้าไปล้อหลังหรือจากล้อหลังมายังล้อหน้าได้ 45% ถึง 55% ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางที่วิ่งผ่าน การกระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังเชื่อมโยงกับระบบควบคุมการทรงตัว ESP® / ASR และ 4ETS ระบบควบคุมการจัดการแบบไดนามิกนี้ มีให้สำหรับการควบคุมที่เหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง (ยกเว้น ultra quattro ของ Audi Q5) และสามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจนจากการทำงานที่แม่นยำ คลัตช์หลายแผ่นที่แตกต่างกันในชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ช่วยเพิ่มการยึดเกาะระหว่างยางกับผิวถนน การขับบนหิมะหรือน้ำแข็ง แรงล็อกขั้นพื้นฐาน 50 นิวตันเมตร ระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังกับการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อต้องลากจูงวัตถุที่ส่งผลกับเสถียรภาพของตัวรถ

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9G-TRONIC หรือเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 อัตราทดรุ่นล่าสุดสร้างโดยวิศวกรของ Mercedes Benz ถูกติดตั้งให้เป็นเกียร์มาตรฐานใน GLC250d 4MATIC และ GLC43 4MATIC ทั้งนี้ เพื่อให้เหนือกว่าเกียร์แบบ 8 สปีดในรถคู่แข่งอย่าง BMW X3 โดยขึ้นอยู่กับโหมดที่ผู้ขับขี่ทำการเลือกสำหรับการควบคุมแบบ DYNAMIC เกียร์ 9 สปีดแบบใหม่ที่มีอัตราทดเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ตำแหน่งเข้ามาแทนที่เกียร์รุ่นเก่า ซึ่งมีแค่ 7 สปีด ครอบคลุมทุกสภาพเส้นทาง โดยเน้นไปที่ความคล่องตัวและการตอบสนองที่ดีของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะย่านของแรงบิดที่กว้างมากยิ่งขึ้น เกียร์โอเวอร์ไดรฟ์หรือเกียร์ 9 ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ และทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง ศักยภาพในการส่งกำลังที่เหนือกว่าเกียร์แบบอื่นๆ โดยเน้นไปที่คุณประโยชน์ของการขับใช้งานได้อย่างเต็มที่ เกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ของ Mercedes-Benz ใน GLC ยังมีการเปลี่ยนแปลงอัตราทดด้วยความว่องไวอย่างน่าประทับใจ จากความแม่นยำและเรียบเนียนราวกับเกียร์ CVT มอบอัตราเร่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเร่งความเร็วเพื่อแซง ผสานกับความนิ่มนวลเมื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลงรวมถึงการกระโดดข้ามของเกียร์เมื่อเปลี่ยนอัตราทดด้วยความรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำด้วยแป้น Paddle Shift

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

โหมดการขับเคลื่อน 5 รูปแบบปรับผ่านสวิตช์ DYNAMIC SELECT กับโปรแกรมการขับที่เป็นมาตรฐานที่ติดตั้งมาให้จากโรงงานเช่นเดียวกับ BMW X3 ที่ใช้เกียร์ ZF 8 สปีด ใน GLC250d โหมดการขับเคลื่อนเริ่มจาก ECO ที่เน้นการขับไปเรื่อยๆ เพื่อประหยัดเชื้อเพลิงด้วยคันเร่งไฟฟ้าที่ตอบสนองอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดอัตราสิ้นเปลือง โหมด COMFORT เป็นโหมดมาตรฐานเมื่อทำการสตาร์ตเครื่องยนต์ ใช้งานสำหรับการขับทั้งในและนอกเมืองโดยให้การตอบสนองแบบกลางๆ โหมด SPORT คันเร่งไฟฟ้าไวขึ้นและเกียร์เปลี่ยนช้าลงเพื่อคาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ที่มีแรงบิดสูงสุด โดยเฉพาะ เกียร์ 4-5 ส่วนโหมด SPORT + ทุกสิ่งทุกอย่างของ GLC250d จะว่องไวและตอบสนองอย่างรวดเร็วสำหรับการขับที่รีบเร่งและไม่สนใจกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ส่วนโหมดสุดท้าย Individual สามารถล้วงลึกเข้าไปปรับตั้งการตอบสนองของ เครื่องยนต์ พวงมาลัย และระบบควบคุมอุณหภูมิ

