Gate หน วยรบต างม ต น ยาย เล ม 3

ปีค.ศ.1938 เช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง หลังจากข้อตกลงมิวนิคทำให้เยอรมนนีได้รับเนินซูเดินลันท์ของเชคโกสโลวะเกียไป ณ เมืองทางเหนือของเยอรมันชื่อtravemünde ได้มีประตูลึกลับเปิดขึ้นนอกชายฝั่ง ภายในนั้นมีกองทัพจากต่างโลกบุกเข้ามาเข่นฆ่าประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำสูงสุดเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นส่งกองกำลังทหารหรือชุดรบซาลามานเดอร์เข้าสู่ต่างโลก และเรื่องราวมันจะเป็นเช่นไร จะเกิดโศกนาฎกรรมในดินแดนใหม่หรือไม่? แล้วอิตเลอร์จะทำสงครามกับเหล่าชาติสัมพันธมิตรหรือเปล่า?

คุยกันก่อน**

คนบางส่วนที่เข้ามาอ่านคงคิดว่านิยายเรื่องนี้คงซ้ำซาก....โนๆๆๆ ผมจะไม่เขียนให้มันซ้ำ เนื้อเรื่องบางส่วนอาจได้มาจากGATE แต่โดยรวมส่วนมากผมจะเขียนใหม่ตามฉบับที่ตัวเองต้องการ.............นี่ไม่ใช่กองกำลังป้องกันตนเองของญีปุ่น แต่คือกองทัพแห่งเยอรมันไรซ์ที่ 3 มีผู้นำอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ มันไม่โลกสวยอย่างแน่นอน ตัวผู้เขียนเองไม่ใช่พวกเบียวนาซีแต่อย่างใด เพียงคิดดูแล้วหากGATE เปิดในยุคInterwar มันมีแค่เยอรมันเท่านั้นที่ตัวผู้เขียนคิดว่ามันเหมาะสมสุด เขียนเรื่องกองทัพญี่ปุ่นมามากพอแล้ว เขียนกองทัพเยอรมันบ้างดีกว่า หรือหากใครอยากอ่านยำรวมๆกัน แนะนำให้ไปอ่านนิยายของผมอย่าง กองเรือไทยไปต่างโลก เรื่องนี้ตอบโจทย์อย่างแน่นอนถ้าใครอยากเห็นหลายชาติอักษะอยู่ร่วมกัน ในเรื่องนี้ชาติอักษะอื่นๆ มันไม่เด่น มันจะเจาะจงโดยเฉพาะเยอรมนี สลับกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศที่ไม่มีใครดีใครเลว ทุกชาติล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหมดไม่ว่ามันจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม.............

การอัพตอนมักไม่แน่นอน ผู้เขียนสมองตันกับขี้เกียจบ่อยครั้ง...นี่คือเหตุผล ฮะฮะ

ใครรู้เรื่องสมัยนาซีเยอรมันดีสามารถทักมาคุยแนะนำได้ที่

doughkiki.05@gmail.com

** นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น และไม่ใช่ "เบียวนาซี" แต่อย่างใด**

แนะนำตัวละคร

ร้อยโทอีริค เบอร์มัน

อายุ:32

ส่วนสูง:182

นายทหารธรรมดาผมสีทองบลอนด์ทองอันสง่า ตาสีฟ้าประดุจน้ำทะเลสีคราม เป็นคนชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายเรื่อยไป เป็นพวกไม่ชอบหน่วยSS เป็นหัวหน้าประจำหน่วยลาดตระเวนที่ 6 แห่งเขตเบอร์ซอนเดอร์

ร้อยโทอ๊อทโต วาเลีย

อายุ:32

ส่วนสูง:180

นายทหารจากหน่วยพลาธิการ สวมแว่น มีผมสีทองอ่อนชอบปล่อยลงหน้าผากข้างหนึ่ง เป็นเพื่อนและคู่แข่งของอีริคตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยด้วยกัน เวลาโมโหมักชอบวีนใส่คนอื่น

จ่าสิบเอกคาร์ล ประทีบ

อายุ:29

ส่วนสูง:175

ทหารลูกครึ่งไทย-เยอรมัน มีผมสีดำเช่นเดียวกับชาวเอเชีย แต่มีนัยน์ตาสีฟ้าแบบเดียวกับชาวยุโรป ประจำหน่วยลาดตระเวนที่ 6

จ่าสิบตรีกุสตาฟ แมนเชียร์

อายุ:30

ส่วนสูง:180

พลแม่นปืนประจำหน่วยลาดตระเวนที่ 6 เป็นคนเกลียดบุหรี่เข้าไส้ หน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาจนคนรอบข้างกลัว แต่จริงๆแล้วเป็นพวกตลกหน้าตาย

