เซ็นเซอร์ ถุงลมนิรภัย ราคา

           "น้องม้า จากเชส โบรคเกอร์ สวัสดีครับ" ช่วงนี้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่หน้าฝนแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงมักเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง และสร้างความสูญเสียให้กับผู้ประสบเหตุ ส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก กระดูกหัก หรือเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ดังนั้นช่วงหน้าฝนผู้ขับขี่ยานพาหนะ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับ วันนี้น้องม้าจึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับ "ถุงลมนิรภัย" มาฝากครับ

ถุงลมนิรภัย คืออะไร

           สำหรับ แอร์แบ็ก (ถุงลมนิรภัย) เป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นและสำคัญสำหรับรถยนต์ ถุงลมนิรภัยมีการออกแบบมาเพื่อเวลาที่รถเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมจะช่วยลดแรงกระแทก บริเวณหน้าอกและศีรษะไม่ให้รุนแรงถึงแก่ชีวิต จุดที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยในรถยนต์ จะสังเกตเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษติดเอาไว้คือ SRS

ตำแหน่งของถุงลมนิรภัย

           ⭐️ ถุงลมด้านหน้า (Front Airbag) จะติดตั้งอยู่บนโครงด้านหน้าขวาและซ้าย ซึ่งปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะติดตั้งไว้อยู่แล้ว มีไว้เพื่อช่วยป้องกันคนขับรถ และคนที่นั่งข้างคนขับ เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า ถุงลมจะพองตัว เข็มขัดนิรภัยจะดึงร่างกายส่วนล่างและส่วนบน ถุงลมจะช่วยรองรับหน้าอกและศีรษะ ไม่ให้กระทบกระเทือนมากเกินไป

           ⭐️ ถุงลมด้านข้าง (Side Airbag) อาจจะติดตั้งอยู่ที่แผงประตูหรือที่ตัวเบาะนั่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต ตัวเซ็นเซอร์จะมีลักษณะเหมือนกับถุงลมด้านหน้า ปัจจุบันถุงลมด้านข้างก็มีความสำคัญ นิยมติดตั้งเอาไว้เพื่อป้องกันการกระแทกตรงส่วนครึ่งกลางและด้านล่างของร่างกาย

           ⭐️ ม่านถุงลม (Curtain Airbag) ช่วยป้องกันไม่ให้หน้าและศีรษะไปกระแทกกับแรงปะทะ หากเกิดการชนจากด้านข้างในระดับปานกลางถึงรุนแรง ถุงลมแบบม่านจะพองตัวออกมา พร้อมการดึงกลับของเข็มขัดนิรภัย รถที่ติดตั้งม่านถุงลมมักจะเป็นรถที่มีราคาแพง

           ⭐️ ถุงลมป้องกันเข่าและขา (Knee Airbag) จะซ่อนอยู่ใต้คอนโซลด้านผู้ขับขี่บริเวณหัวเข่า ช่วยป้องกันขา และหัวเข่า ไม่ให้ไปชนเข้ากับคอนโซล ด้านล่างใต้พวงมาลัย รวมทั้งสะโพก และเข่า

           ⭐️ ถุงลมที่พื้นใต้เท้า (Carpet Airbag) จะช่วยผ่อนแรงบริเวณเท้าที่จะไปกระแทกกับพื้น และผนังกั้นระหว่างห้องโดยสารและห้องเครื่องให้เบาลง โดยใช้เซ็นเซอร์เดียวกับถุงลมนิรภัยด้านหน้า 

เซ็นเซอร์ ถุงลมนิรภัย ราคา

การทำงานของถุงลมนิรภัย

             ถุงลมนิรภัย ทำมาจากถุงไนลอนหรือโพลีเอไมด์ที่บรรจุแก๊สไนโตรเจนไว้ภายใน โดยทั่วไปจะบรรจุแก๊สได้ประมาณ 60-70 ลิตร ซึ่งจะพองตัวอย่างรวดเร็วเมื่อมีแรงกระแทกเกิดขึ้น โดยรถยนต์แต่ละคันจะมีถุงลมนิรภัยติดตั้งตามจุดที่ต่างกันไปแล้วแต่วิศวกรนักออกแบบ ถุงลมนิรภัยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการชนและการกระแทกที่รุนแรงกว่ากำหนดไว้ เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่ารถยนต์กำลังเกิดอุบัติเหตุอยู่ ก็จะพองตัวด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 0.04 วินาที และจะยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าจมค้างไว้

สาเหตุที่ทำให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน

            ⭐️ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย : สาเหตุหลักของการเสียชีวิตเพราะเมื่อเกิดการชนอย่างแรง แรงปะทะที่เกิดจากการชน จะส่งผลให้ท่านลอยไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทางและถุงลมเอง ก็พองตัวอย่างรวดเร็วในเสี่ยววินาที ทำให้แรงถุงลม และ แรงกระแทกที่รุนแรงยิ่งทวีคุูณอย่างรวดเร็ว และเป็นเหตุให้บาดเจ็บมากขึ้น หรือถึงขั้นเสียชีวิต ถึงแม้ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบถ้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัยระบบจะตัดการทำงานของถุงลมนิรภัยทันที 

            ⭐️ ระบบการทำงานของเซ็นเซอร์ : รถยนต์อายุมากๆ อะไหล่มักจะเสื่อมเป็นธรรมดา เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัย การทำงานของเซ็นเซอร์อาจเกิดปัญหาและไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันก็เป็นไปได้ที่ถุงลมนิรภัยจะไม่ทำงานเมื่อเกิดการชนขึ้นเช่นกัน

            ⭐️ ความประมาทของผู้ขับขี่ : ความเร็วที่จะทำให้ถุงลมนิรภัยพองตัวนั้น พบว่าต้องมีความเร็วมากกว่า 20 กิโลเมตร ต่อ ชม. และการทำงานของถุงลมนิรภัยจะพองตัวเมื่อรถยนต์ชนกับเสารถยนต์ประมาณ 30 กิโลเมตร ต่อชม. สำหรับการชนกับรถที่จอดอยู่กับที่ ชนกับกำแพง ชนคอนกรีต หรือชนนอกศูนย์กลางด้านหน้า ความเร็วของรถยนต์ต้องมากกว่า 40 – 50 กิโลเมตร ต่อชม. จึงจะทำให้ถุงลมนิรภัยพองตัวมีการทำงานเกิดขึ้น ดังนั้นจะต้องขับรถด้วบความไม่ประมาทนะครับ

"ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1" ต้อง Chess Broker "เรื่องประกันภัยไว้ใจเรา"

❤️สนใจทำประกันภัยรถยนต์ แอดไลน์แล้วทักมาคุยกันได้เลยค่า❤️

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ประกันภัยรถชั้น 1 ราคาเริ่มต้นที่ 8,xxx บาท ให้ความคุ้มครองที่คุณต้องการ สอบถาม >>http://line.me/R/ti/p/@vxh4868w
บริษัท เชส โบรคเกอร์ จำกัด
โทร.092-8666666