Co-op stardew valley ม ล กก นเองได ม ย

พูดถึงเกมปลูกผักอย่าง Stardew Valley แล้วนั้น การมีระบบ co-op นั้นถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่และมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว แม้ว่าโดยรวมตัวเกมนั้นจะเหมือนเดิม แต่หลายๆ อย่างก็มีการปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่ว่าในด้านการหยุดเวลาไม่ได้ หรือการบริหารเงินที่ได้มา ในบทความนี้ก็จะแนะนำเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยผ่านจับ co-op ใน Stardew Valley กันจ้า ว่ามีอะไรที่น่ารู้หรือระวังบ้าง

1. เพื่อนจะเข้าเล่นได้ต่อเมื่อมีอาคารที่ชื่อว่า Cabin ว่างอยู่ในฟาร์ม

นอกจากการครีในโหมด co-op แล้ว ตัวฟาร์มจำเป็นจะต้องมีอาคารที่เรียกว่า Cabin ต่างๆ อยู่ด้วย เพื่อนๆ จึงจะสามารถเข้ามาเล่นด้วยกับเจ้าของฟาร์มได้ โดยตัวอาคารนี้จะสร้างได้ทันทีในราคาและวัตถุดิบที่ถูกเยี่ยงเมล็ดไชเท้าเลย (100g + 10 stone) ซึ่งโดยปกติจะสร้างได้สูงสุดสามแห่ง (รวมทุกชนิด) ซึ่งหากเลือกสร้างฟาร์มใหม่ก็จะมีตัวเลือกติดตั้ง Cabin ให้แต่แรกด้วยล่ะ

หลังจากมี Cabin แล้ว ก็ให้เพื่อนเข้าเกมและสร้างตัว ก็จะเป็นการลงทะเบียนชื่อเพื่อนคนนั้นในฟาร์มของเราจ้า อย่างไรก็ดี ตัวเกมไม่มีระบบเตะคนออกให้หรือล๊อคห้อง ดังนั้นถ้ามีคนใน Friend List ที่ไม่ได้ตั้งใจชวนเข้ามาในฟาร์มและเขาทำการสร้างตัว Cabin จะโดนยึดไป ต้องทำการทุบทิ้งสร้างใหม่หากอยากเตะคนๆ นั้นออกนะจ๊ะ

2. เจ้าของฟาร์มมีบ้าน เพื่อนก็มี Cabin

ในส่วนของ Cabin นั้นก็จะเป็นเหมือนกับบ้านของเจ้าของฟาร์มเป๊ะๆ ยกเว้นภายนอกที่ดูเล็กกว่า แต่ภายในนั้นก็จะมีขนาดใหญ่เท่ากัน และตกแต่งได้อย่างอิสระเหมือนกัน (ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ Cabin ก็ตกแต่งได้นะ แกล้งกันได้นะเอ้อ ระวังด้วย ฮา)

นอกจากนี้การอัพเกรดตัวบ้านนั้นก็จะคิดแยกกันอีกด้วย หากเพื่อนไม่อยู่ในเกมนั้น คนอื่นก็จะสามารถเข้าไปสำรวจลิ้นชักซึ่งจะเป็นส่วนของช่องเก็บของในตัวเพื่อนคนนั้นได้ ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าเวลาเพื่อนไม่ได้เล่นแต่มีของที่ต้องใช้อยู่ในตัว ต้องมารอพร้อมกันอะไรขนาดนั้น อุแหม่

3. วิธีการชวนคนเข้ามาเล่นได้หลายวิธี

ตัวเกมมีวิธีในการชวนคนเข้ามาเล่นในฟาร์มด้วยกันหลายวิธี ทั้งการเปิดให้เพื่อนเข้าได้อย่างอิสระ (ตัวเกมพื้นฐานจะปิดส่วนนี้ให้ เพื่อกันไม่ให้ที่ในฟาร์มโดนคนที่ไม่ได้ตั้งใจเล่นด้วยกันแต่แรกมาจองที่), การเปิดเฉพาะระบบ Lan, การส่ง Invite หรือแม้กระทั่งการออก Code ให้กรอกสำหรับคนที่ไม่ให้อยู่ใน Friend List เดียวกันอีกด้วย เรียกได้ว่าใส่ใจมากเลยทีเดียวล่ะ!