จ่าสิบตรีหญิงฟรีดา เดอรีน

อายุ:28

ส่วนสูง:165

ทหารหญิงเพียงคนเดียวในหน่วยลาดตระเวนที่ 6 มีบลอนด์ทองยาวประบ่า หุ่นดีสมกับเป็นกุลสตรีในฝันของเหล่าผู้ชายหลายๆคน เป็นคนทะเยอทะยาน แรงเยอะมากกว่าผู้หญิงทั่วไป อาจเทียบได้กับผู้ชายบางคนเลยได้ เธอเป็นทหารได้เพราะโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่รับเพศหญิงเข้ากองทัพในจำนวนอันน้อยนิด

ลาเรีย เนเดีย

อายุ:15

ส่วนสูง:160

สาวน้อยนักเวทย์ผมสีฟ้าคราม ถือคฑาเวทมนตร์ รู้สึกหลงใหลเหล่าทหารที่มาจากเยอรมนีมาก มุมมองจากชาวเยอรมันมองเธอว่าอาจเป็นญาตืใกล้เคียงกับชาวอารยันอีกด้วย

อาเมียร์ แอ็บเซียร์

อายุ:20

ส่วนสูง:165

องค์หญิงผมเทาเงิน ตาสีเขียวมรกต จากอาณาจักรมาเคีย ผู้ต้องการเป็นมิตรกับเยอรมันไรซ์มากกว่าคู่สงคราม และพยายามไม่ให้เยอรมันไรซ์เข้ามามีอิทธิพลภายในมาเคียที่มีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์ อาณาจักรเธอถูกดึงเข้าร่วมสงครามกับเยอรมันไรซ์อย่างเลี่ยงไม่ได้

พันเอกเชลเฟอร์ โคนิค

อายุ:51

ส่วนสูง:190

ผู้บัญชาการชุดรบซาลามานเดอร์ ซึ่งเป็นหน่วยก่อตั้งขึ้นพิเศษเพื่อมีเป้าหมายเฉพาะมายังอีกโลกหรือเขตเบอร์ซอนเดอร์

เด็กสาวผู้ปกครองเมืองดามาลแทนบิดาตนที่เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน มีความทะเยอทะยานที่จะดูแลเมืองให้ดีเหมือนบิดา ทว่าส่วนมากกลับมองเธอเป็นเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง ชอบวิธีประนีประนอมพูดคุยเจรจามากกว่านองเลือด

ซิลนาร์ อายุ:ไม่ทราบ ส่วนสูง:ประมาณ160 ปลายๆ ผู้นำหมู่บ้านเอลฟ์ที่ป่าทางทิศตะวันตก ยิงธนูแม่นราวกับใช้ปืนไรเฟิล รักพวกพ้อง เกลียดชัง

โบลาร์กมาก

เจมส์ โทแลนด์

อายุ: 28

ส่วนสูง:180

นักข่าวชาวอเมริกันจากสำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์ ผจญภัยทำข่าวมาเยอะแม้อายุเพียงแค่ 28 ปี ได้รับอนุญาตติดตามองค์หญิงอาเมียร์จากรัฐบาลเยอรมันเพื่อไปทำข่าวเกี่ยวกับเธอได้

รีเซีย

อายุ:อาจจะประมาณ 18-20

ส่วนสูง: บนบก 168/บนน้ำ 172

เงือกสาวบนเกาะผู้ช่วยชีวิตเรืออากาศตรีเฮลมัส รักพวกพ้อง ชอบกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างไม่เกรงกลัวผลลัพธ์ใดๆ

เป็นเพียงการรวมคำพูดทั้งสองประโยคที่ซุนวูพูดไว้เท่านั้น คือ “การชนะร้อยทั้งร้อยมิใช่วิธีการอันประเสริฐแท้ แต่ชนะโดยไม่ต้องรบเลย จึงถือว่าเป็นวิธีอันวิเศษยิ่ง" กับ"หากรู้เขารู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธ์นั้นแล”

แปลง่ายๆ โดยคร่าวๆ บอกว่าการทำสงครามนั้นจะต้องรู้กำลังของฝ่ายตนเอง และฝ่ายตรงข้าม หากเราไม่รู้กำลังของตนเองและของฝ่ายศัตรูก็รบแพ้ย่อยยับกลับมาทุกครั้ง

การทำสงครามให้ชนะนั้นจะต้องมีขุนพลที่มีความสามารถ คุณสมบัติที่ครบถ้วน ประเทศก็ต้องเข้มแข็งมีทรัพย์กรมาก (ทั้งเสบียง อาวุธ บุคลากร) รู้ว่าเมื่อใดควรรบ และไม่ควรรบ รู้จักการออมกำลัง และพลทหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว

นอกเหนือจากนั้นตำราพิชัยซุนวูยังสอนเรื่องสิ่งที่ผู้ปกครองไม่ควรทำในการยุทธ์ ไม่แทรกแซง หากไม่เข้าใจกิจกรรมของกองทัพอย่าสั่งตามอำเภอใจตนเอง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการทำสงคราม ที่นำมาซึ่งชัยชนะภายหลัง นี่คือส่วนหนึ่งในเนื้อหาพิชัยสงครามซุนวู

