อนาคตที่กำลังจะมาถึงมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งจะนำพาเทคโนโลยีต่างๆ มาพร้อมกัน มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ ย่อมต้องปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มทักษะให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ Show
วันนี้เรากำลังอยู่กับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยแห่งอนาคตที่ทุกคนจะมีติวเตอร์เป็นหุ่นยนต์บน cloud-based ผ่านแท็บเล็ตซึ่งรวบรวมทุกสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ หลักสูตรระยะสั้น 6 สัปดาห์หรือสถาบันการศึกษาต่างก็ต้องใช้รหัสเพื่อการเข้าถึง โลกของการศึกษาจะเป็นระบบดิจิตอลและระบบรายบุคคลเพื่อให้คุณได้เรียนรู้จากแล็ปท็อปของคุณจากทุกมุมโลกที่คุณต้องการ มีปัญหาสำคัญจากวิสัยทัศน์นี้คือ การพลาดโอกาสที่จะทำให้นักเรียนได้รู้จักการเรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จ งานใหม่ๆ ต้องการทักษะใหม่ๆจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้ มหาวิทยาลัยและบริษัทต่างต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายจากทั้งเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น ระบบการขนส่งอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนสังคมในวงกว้าง การเติบโตของชนชั้นกลางทั่วโลก ในการประชุม World Economic Forum มีประเด็นสำคัญจากหัวข้อ “Future of Jobs” ที่บอกว่าแนวโน้มเหล่านี้กำลังปฏิรูปแรงงาน คาดว่า 10 อันดับต้นๆ จากรายงานดังกล่าว จะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีของการทำงาน จะมีการทำงานร่วมกันมากขึ้น เน้นการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ในทางที่สร้างสรรค์มากขึ้น และแน่นอนว่ามีการบูรณาการมากกว่าแต่ก่อน ดูอย่างเช่นบริษัท Google ที่มีการจ้างนักจิตวิทยาช่วยโปรแกรมเมอร์ออกแบบ fonts และการจ้างนักมานุษยวิทยาเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีคิด และพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น 10 ทักษะที่จำเป็นปี 2020ปี 20151.Complex Problem Solving: การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน1.Complex Problem Solving: การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน2. Critical Thinking: การคิดวิเคราะห์2. Coordinating with Others: การทำงานร่วมกัน3. Creativity: การคิดสร้างสรรค์3. People Management: การจัดการบุคลากร4. People Management: การจัดการบุคลากร4. Critical Thinking: การคิดวิเคราะห์5. Coordinating with Others: การทำงานร่วมกัน5. Negotiation: การเจรจาต่อรอง6. Emotional Intelligence: ความฉลาดทางอารมณ์6. Quality Control: การควบคุมคุณภาพ7. Judgment and Decision Making: การประเมินและการตัดสินใจ7. Service Orientation: การมีใจรักบริการ8. Service Orientation: การมีใจรักบริการ8. Judgment and Decision Making: การประเมินและการตัดสินใจ9. Negotiation: การเจรจาต่อรอง9. Active Listening: การฟังเชิงรุก10. Cognitive Flexibility: ความยืดหยุ่นทางความคิด10. Creativity: การคิดสร้างสรรค์ปัญหาคือ จากทุกทักษะที่กล่าวมาแล้วนั้น ไม่ง่ายเลยถ้านักเรียนจะเรียนรู้เพียงคนเดียว หรือเรียนผ่านระบบออนไลน์ หรือปราศจากความพยายาม นักเรียนต้องมีการฝึกปฏิบัติ ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ต้องเรียนรู้ที่จะคิดที่ซับซ้อน มีการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และมีการจัดการทางอารมณ์อย่างชาญฉลาด ทั้งปัญหาเล็กและปัญหาใหญ่
ดังนั้น มหาวิทยาลัยในวันข้างหน้าจะมีลักษณะเช่นไร และอะไรคือสิ่งที่มหาวิทยาลัยต้องทำ มหาวิทยาลัยกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4สิ่งแรก มหาวิทยาลัยในอนาคตต้องมุ่งไปที่การให้ความรู้ความเข้าใจและทักษะการข้ามกลุ่มสาระวิชา มีการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกัน และการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน นักเรียน นิสิต นักศึกษาจะเรียนรู้โดยการฝึกปฏิบัติภาคสนาม ยกตัวอย่างเช่น การฝึกงาน การประยุกต์จากห้องปฏิบัติการ ทั้งหลักสูตรการสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (STEM Courses) และที่ไม่ใช้หลักสูตร STEM รูปแบบสหกิจศึกษา (Cooperative Education) ซึ่งเป็นระบบการศึกษาที่จัดให้มีการเรียน การสอนในสถานศึกษาสลับกับการไปหาประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงานจริง จะแพร่กระจายไปหลายประเทศรวมถึง ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา อีกรูปแบบที่เป็นรูปแบบใหม่ เช่น การทำ Workshop จะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย อย่างเช่น หลักสูตร cross-disciplinary design workshops ของสแตนฟอร์ด หัวข้อ วิธีการปรับปรุงระบบการให้บริการด้านสุขภาพ (ทางการแพทย์) ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ The Institute for Design and Public Policy คิดขึ้นโดย The Rhode Island School of Design และ US Department of State’s Bureau of Educational and Cultural Affairs ทำ Workshop ร่วมกัน มหาวิทยาลัยในอนาคตจะมุ่งไปที่ “เรียนรู้ที่จะเรียน” (Learning to Learn) การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดชีวิต และสำหรับก้าวแรกสู่การเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ ทุกคนต้องมีเครื่องมือเพื่อใช้ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต นั่นคือ “ความอดทน” หรือ “ความตั้งมั่นต่อการเรียนรู้” ดังนั้น บรรดาครูผู้สอนหรือผู้ที่มีหน้าที่ให้ความรู้ทางการศึกษาจะต้องผลักดันให้นักเรียนสามารถพัฒนาให้เป็นคนที่รู้จักคิดวิเคราะห์ รู้จักแก้ปัญหา สามารถปรับตัวรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายนอกห้องเรียนได้ มหาวิทยาลัยอาจช่วยให้คำแนะนำแนวทางในการทำวิจัยมากขึ้น ให้การสนับสนุนให้นักเรียนทำวิทยานิพนธ์ หรือทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จ หรือพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ปลดล็อคข้อบังคับ และพยายามปลูกฝังทักษะพื้นฐาน เช่น วิธีการหาแหล่งข้อมูล การหาผู้เชี่ยวชาญ และกำหนดคำถามอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น การให้ความสนใจในเรื่องสารสนเทศศาสตร์และนำมาใช้ในหลายสาขาดังกล่าว
|