เพื่อนๆ สามารถแก้ไขส่วนนี้ได้ในหน้าจอ Setting ส่วนของ Multiplayer จ้า

4. เวลาใน co-op จะเดินตลอดเวลา!

คนเดียวหยุดให้ หลายคนวิ่งกันเข้าไปก็แลดูจะไม่ผิดนัก เพราะใน co-op นั้น เวลาจะไม่หยุดให้ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม ติด Event, เปิดเมนู, ซื้อของ, กินอาหารหรือขึ้นรถบัส ทั้งหมดเวลาก็จะเดินต่อไปอย่างมุ่งมั่น ทำให้การบริหารเวลาใน co-op เป็นอะไรที่ป่วนแตกกันสุดๆ เลยล่ะ เพื่อนๆ ต้องปรับตัวกันสุดๆ ถ้าไม่อยากให้ง่วงสลบนอกบ้านตอนตีสองล่ะนะ!

5. ทุกคนต้องพร้อมถึงจะเริ่มเทศกาลได้

ในขณะที่ตัวเกมมีกำหนดเวลาว่าต้องไปถึงลานนี้หรือที่นี่ในช่วงเวลาเท่านี้ของวันจึงจะเริ่มเทศกาลได้ แต่ไม่ใช่ว่าแค่เจ้าของฟาร์มไปถึงงานเทศกาลก็เริ่มแล้วคนอื่นจะวาร์ปมาหรือโดนทิ้งไว้ตรงนั้นนะจ๊ะ ทุกคนต้องมาถึงที่หมายเพื่อรอให้คนอื่นๆ มาจนครบก่อน จึงจะตัดเข้างานเทศกาลนั้นได้ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ข้อดีคือในเทศกาล เวลาจะยังหยุดเดินตามปกติให้ทุกคนได้เล่นเทศกาลได้เต็มที่จ้า

ทั้งนี้ของรางวัลในเทศกาลนั้นจะนับแยกเป็นรายคน เช่นคะแนนหรือแต้มที่ได้รับ (ยกเว้นการประกวดของใน Stardew Valley Fair ที่นับถาดเดียวได้หมดทุกคน) หรืออาหารที่ใส่ในเทศกาล Luau ต้องใส่ระดับเดียวกันจึงจะได้ผลตามที่กำหนดเป็นต้น

6. หลายคนเตียงเดียวได้และหลับแยกกันจ๊ะ

การนอนก่อนตีสองเพื่อป้องกันการง่วงหลับนอกบ้านยังคงมีอยู่และไม่มีอะไรป้องกันหรือลักไก่ได้แล้ว ซึ่งตัวเกมนั้นจะคิดแยกว่าใครหลับทันหรือไม่ทัน คนไม่ทันก็จะตื่นมาในบ้านพร้อมกับค่า Energy ที่ไม่ค่อยจะเต็มเท่าไหร่ ส่วนคนที่นอนรออยู่ก็จะตื่นตามปกติพลังงานเต็มเปี่ยมจ้า

นอกจากนี้ไม่จำเป็นต้องนอนเตียงของตัวเอง จะมุดโปงพร้อมกับเพื่อนๆ ก็ยังได้ เลยเป็นที่มาของอาการ ใครบ้านใกล้ทางเข้าออกฟาร์มจะโดนมุดโปงเสมอ (ฮา) และไม่ต้องกังวลว่าคนนอนก่อนจะเสียเปรียบ เพราะแค่ตัวสัมผัสเตียง ค่าพลังงานก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูอย่างช้าๆ โอ้ว สุดยอด แบบนี้ต้นเกมสบายเลย! …. ไม่อ่ะ เวลามันก็เดินของมัน รู้ทันนะเธอวววว์