แม้ว่าพิชัยสงครามซุนวูจะเขียนขึ้นนานหลายร้อยปีก็ตาม แต่ปัจจุบันตำราพิชัยนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และอยู่เบื้องหลังในประวัติศาสตร์ที่บุคคลดังมาประยุกต์นำไปใช้ ซึ่งนอกเหนือจากด้านการทหารแล้ว หลักการนี้ยังสามารถนำมาปรับใช้ในเชิงธุรกิจ ด้านการจัดการ การเมือง และชีวิตประจำวันอีกมากมาย

โดยบุคคลในประวัติที่กางตำราของซุนวูแล้วปฏิบัติการรบจนสำเร็จ ก็เช่น ประธาน เหมา เจอ ต๋ง แห่งจีน หรือ นายพลโว เหงียน เกี๊ยบ แห่งเวียดนามที่ใช้ทหารปลดแอกจากการเป็นอาณานิคม ฝรั่งเศส และต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม วันนี้เราไม่ได้พูดถึงความสำเร็จของผู้ใช้ซุนวู หากแต่พูดถึงคนไม่สนซุนวู คิดว่ากองทัพของตนเองแน่ และทำการโจมตีศัตรู โดยไม่มีการวิเคราะห์อะไรเลยแม้แต่น้อย ผลออกมาจะเป็นเช่นไร

ตอบง่ายๆ ก็คือหายนะ และยิ่งเป็นข้าศึกที่ไม่เคยเป็นศัตรูกับเรามาก่อน แต่เราไปดูถูกเขา คิดว่าศัตรูนั้นอ่อนแอ แต่ปรากฏว่าศัตรูนั้นเก่งกว่าที่เราคิด ผลคือเจอตอ เราแพ้สงคราม นอกจากเราจะเสียกำลังไพล่พลศูนย์เปล่าแล้ว ยังชักศึกเข้ามารุกราน เสียดินแดน เสียทรัพยากร อะไรต่างๆ มากมาย ไปอีก

หนึ่งในบุคคลยกตัวอย่างคือฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่หลายครั้งที่เผด็จการผู้นี้ทำพลาดหลายครั้ง เป็นต้นว่า ประกาศทำสงครามกับโซเวียต, ประกาศทำสงครามกับอเมริกา (เพราะญี่ปุ่นลากอเมริกา ทำให้ต้องรับมือหลายทาง (ซ้ำอเมริกามีกำลังทหารดีกว่า) นี้ยังไม่รวมการออกคำสั่งในสมรภูมิมากมายที่ผิดพลาดหลายครั้ง ซ้ำร้ายยังเป็นผู้ปกครองไม่ดี ฆ่าขุนพลที่มีความสามารถของตนเอง ความผิดพลาดมากมายเหล่านี้ ส่งผลทำให้ตนพบหายนะในที่สุด เห็นได้ชัดเลยว่าฮิตเลอร์ไม่เคยอ่านพิชัยซุนวู หรือไม่เข้าใจประโยคว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” เลยแม้แต่น้อย

ในการ์ตูนญี่ปุ่นเองก็ไม่เว้น เราเห็นบ่อยๆ พวกผู้นำบ้าๆ แบบฮิตเลอร์ ที่คิดว่ากองทัพของตนแน่ ไปรุกรานประเทศอื่น แต่กลายกลับโดนตบสั่งสอน จนเกรียนหลุด แทนที่จะได้แย่งชิงดินแดน แย่งชิงทรัพยากร แต่กลายเป็นว่าประเทศของตนถูกรุกรานเสียเอง และที่น่าเจ็บใจคือศัตรูที่รุกราน พวกตนนั้นแหละไปปลุกให้มันตื่นขึ้นมาเอง

Gate: thus the JSDF fought there ฉบับนิยาย

Gate: thus the JSDF fought there (หรือ Gate - Jietai Kare no Chi nite, Kaku Tatakeri) เป็นมังงะแนวแอ็คชั่น ตลกแฟนตาซี (เหรอ?) ของผู้ใหญ่ (ผมไม่ได้มองการ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็มแต่อย่างใด) วาดโดย SAO Satoru (ซึ่งผมเคยเขียนผลงาน DMZ Konbini ของนักเขียนคนนี้ก่อนหน้า) วาดเอาไว้ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา (ตอนที่เขียนบทความยังไม่จบ)

มังงะสร้างจากนิยายของ Yanai Takum เขียนเหมือนปี 2010 (มีห้าเล่มจบ ไม่นับเล่มพิเศษ) เท่าที่ดูประวัติพบว่าคนเขียนนิยายเคยอยู่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น และเริ่มเอาดีในการเขียนนิยายตั้งแต่ปี 2006

เนื้อเรื่อง Gate: thus the JSDF fought there เริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่ง ของปี 20XX ที่กินซ่า กลางเมืองกรุงโตเกียว ได้เกิดประตูมิติขนาดใหญ่ขึ้น แล้วก็มีและมีทหารยุคกลางและสัตว์ประหลาด (มังกร, ยักษ์) แห่กันออกมาจากประตูบานนั้น ไล่ฆ่าพลเรือนจำนวนมาก ส่งผลทำให้กินซ่ากลายเป็นขุมนรก และภายหลังเหตุการณ์นี้ถูกเรียกต่อมาว่า “เหตุการณ์กินซ่า”