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

โหมด ECO ซึ่งเป็นโหมดประหยัดพลังงานสำหรับการวิ่งบนทางสายรองก่อนที่จะไปโผล่บนไฮเวย์ โหมดประหยัดใน GLC250d ให้ความรู้สึกนิ่มนวลชวนฝันแบบลอยไปเรื่อยๆบนผิวถนนเมื่อพบเจอกับทางเรียบ ในโหมดประหยัดนั้นการวิ่งแบบเรื่อยๆมาเรียงๆบน GLC คล้ายกับการทำตัวเป็นรถที่ขับได้สองแบบสองบุคลิก ขับช้าก็จะได้ความประหยัดพอขับเร็วๆ ก็จะได้ความสนุก กำลัง 204 แรงม้ากับแรงบิด 500 นิวตันเมตร มากพอที่จะกดคันเร่งแซงรถช้าแม้จะคาอยู่ในโหมดต่ำสุด การตอบสนองของพวงมาลัยนั้นแม้จะเบาสบายมือ แต่ยังมีความมั่นคงและแม่นยำจากการปรับเซตน้ำหนักของพวงมาลัยผ่าน ECU ชุดส่งกำลังแบบใหม่ 9G Tronic ที่มีอัตราทดมากถึง 9 ตำแหน่งจะปรับตัวเองไหลขึ้นไปยังเกียร์สูงหรือเกียร์ 9 อย่างรวดเร็วเพื่อลดรอบเครื่องยนต์ ระบบ Auto Start/Stop ทำงานทันทีที่ตัวรถหยุดนิ่งเมื่อขับมาจอดรอสัญญาณไฟจราจร เมื่อเครื่องยนต์ดับตัวเองลงในระหว่างที่จอดรอสัญญาณไฟเขียว ระบบปรับอากาศยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องแต่คอมเพรสเซอร์แอร์นั้นหยุดทำงานตามเครื่องยนต์ไปด้วย หากติดไฟแดงนานๆ แล้วเซ็นเซอร์ตรวจพบว่าอุณหภูมิภายในห้องโดยสารกำลังสูงขึ้น ระบบจะสั่งให้เครื่องยนต์ติดเองแบบอัตโนมัติเพื่อทำให้คอมแอร์กลับมาทำงานอีกครั้งแล้วส่งไอเย็นกลับมาหมุนเวียนเป็นวงจรการทำงานที่มีความต่อเนื่องและราบรื่นของ GLC250d ในโหมด ECO

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

โหมดการขับเคลื่อนปกติทั่วไปหรือ Comfort ให้ความรู้สึกว่าคันเร่งนั้นไวขึ้นมาอีกนิด พวงมาลัยจากที่เคยยืดหยุ่นผ่อนคลายก็กลับมากระชับตึงไม้ตึงมือมากกว่าโหมดต่ำสุด โหมด Comfort เหมาะกับการใช้วิ่งสลับทั้งในและนอกเมือง เกียร์ 9 สปีดที่เหนือชั้นทำงานอย่างขยันขันแข็งในการเปลี่ยนอัตราทดขึ้น-ลงไปตามสภาพทางความเร็วของตัวรถที่ผกผันอยู่ตลอดเวลาและการใช้คันเร่ง เทียบกับเกียร์ 8 สปีดของ BMW X3 ในด้านความรู้สึกแล้วออกมาสูสีแบบกินกันกันไม่ลง เกียร์ 9G Tronic ของ GLC จะได้เปรียบเกียร์ ZF 8 Speed ของ BMW X3 xDRIVE 20d อยู่นิดๆ ตรงที่มีอัตราทดเหนือกว่าอยู่ 1 ตำแหน่ง นอกเหนือไปจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวคุณเองผ่านแป้น Paddle Shift หรือให้มันเกียร์เปลี่ยนเองแบบอัตโนมัติในตำแหน่ง D เกียร์ของ BMW และ Mercedes-Benz ก็มีประสิทธิภาพดีพอฟัดพอเหวี่ยงด้วยกันทั้งคู่ เป็นชุดส่งกำลังที่มีให้คุณทั้งความราบเรียบไร้อาการกระตุกกระชาก มอบอารมณ์เนียนๆ ด้วยการทำงานไหลขึ้น-ลงอย่างต่อเนื่องคล้ายกับการทำงานของเกียร์ CVT แต่อย่าลืมว่าเกียร์แบบฟันเฟืองทอร์คคอนเวอร์เตอร์ของทั้งสองแบรนด์นั้นมีกลไกภายในที่สลับซับซ้อน ประกอบไปด้วยเฟืองทดกำลังต่างขนาดจำนวนมาก สมองกลไฟฟ้าที่ควบคุมการทำงานและช่องทางเดินของน้ำมันเกียร์ที่ใช้ในการหล่อลื่น ขนาดและน้ำหนักของเกียร์ที่มากกว่า บวกกับราคาค่าตัวที่แพงกว่าเกียร์ CVT ในรถญี่ปุ่นมากมายหลายเท่า สมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ GLC ส่วนหนึ่งเกิดจากการถือกำเนิดเกิดขึ้นมาหลังการปรากฏตัวของ BMW X3 Mercedes Benz ใช้ความพยายามในการที่จะทำให้ GLC เป็นรถออฟโรดรุ่นใหม่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนได้มากกว่า เป็นรถที่มีเสถียรภาพ คล่องตัวและมีเครื่องยนต์ความจุแค่ 2,143 ซีซี แต่สามารถฉุดลากตัวรถที่มีน้ำหนักมากถึง 1835 กิโลกรัมให้ปลิวไปตามสายลมได้อย่างสบายๆ การตอบสนองของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4MATIC ทำให้เกิดความมั่นใจ ช่วงล่างโอนอ่อนผ่อนคลายมากกว่า X3 ทำให้นั่งได้นุ่มสบายก้นแม้จะวิ่งผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบหรือไม่มีความสม่ำเสมอ ช่วงล่างแบบใหม่ที่มีอะลูมินั่มอัลลอยเสริมเข้ามาในจุดที่ต้องรับแรง เมื่อจับผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่งบวกสัมภาระเต็มคันก็ยังไม่กระทบกับประสิทธิภาพของตัวรถแต่อย่างใดทั้งสิ้น