เงินแชร์

7. เงินแชร์กันหมด แต่ของไม่แชร์ อุฮิ

เป็นความโหดร้ายอย่างหนึ่งของระบบ co-op ที่ทุกคนใช้เงินกองกลางร่วมกันทั้งหมด ใครตกปลาขาย ใครปลูกผักขาย ลงกองกลางหมด แต่ของที่ซื้อ อัพเกรดอะไรต้องซื้อแยกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าต่างๆ การอัพอุปกรณ์ แม้กระทั่งบ้านและคอกม้าที่ต้องเปย์เองกันทั้งสิ้น โอ๊ก

อย่างไรก็ดี ถ้ามีการวางแผนกันดีๆ ช่วยกันหาเงิน ตกลงว่าใครเอาอะไรก่อนหลัง ก็จะทำให้การบริหารเงินเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้นจ้า

ขายของรวมกัน

8. ระบบ Margin สำหรับ Hardcore Gamer

ระบบหักรายได้ เป็นระบบที่ใช้สำหรับเพิ่มความยากของเกมได้ตามใจ ซึ่งหน้าที่ของมันก็จะตามชื่อเลย นั่นคือทำให้รายได้ที่เราได้รับเหลือตามที่ตั้งไว้ เช่นตั้งไว้ที่ 100% เวลาขายของราคา 20,000 ก็จะได้เต็มๆ 20,000 แต่ถ้าตั้งให้น้อยลงเหลือ 75% จากสองหมื่น จะเหลือแค่ 15,000! และถ้าเหลือ 50% จะยิ่งโคตรร๊อค เหลือแค่ 10,000 เดียว!!! เรียกได้ว่าเล่นกันแบบเวรี่ฮาร์ทกันเลยทีเดียวจ้า

วิเศษไปเลย

9. แต่งงานกันเองได้

ในขณะที่การจับชาวเมืองนั้นต้องแย่งกันว่าใครจะเหนือกว่าถ้าจีบคนเดียวกัน แต่ว่าตัวเกมก็เปิดให้เพื่อนๆ แต่งงานกันเองได้ด้วยนะจ๊ะถ้าเบื่อชาวเมืองกันแล้ว หรือแฟนๆ มาเล่นด้วยกัน (ขอดีดมดแป๊บ) แต่แน่นอนว่าแต่งด้วยกันเองก็จะไม่ได้สิทธิพิเศษแบบที่ชาวเมืองเขามีกัน (ให้ของตอนเช้า, ช่วยรดน้ำ, เลี้ยงสัตว์อะไรทำนองนั้น) และลักไก่แต่งกันตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะจ๊ะ เพราะต้องมีแหวนแต่งงานที่สร้างย๊ากยาก(จริงๆ นะ) ด้วยล่ะเอ้อ งานนี้ก็ต้องพิสูจน์รักแท้กันซักหน่อยล่ะน้า

ใช้ mod ได้ด้วย โอ้!!!

10. Mod ใช้ได้แค่บางอันนะจ๊ะ

เนื่องจากตัวอัพเดท Multiplayer มีการแก้ไขอะไรมากมาย ทำให้ Mod เกมหลายๆ ตัวไม่รองรับ แต่หลายตัวก็มีการอัพเดทตามให้รองรับหรือโชคดีที่ใช้ได้โดยไม่ต้องแก้ไขอะไรพิเศษอยู่บ้าง ซึ่งโดยมาก Mod จำพวกเปลี่ยนรูปต่างๆ เช่นภาพตัวละครมักไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นกรณีของ Mod ที่แก้ไขระบบของตัวเกมนั้น ส่วนมากก็จะมีปัญหาแน่นอน