เห็นได้ชัดกองทัพแฟนตาซีที่มาจากประตูหมายที่จะยึดดินแดนญี่ปุ่นแห่งนี้ ตอนแรกฝ่ายต่างโลกก็ได้เปรียบอยู่หรอก แต่อนิจจา เมื่อญี่ปุ่นส่งกองทัพออกมาตอบโต้ฝ่ายต่างโลก มันหนังคนล่ะม้วน ดาบหรือจะสู้ปืน มังกรหรือจะสู้เครื่องบินรบ ยักษ์หรือจะสู้รถถังหุ้มเกราะแรด ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าฝ่ายต่างโลกพ่ายแพ้พินาศในเวลาแค่ 7 วันเท่านั้น (ที่สูสีน่ะสู้กับตำรวจในช่วงแรกเท่านั้นแหละ)

หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พื้นที่ประตูปรากฏถูกเรียกว่า “พื้นที่พิเศษ” ซึ่งประตูถูกรัฐบาลฯญี่ปุ่นยึด ซึ่งในภายหลังก็ได้ค้นพบว่าประตูเป็นทางเชื่อมระหว่างญี่ปุ่นและโลกอีกโลกหนึ่ง ทำให้กองกำลังป้องกันตัวเองตัดสินใจส่งกองทหารเล็กๆ เข้าไปเพื่อตรึงพื้นที่รักษาความปลอดภัยเอาเอาไว้ (พร้อมกับกองทัพ US ด้วย)

ต่อมากองทัพญี่ปุ่นได้ส่งทีมย่อยที่นำโดยพระเอกเรื่องนี้คือ “โยวจิ อิตามิ” เป็นทหารยศร้อยตรี อายุ 33 ปี ที่เป็นถึงหน่วยเรนเจอร์ แต่อนิจจาเขาไม่มีลักษณะเป็นทหารที่แข็งแกร่งอะไรเลยแม้แต่น้อย หน้าตาเหมือนผู้ชายทั่วไป อีกทั้งยังเป็นโอตากุ (เขายืดอกยอมรับเองว่าเป็นโอตากุ) มีเมียเป็นสาวแว่นแต่หย่ากันแล้ว (แต่ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่) นิสัยค่อนข้างสบายถือคติว่า “กินอิ่ม นอนหลับ เล่นสนุก นี้แหละชีวิตของคนญี่ปุ่น"

โอตามิและพรรคพวกได้เข้าไปพื้นที่ดินแดนของฝ่ายศัตรูเพื่อทำภารกิจลาดตะเวน สำรวจ ช่วยเหลือประชาชนในท้องที่ และผูกสัมพันธ์กับชาวบ้าน (ช่วยเหลือปัจจัยที่จำเป็น)

เรื่องนี้ไม่มีนางเอกเด่นชัด แต่มีตัวเอกหญิง 3 คน ต่างสถานะ ต่างเผ่าพันธุ์ คนแรกเป็น “เลเลย์ ลา ลีเลนน่า” จอมเวทย์ที่ฉลาดและใฝ่รู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อายุ 15 ปี) , คนที่สอง "โรว์รี่ เมอคิวรี่" มนุษย์ที่กำลังจะกลายเป็นเทพ แม้ภายนอกจะเป็นเด็กสาวโกธิคโลลิตัวเล็กๆ แต่ความจริงอายุปาไปเกือบพันปีแล้ว และคนที่สาม “ทูกะ ลูน่า มาร์เซอู” สาวเอลฟ์ผุ้เก่งธนูอายุกว่าร้อยปี พวกเธอทั้งสามคนต่างพบกลุ่มพระเอกที่ผ่านมาจึงขอเข้าร่วมขบวนด้วย

และยิ่งพระเอกและพรรคพวกเข้าไปยังดินแดนข้าศึกลึกเท่าไหร่ พวกเขายิ่งเห็นความโสมนของมนุษย์บนโลกแฟนตาซีแห่งนี้มากขึ้นเท่านั้น.....

Gate: thus the JSDF fought there ฉบับมังงะ

Gate: thus the JSDF fought there เป็นการ์ตูนที่เน้นกลุ่มคนอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ เพราะมีเรื่องยากๆ อีกทั้งยังมีฉากรุนแรง ฉากมีเพศสัมพันธ์ไม่เหมาะสำหรับผู้อ่านสำหรับเด็ก

กลับมาสิ่งที่ผมพูดไว้ตอนต้น Gate: thus the JSDF fought there ในตอนแรกนั้น แสดงให้เห็นว่าผลของรุกรานศัตรูโดยที่ไม่ศึกษาข้อมูลศัตรูก่อน ผลตอบแทนที่ได้รับจะเป็นอย่างไร