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

สำหรับแพ็กเกจ Off-Road ที่อยู่ในรุ่นสูงสุดของ GLC43 (ไม่มีใน GLC250d Off-Road) ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเพิ่มเติมความสามารถในการลุยทางวิบาก ประกอบด้วยโปรแกรมการขับ 5 รูปแบบที่ครอบคลุมลักษณะของการใช้งานที่เน้นความสมบุกสมบัน แพ็กเกจ Off-Road จะมีการทำงานร่วมแกนกับ AIR BODY ควบคุมตัวรถด้วยการเพิ่มหรือลดความสูงไปตามโปรแกรมการขับเคลื่อนที่ปรับตั้งได้ ระดับสูงสุดของการลุย ช่วงล่างแบบ Air Matic จะยกความสูงเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร การควบคุมกระจายแรงบิดขึ้นตรงกับคอมพิวเตอร์ส่วนกลางที่จะคอยประเมินผลตรวจจับล้อที่เกิดอาการลื่นไถล โดยจะทำการลดแรงบิดในล้อที่หมุนฟรีแล้วถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อที่ยึดเกาะกับผิวถนน ออฟชั่นเสริมออฟโรดโปรแกรมถูกออกแบบมาสำหรับการวิ่งฝ่าเส้นทางทุรกันดาน ใช้ลากจูงรถพ่วง อำนวยความสะดวกสำหรับการขับใช้งานเมื่อออกจากเส้นทางปกติเพื่อการลุย แพ็กเกจ Off-Road เชื่อมต่อไปถึงระบบเฝ้าระวัง Gemtex underride ที่เน้นความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะวิ่งแบบไต่เนินชันหรือไหลลงจากทางที่มีความลาดชันมากๆ ระบบซึ่งเป็นไปตามชื่อย่อของ DSR ทำงานอัตโนมัติโดยรักษาความเร็วให้คงที่ขณะขับขึ้นหรือลงเนินลาดชัน ถ่ายเทแรงบิดด้วยความเรียบเนียนปราศจากอาการกระตุกกระชาก