การ์ตูนเริ่มต้นด้วยการรุกรานจากโลกต่างมิติ ที่อุตส่าห์ทะลุเวลามารุกรานโลกปัจจุบันที่เราอยู่ แต่อนิจจาแม้มีวิทยาการถึงขั้นนี้ แต่กลับสอบตกเรื่องกลยุทธ์สงคราม โดยเฉพาะเรื่องการเรียนรู้ฝ่ายศัตรู ที่ฝ่ายโลกต่างมิติไม่ดูแม้แต่น้อยว่าฝ่ายที่พวกตนจะรุกรานนั้นมันเป็นยังไง มีค่าอะไรสมควรที่สมควรจะบุก มีกองทัพขนาดไหน มีจุดอ่อน จุดแข็งตรงไหน พวกตนสามารถสู้ได้หรือเปล่า

กองทัพโลกแฟนตาซีบุกโลกปัจจุบัน

เท่าที่ดูแบบคร่าวๆ การปกครอง และวิทยาการคล้ายกับจักรวรรดิโรมัน คงคิดว่าในโลกของตนนั้นมีกำลังยิ่งใหญ่ มีกำลังทหารมากมาย มีอาณาจักร-เมืองขึ้นน้อยใหญ่อยู่ใต้การปกครอง และเมื่อมีทุกสิ่งทุกอย่าง พวกตนก็ไปรุกรานต่างมิติด้วยเพื่อขยายอนาคต โดยมองโลกต่างมิติว่าคงไม่แตกต่างจากเมืองขึ้นเล็กๆ พวกตนน่าจะยึดได้ไม่ยาก

ต่างอนิจจาฝ่ายโลกต่างมิติช่างไม่รู้เลยว่าอาณาจักรที่ตนไปบุกนั้น พวกเขาไม่ใช่อาณาจักรงอกง่อย หากแต่เป็นญี่ปุ่นปัจจุบัน แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจทางการทหาร แต่มีกำลังป้องกันตนเองที่มีประสิทธิภาพของโลก ที่เรียกว่า Japan Self-Defense Force หรือ JSDF (หากจัดอันดับศักยภาพทางการทหาร ญี่ปุ่นติดอันดับต้นๆ ของโลก) อีกทั้งยังมีอเมริกาเป็นพันธมิตรอีกต่างหาก

ลิงค์ศักยภาพทหารญี่ปุ่น

//topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/04/X11975506/X11975506.html

ในขณะที่โลกต่างมิติ (ที่ออกไปทางโรมัน) ล่ะกองทัพประกอบไปด้วยอะไรบ้างล่ะ กองทัพยุคกลาง ทหารบก ทหารม้าประมาณแสนคนที่หุ้มเกราะที่สมัยนี้เลิกใช้กันแล้ว มีมังกรเล็กๆ มีพวกสัตว์ในตำนานอย่างก็อปลิน, ยักษ์, อ็อค์ เป็นหน่วยหน้า เครื่องจักสงครามเป็นเครื่องยิงหิน, เครื่องกระทุ้งกำลัง, ส่วนจอมเวทย์ยิงกระสุนถั่ว (เวทย์กระจอก) หากอยู่สมัยกลางถือว่าเป็นกองทัพที่เหนือกว่าอยู่หรอก แต่พอมาเจออาวุธสมัยของโลกปัจจุบันเข้าไป มันก็เหมือนมดสู้กับช้าง กองทัพสมัยกลางหรือจะสู้กองทัพสมัยใหม่ได้

แม้ว่าตอนแรกๆ ฝ่ายโลกต่างมิติจะได้เปรียบ เพราะโจมตีฝ่ายศัตรูแบบสายฟ้าแลบ (แถมพวกที่ฆ่าส่วนใหญ่เป็นพลเมืองอีกต่างหาก) หากแต่เมื่อฝ่ายศัตรูตั้งหลักได้ และนำกองทัพหลักมา ฝ่ายโลกต่างมิติก็พ่ายยับ สูญเสียกำลังพลมากมาย แถมถูกศัตรูยึดประตูมิติอีก

ฝ่ายโลกต่างมิติพ่ายแพ้อย่างยับเยินเพราะไม่รู้จักหาข้อมูลฝ่ายศัตรู

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายโลกต่างมิติยังโง่งมต่อไป คิดว่าฝ่ายของตนยังแน่ ยังได้เปรียบ (แม้จะเสียกองทัพครั้งแรก ถึง 1 ใน 6) คิดแบบกลยุทธ์สมัยเก่า ว่าหากส่งกำลังคนไปมากกว่าศัตรูย่อมได้เปรียบ และเมื่อพวกเขาทราบว่าฝ่ายศัตรูมีกำลังน้อยกว่าตน จึงส่งทัพใหญ่ไปหวังแก้มือ (ข้อแก้ตรงนี้ว่า ทัพสองก็ยังไม่ใช่ทัพใหญ่ ถูกส่งเพื่อลองเชิงเหมือนกัน แสดงว่ากองทัพโลกแฟนตาซีเองก็พยายามลองเชิงฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่ามากเหล่าเท่า แต่พวกเขาก็ยังคงดื้อจะเปิดสงครามท่าเดียว)