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

ในขณะที่ GLK รุ่นเก่านั้นมีทั้งอาการโคลงตัวกับแรงเหวี่ยงหนักๆ ในโค้ง แต่ใน New GLC 250 4MATIC ผมสามารถเข้าโค้งกว้างๆด้วยความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ พัฒนาการที่ก้าวกระโดดของแชสซีส์และระบบรองรับซึ่งเคยตกเป็นรองรถศัตรูตัวฉกาจอย่าง BMW X3 ในอดีต หนทางในการแก้ทางมวยที่ Mercedes Benz ทำการศึกษามาเป็นอย่างดีก็คือทำอย่างไรก็ได้เพื่อจะให้ GLC250d มีการขับขี่ที่เหนือกว่า BMW X3 หรือแม้แต่ Porsche Macan เจ้า GLC มีแชสซีที่ยอดเยี่ยม โครงสร้างของตัวรถแข็งแกร่งขึ้นมากแต่กลับมีน้ำหนักตัวที่เบาลง ฐานล้อของ GLC เมื่อเทียบกับ X3 แล้วยาวกว่าเล็กน้อยแต่ส่งผลไปถึงความรู้สึกของการนั่งและการขับที่เต็มไปด้วยความมั่นคง ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบนทำจากอัลลอยทั้งดุ้น แพหลังของเจ้านี่ก็ยังทำมาจากอัลลอยที่นอกจากจะเบาและแข็งแรงแล้ว ยังให้ความรู้สึกหนึบหนับราวกับทากาวไว้ที่ล้อขับเคลื่อนหลัก หากทำออกมาไม่ได้เรื่องได้ราวแบบขอไปที ระบบรองรับของรถยนต์แบบออฟโรดก็จะกลายเป็นตัวบั่นทอนสมรรถนะของตัวรถไปโดยปริยายเนื่องจากขนาดความสูง จุดที่สตรัทมีการขยับตัวอยู่บ้างและทำให้อาการของรถประเภทนี้ไม่ดีเท่ากับรถเก๋งเมื่อต้องหวดเข้าโค้งแรงๆ การปรับแต่งระบบรองรับทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้เคลื่อนไหวได้เล็กน้อยตามต้องการ รถจึงขยับไปในทิศทางเดียวกันทั่วทั้งคันขณะเข้าโค้ง ช่วงล่างของ GLC ช่วยขจัดอาการดึงที่พวงมาลัยไม่ว่าจะเป็นตอนที่คนขับเร่งเครื่องยนต์หรือขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เป็นวิธีที่ให้ความยืดหยุ่นกับตัวรถที่ส่งผลดีต่อการควบคุมตั้งแต่ย่านความเร็วต่ำไปจนถึงความเร็วสูง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

ระบบห้ามล้อของ GLC250d 4MATIC Off-Road เป็นจานเบรกเหล็กธรรมดาไม่ได้เจาะรูระบายความร้อนเหมือนรุ่น AMG คาร์ลิปเปอร์อัลลอยสีเทาก็ไม่มีตราสัญลักษณ์ Merceds-Benz เหมือนรุ่นที่แพงกว่า เป็นชุดเบรกที่ทำงานได้ดี เมื่อลองวิ่งลงมาจากเนินเขาแล้วใช้เบรกหนักๆ จานเบรกและพลังในการหยุดยั้งดีเยี่ยม GLC250d มีระยะเบรกจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนหยุดนิ่งสนิทแค่ 35 เมตร เท่ากับรถสปอร์ตคันเล็กเลยทีเดียว ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC จะส่งแรงบิดไปที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้าเมื่อขับบนถนนปกติ โดยมี Torque Vectoring ที่สามารถช่วยให้ล้อหน้าส่งกำลังขับเคลื่อนได้ 50% ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ช่วยทำให้รถมีความเสถียรเมื่อวิ่งอยู่บนไฮเวย์และช่วยให้คุณเอาตัวรอดได้เมื่อขับลุยฝ่าทางวิบาก ยาง pirelli รุ่น scorpion verde แบบ all season ไซล์ 235/55R19 101Y เป็นยางรัลแฟลตที่ค่อนข้างนุ่มนวล แก้มยางไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนยางรันแฟลตทั่วๆ ไป เป็นส่วนผสมที่ลงตัวเมื่อต้องทำงานร่วมกับช่วงล่างของ GLC มันให้ทั้งความสบายและความหนึบ ทำให้ล้อขอบ 21 นิ้วของ GLC 43AMG ดูด้อยประสิทธิภาพบนทางตรงกันไปเลยทีเดียว ล้อใหญ่เกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีและการมีล้อแค่ 19 นิ้วก็เหมาะสมกันดีอยู่แล้วบนถนนในประเทศไทยที่ไม่ค่อยจะมีความสม่ำเสมอ ถ้าจะเอาสวยแบบเต็มซุ้ม เล่นกันถึงขอบ 21-22 นิ้ว คุณก็จะพบกับราคาที่แพงแสบไส้ของยางและอาการสะเทือนและโคลงเคลงในแบบที่จะทำให้ขับไม่สนุก! แก้มยางที่เตี้ยสุดๆ เมื่ออยู่ในล้อไซส์ยักษ์อาจเกิดความเสียหายได้ตลอดเวลาเมื่อขับแบบขาดความระมัดระวัง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