แต่อนิจจา ฝ่ายโลกต่างมิติไม่รู้กลยุทธ์สมัยใหม่เลยแม้แต่น้อย ว่ากลยุทธ์ทางการทหารสมัยนี้เขาไม่ได้เน้นจำนวนทหาร หากแต่เน้นศักยภาพของอาวุธสงคราม ยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ยิ่งใช้จำนวนคนน้อยลง พวกเขามีจรวดที่ตกเป้าหมายอย่างแม่นยำ และก่อให้เกิดอำนาจทำลายล้างกินพื้นที่หลายบริเวณ พวกเขามีอาวุธปืนที่มีอำนาจทะลุทะลวงทำลายเกราะได้อย่างง่ายดาย พวกเขามีรถถังที่แข็งแกร่งกว่าทหารม้าแค่คันเดียวสามารถชนะทหารม้าทั้งกองได้ และที่สำคัญพวกเขาไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวกลางสนามรบแค่ปล่อยจรวด ทิ้งระเบิดใส่กองทัพยุคกลางก็เอาชนะอย่างง่ายดาย

เห็นได้ชัดว่าฝ่ายโลกปัจจุบันรู้จักฝ่ายศัตรูดี (จับเชลยไปสอบสวนจึงรู้ขนาดกองทัพ จุดอ่อน จุดแข็ง) จึงวางกำลัง ยึดจุดยุทธ์ศาสตร์ แต่ฝ่ายโลกต่างมิติแทบไม่ศึกษาฝ่ายศัตรูแม้แต่น้อย ไม่รู้จักปืน ไม่รู้จักจรวด ไม่รู้จักระเบิด ไม่รู้จักกลยุทธ์การรบของฝ่ายศัตรู พวกผู้นำฝ่ายโลกต่างมิติไม่เคยไปสนามรบเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังรบอะไรอยู่ คิดแต่ว่าพวกตนเก่งท่าเดียว ผลก็คือพวกเขาย่อยยับอีกครั้ง พ่ายแพ้ชนิดว่าไม่สามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้เลยสักคน และเป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยรบชนะเลย

นอกเหนือจากการสูญเสียกองกำลังทหารจำนวนมากมายของโลกแฟนตาซี ที่ไม่สามารทำอะไรกับฝ่ายโลกปัจจุบันได้เลยแม้แต่น้อย ซ้ำแล้วยังเป็นการปลุกยักษ์ให้ตื่นด้วยซ้ำ เพราะทำให้โลกปัจจุบันรู้การคงอยู่ของโลกต่างมิติ โลกที่ยังไม่มีใครสำรวจ เต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย (น้ำมัน, ทองคำ, เพชรพลอย) ไม่แปลกแต่อย่างใดที่ทำให้ประเทศมหาอำนาจของโลกต่างจ้องอาหารจานนี้ตาเป็นมัน พร้อมจะบุกยึดโลกแฟนตาซีทุกเมื่อถ้ามีโอกาส

โชคยังดีสำหรับโลกต่างมิติ เพราะอาณาจักร หรือประเทศที่พวกตนยกทัพไปรุกรานนั้นเป็นประเทศญี่ปุ่น หากเป็นอเมริกา, จีน, รัสเซีย หรือแม้แต่เกาหลีเหนือ โลกต่างมิติคงถูกรุกรานเละไปนานแล้ว เพราะญี่ปุ่นเป็นประเภทที่ทำสัญญาว่าห้ามรุกรานประเทศอื่น (เป็นสัญญาที่ให้ไว้หลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยไม่รับอนุญาตให้ทำสงคราม) กลับกันญี่ปุ่นเองก็ต้องเล่นเกมการทูตเจรจากับประเทศอื่นๆ ไม่ให้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ (โดยเฉพาะอเมริกาและจีน) โลกต่างมิติควรขอบคุณญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

ก็แปลกดี ทั้งๆ ที่โลกต่างมิติเป็นฝ่ายบุกก่อน ฆ่าพลเมืองของญี่ปุ่นไปตั้งเยอะ แต่เท่าที่ผมดูมาไม่เห็นประชาชนคนญี่ปุ่นในเรื่องโกรธแค้นอะไรกับโลกแฟนตาซีเลยแม้แต่น้อย (ไม่เหมือนกรณีสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ญี่ปุ่นบุกโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ หรือเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อเมริกาทำสงคราม) ซ้ำประชาชนคนญี่ปุ่นอวยโลกต่างมิติอีกต่างหาก เพราะสาวน้อยจอมเวทย์ หรือเอลฟ์นั้นโมเอะมากๆ

สิ่งเหล่านี้ก็คงเหมือนจิกกัดญี่ปุ่นกลายๆ ล่ะมั้ง ประมาณว่าญี่ปุ่นไม่ต้องการสงคราม สำหรับพวกเขาแล้วมันมากพอแล้ว อีกทั้งกระแสสมัยใหม่คนญี่ปุ่นเองก็หลงๆ ลืมๆ เรื่องสงครามลงไป ซึ่งญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่เน้นเรื่องของมนุษยธรรมเสียมากกว่าสงคราม

อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรโลกแฟนตาซี ก็ยังเป็นที่หลงใหลอยู่ดี แน่นอนว่าญี่ปุ่นก็คงอยากได้ หากแต่ญี่ปุ่นไม่ได้ใช้สงครามในการแย่งชิงดินแดน ทรัพยากรอย่างใด พวกเขาใช้วิธีการทูต การดูดกลืนวัฒนธรรม และเก็บข้อมูลในโลกนี้มากที่สุด

และเมื่อเนื้อหาการ์ตูนเรื่องนี้ผ่านไปก็พบว่าโลกแฟนตาซีต่างมิติแห่งนี้ ย่ำแย่มากๆ ภายใต้อาณาจักรแห่งความยิ่งใหญ่กลับมีแต่ความล้มเหลวการปกครอง ผู้นำไม่ได้เรื่อง บ้าอำนาจ ไม่ฟังคำคนอื่น พวกขุนนางหรือข้าราชการก็คอรัปชั่น ปัญหาสังคมแบ่งชนชั้น การกีดกันเผ่าพันธุ์ การเก็บภาษีมหาโหด ทหารไม่ช่วยเหลือชาวบ้าน สัตว์ร้าย (มังกร) ทำลายบ้านเรือน โจรทำตัวเหนือกฎหมาย สิ่งเหล่านี้เท่าที่ดู ก็พบว่าอาณาจักรโลกต่างมิตินั้นไม่ได้มีความเป็นบึกแผ่นเลยแม้แต่น้อย

ขนาดปัญหาบ้านเมืองภายในไม่แก้ไข ยังอุตสาห์จะไปบุกรุกคนอื่นอีก......

ไม่แปลกเลยที่พวกพระเอกช่วยเหลือพวกชาวบ้าน จะได้รับเสียงชื่นชมราวกับเป็นบุรุษปานนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีทหารอาณาจักรมาช่วยเหลือพวกเขาเลย ไม่สนใจใยดีด้วยซ้ำ การที่พระเอกมาช่วยเหลือแบบไม่หวังผลตอบแทน สิ่งที่ได้คือข้อมูล ข่าว และเป็นการซื้อใจได้อีกทางหนึ่ง

เชื่อเถอะหากโลกแฟนตาซีรู้ตัวตนศัตรูของพวกเขา รู้ว่าพวกเขากำลังสู้กับอะไร บางทีอาจไม่บุกรุกก็ได้ ซึ่งกว่าที่จะรู้มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เห็นได้จากตอนหนึ่งเจ้าหญิงที่เป็นคนใหญ่คนโตคิดว่าจะสืบหาข่าวแดนศัตรู และยังคิดอาณาจักรของตนแข็งแกร่งอยู่ (แม้จะสงสัยก็ตาม) หากแต่เมื่อไปเห็นประเทศญี่ปุ่น ถึงกับเข่าอ่อน ที่แพ้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเจริญ วิทยาการ บุคลากร และนั้นเองทำให้เจ้าหญิงเจียมเนื้อเจียมตัว และเริ่มยอมรับสารภาพว่าฝ่ายของตนสู้ไม่ได้เลย

ก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง คือการทำให้ศัตรูเห็นว่าฝ่ายเราแกร่งกว่าไม่สามารถสู้ได้ และรอให้ยอมแพ้เองโดยไม่การสู้รบ สำหรับกลยุทธ์ซุนวูแล้วถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะชนะโดยไม่ต้องรบ ได้ทั้งกำไรแบบเนื้อ

และทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของคนทีบุกศัตรูโดยไม่ศึกษาฝ่ายตรงกันข้าม ผลตามมาจะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้มี ทีให้เห็นแล้วใน Gate: thus the JSDF fought there

พระเอกกับเหล่านางเอก (คนขวาสุดอดีตเมียพระเอก ปัจจุบันหย่ากัน แม้จะหย่ากันก็ยังคบกันอยู่)

Gate: thus the JSDF fought there ไม่ใช่เน้นเรื่องการต่อสู้สงครามระหว่างโลกปัจจุบันและโลกแฟนตาซีอย่างเดียว แต่ยังแสดงให้เห็นความแตกต่างกันระหว่างสองโลกชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์การทำสงคราม และวิธีการทำสงคราม ที่นอกเหนือความแข็งแกร่งกลยุทธ์แตกต่างกัน ยังมีอะไรแตกต่างมากมาย เป็นต้นว่า โลกต่างมิติเห็นสงครามเป็นการขยายอาณาเขตการปกครอง การล่าอาณานิคม และเกมการเมืองที่ต้องการเบียงเบนความสนใจพวกขุนนาง (ให้หันสนใจเรื่องสงคราม แทนที่จะตีกันเรื่องอื่น) หากแต่โลกปัจจุบันมีมุมมองแตกต่างโลกแฟนตาซีคือไม่ต้องการขยายดินแดน ไม่จำเป็นต้องยึดครอง แต่ต้องการทรัพยากร และเกมการเมืองซับซ้อนกว่า เพราะไม่ใช่การตัดสินใจคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป ต้องดูสถานการณ์ประเทศของตนเอง ปฏิกิริยาของประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประชาชนของตนเองด้วย