โหมด Sport ถูกผมกดใช้งานเมื่อวิ่งอยู่บนทางหลวงชนบทที่จะมุ่งหน้าไปยังอำเภอบ้านไร่ในจังหวัดอุทัยธานี สัมผัสในโหมด Sport ให้ความรู้สึกถึงการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าไวขึ้นมาก ส่วนอัตราเร่งของ GLC รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ที่ 7.9 วินาที โหมด Sport สร้างความกระฉับกระเฉงโดยเฉพาะอัตราเร่งที่ดุดันเกินปริมาตรความจุแค่ 2.1 ลิตรของเครื่องยนต์ดีเซลจาก Mercedes-Benz ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบผนวกอินเตอร์คูลเลอร์สำหรับการลดอุณหภูมิไอดีก่อนประจุอัดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ สร้างแรงบิดที่กลายมาเป็นการวิ่งแบบว่องไวปราดเปรียว เมื่อถนนโล่ง เจ้า GLC250d ในโหมด Sport ทะยานพุ่งไปข้างหน้าอย่างร่าเริง เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานอย่างขยันขันแข็งช่วยทำให้สมรรถนะของมันเกือบจะขึ้นไปเทียบชั้นกับ Porsche Macan ในรุ่นมาตรฐานเลยทีเดียว แชสซีส์ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพสำแดงฤทธิ์เดชออกมาให้เห็นเมื่อต้องเปลี่ยนช่องทางแบบเร็วๆ คล้ายกับการมุดเข้ามุดออกของรถซิ่ง โหมด Sport ไม่ต้องมานั่งเรียนรู้จังหวะจะโคนของการใช้คันเร่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น แค่กระแทกคันเร่งลงไปจนสุดมันก็จะพุ่งทะยานไปตามแรงฝ่าเท้าทันที GLC เป็นรถ SUV ไซส์กลางที่มีเครื่องยนต์ พวงมาลัยและเบรกในระดับสุดยอด โดยเฉพาะตอนพุ่งเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นคง ทำให้ผมสามารถทะยานผ่านเนินเขาแถวอุทัยธานีด้วยความว่องไวทันใจนึกกันจริงๆ

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

จุดเด่นใน GLC ทุกรุ่นทุกเครื่องยนต์ก็คือ การวิ่งใช้งานในชีวิตประจำวันที่น่าประทับใจ การเก็บเสียงที่ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์และเกียร์รวมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทำงานผสานกันอย่างราบรื่นต่อเนื่องครอบคลุมทุกโหมดของการขับเคลื่อน ทุกสิ่งทุกอย่างใน GLC ถูกปรับปรุงทั้งในด้านภาพลักษณ์และคุณภาพของงานประกอบ พร้อมด้วยการเสริมประสิทธิภาพของการขับขี่ด้วยตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์นับสิบรายการเพื่อทำออกมาให้เหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง GLC250d เครื่องยนต์ดีเซล เป็นรุ่นที่ขายดีและทำเงินมหาศาลให้กับ Mercedes-Benz Thailand ไม่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อเลือกรุ่นที่มีออปชั่นเยอะๆ รวมถึงระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับได้หรือ Air Matic ที่ไม่เหมาะกับถนนหนทางในประเทศไทย

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

Benz glc 250 d 4matic off road ม อสอง

130 ปีของแบรนด์ตราดาว Mercedes-Benz ได้สร้างสรรค์ยานยนต์หลากหลายรูปแบบขึ้นมาบนโลกใบนี้เพื่อการใช้งานที่แตกต่างและช่วยเสริมภาพลักษณ์ความสำเร็จในหน้าที่การงานของคุณที่แปรเปลี่ยนมาเป็นเงิน Mercerdes-Benz GLC รุ่นตัดออปชั่น Off-Road สอบผ่านและดีพอที่จะเป็นพาหนะตัวลุยคันใหม่ของคุณ หากไม่สนใจรถ GLC รุ่นปรับโฉม 2019 ที่จะโผล่ออกมาในเดือนพฤษภาคมนี้ รอราคาให้โฉมปัจจุบันลงมาอีกหน่อยก็น่าสอยยิ่งนักละครับท่านผู้ชม โดยเฉพาะราคาไม่ถึงสามล้านของ GLC250d 4MATIC Off-Road ก็น่าจะได้เห็นกันเมื่อรุ่นปรับโฉมใกล้ถูกวางขาย!