Gate: thus the JSDF fought there ไม่ใช่การ์ตูนสงครามมันๆ จ๋า อย่างที่คนคิดเอาไว้ แต่เป็นการ์ตูนสงครามผสมกับเกมการเมือง (มีฉากต่อสู้เหมือนกัน แต่เป็นนานๆ ครั้ง) ที่ค่อนข้างสมจริงทีเดียว และอาจทำลายฝันของหลายคนที่คิดว่าหากกองทัพโลกปัจจุบันสู้กับโลกแฟนตาซีคงจะสูสีกัน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่เลย และ ใครคิดว่าจะเห็นพลังเวทมนต์ชั้นสูง จำพวกเรียกอุกาบาตร, พลังไฟมหาภัย, เรือรบพลังเวทย์ อะไรที่แฟนตาซีเวอร์ๆ สัตว์ชั้นสูง ไม่มีแน่นอนสำหรับเรื่องนี้ อาจทำให้หลายคนที่ต้องการเห็นอะไรมันๆ อาจเซ็งเล็กน้อย

ทั้ง

นอกจากนี้ตัวคนเขียนเอง SAO Satoru ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ได้เน้นแอ็คชั่นจ๋ามากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นสงครามที่แอบจิกกัดสังคมเอาไว้ และเรื่องนี้ยังคงสไตล์ของคนเขียน ซึ่งขอชมว่าเก็บรายละเอียดมาก โดยเฉพาะพวกยานพาหนะสงคราม ฉากระเบิด ล้วนทำออกมาสมจริงมาก

แม้ว่าจุดเด่นของคนเขียนคนนี้ชอบวาดหน้าอกตัวละครหญิงแบบใหญ่โอเวอร์ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนว่าไม่มีนมโตมากนัก (แต่ก็มีตัวหนึ่งที่นมโต คือยัยเตี้ยแรมโบ้ คนที่เป็นทหารหน่วยของพระเอก แต่ก็ไม่ได้เวอร์แต่อย่างใด) แต่ถึงแม้ว่าไม่มีนมโตให้รำคาญใจ แต่ดันมีฉากรบกวนจิตใจ คือความโหดร้ายของสงคราม และฉากที่คนชั่วข่มขืนผู้หญิงนั้นทำได้สะอิดสะเอียนดีแท้ แม้มันไม่มีกี่ฉากก็เถอะ (ไม่เน้นนม เลยเน้นฉากเอากันแทนว่างั้น)

แม้ว่าเนื้อหาการ์ตูนเรื่องนี้จะสมจริง เนื่องด้วยเนื้อหาค่อนข้างกว้าง ทำให้บทบาทของพระเอก (และตัวละครอื่นๆ) เรื่องนี้ไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก (ยิ่งช่วงการเมืองคุยซะยาวเวอร์ เข้าใจบ้างก็ไม่เข้าใจบ้าง) แถมตัวพระเอกเป็นพระเอกที่ค่อนข้างจะจืดจาง แถมเคยมีเมียอีก ทำให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อพระเอกเรื่องนี้ไม่ค่อยน่าสนใจมากนัก แม้จะใส่นิสัยความเป็นพระเอกรักคุณธรรม ขี้ใจอ่อน หรือโอตากุก็เถอะ ก็ไม่ได้ช่วยให้โดดเด่นเท่าไหร่ โชคดีที่มีตัวละครหญิงหลัก 3 คนมาช่วยดึงเรื่อง ทำให้น่าสนใจขึ้นมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียดังกล่าวก็ไม่ได้ให้มังงะเรื่องนี้ไม่ดีแต่อย่างใด เพราะคนเขียนถ่ายทอดมันอลังการยิ่งใหญ่ (ได้อารมณ์ตามแบบฉบับของเขียน) จุดประกายจินตนาการแก่คนอ่านที่ครั้งหนึ่งเคยคิดฝันว่าสักวันหนึ่งจะเห็นสงครามที่โลกปัจจุบันจะสู้โลกแฟนตาซีสักครั้ง เพียงแต่สงครามครั้งนี้สงครามโลกปัจจุบันชนะขาด เล่นเอาหลายคนรับไม่ได้เหมือนกัน (แต่มาคิดดีๆ คงจริงแหละ เวทมนต์เวอร์ๆ มันไม่มีอยู่จริงหรอ) นอกจากนั้นยังสอดแทรกข้อคิดว่าสงครามมีแต่ความสูญเสีย ความโหดร้ายของสงคราม การปกครองแบบเน่าๆ เน้นส่วนกลาง โดยไม่ใส่ใจประชาชน มันเลวร้ายแค่ไหน สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้ทั้งสิ้น

ส่วนเรื่องนี้หลายคนบอกว่าฮาเร็มนั้น ส่วนตัวผมแล้วผมไม่ได้ดูเรื่องนี้ฮาเร็มแต่อย่างใด เพราะมังงะคนเขียนคนนี้อดีตที่ผ่านมาก็ไม่เคยวาดแนวฮาเร็ม อีกทั้งเนื้อหาเน้นตลกสงครามและการเมืองเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มันไม่ได้รู้สึกเรื่องนี้มากนัก

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