วรรณคดี เป็นงานประพันธ์อันประกอบด้วยศิลปะแห่งการนิพนธ์ และมีเนื้อเรื่องอันมีอำนาจดลใจให้เกิดความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ต่าง ๆ มิใช่เรื่องที่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว วรรณคดีเป็นงานที่กวีสร้างขึ้นอย่างมีศิลปะ โดยเฉพาะการใช้ถ้อยคำมุ่งให้เกิดความไพเราะ ความงดงาม ซึ่งหมายถึงรสวรรณคดี อันเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เร้าให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ในแง่ต่าง ๆ งานประพันธ์ที่สะท้อนชีวิต ความเป็นอยู่ ค่านิยม วัฒนธรรมและจริยธรรมของคนในสังคม รวมทั้งมีส่วนช่วยจรรโลงใจหรือพัฒนาสังคม จัดเป็นงานประพันธ์ที่ดีและมีคุณค่าควรแก่การ ยกย่อง ประกอบด้วย ๑ ) การสะท้อนสภาพสังคมในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องแต่งกาย บ้านเรือน ภาษาและ ถ้อยคำที่ใช้ วัฒนธรรมประเพณี เป็นต้น ๒ ) แนวคิด ความเชื่อ และค่านิยม ( ที่มักปรากฏในวรรณคดีไทย ) ได้แก่ – ไสยศาสตร์ โชคลาง ความฝัน ภูตผี เวทมนตร์คาถา – พุทธศาสนา กรรม เทวดา สวรรค์ นรก – จารีต ประเพณี ขนบธรรมเนียม – ความกตัญญู การตอบแทนคุณ – อำนาจของพระมหากษัตริย์ ๓ ) ข้อคิดที่ได้รับจากเรื่อง ขนบทางวรรณกรรม ๑. ขนบในการแต่ง ( ข้อกำหนดของคำประพันธ์แต่ละประเภท ) ๒. ขนบคำประณามพจน์และการลงท้าย – คำประณามพจน์ – สิ่งศักดิ์สิทธิ์ – พระมหากษัตริย์ – การลงท้าย – ผู้แต่ง – ผู้บันทึก – วัน เวลาที่แต่ง – สาเหตุที่แต่ง – ให้พร – ขอพร / ความประสงค์ของกวี – ( ชาดก ) ใครกลับชาติมาเกิดเป็นใคร / อะไรบ้าง – ออกตัวให้ช่วยแก้ไขผลงาน ๓. ขนบการพรรณนาความ ๑ ) บทชมโฉม ชมธรรมชาติ ๒ ) บทสระสรงทรงเครื่อง ๓ ) บทชมบ้านชมเมือง ๔) บทเกี้ยวพาราสี / เข้าพระเข้านาง ๕ ) บทอัศจรรย์ ๔. ขนบด้านแนวเรื่อง ๕. ขนบด้านแบบฉบับของตัวเอก ๖. ขนบด้านการเลียนแบบ ( ประดิษฐกรรมเสริมแบบ VS ประดิษฐกรรมนฤมิตร ) ๗. ขนบนิยมอารมณ์หรรษา กวีสามารถเลือกใช้คำได้ตามใจเพื่อเอื้อต่อสัมผัสหรือจำนวนคำในวรรค แนวคิด ค่านิยมและ น้ำเสียง ในงานประพันธ์ แนวคิด คือ ความคิดที่สำคัญที่เป็นแนวในการผูกเรื่อง หรือความคิดอื่น ๆ ที่สอดแทรกไว้ในเรื่องนั้น ๆ ค่านิยม คือ ความรู้สึก ความคิด ความเชื่อ หรือความเชื่อมั่นของมนุษย์ต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด และยึดถือปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต ซึ่งมีความหมายหรือมีความสำคัญต่อตนเอง หรือกลุ่มของตน พิจารณาคุณค่างานประพันธ์หลักทั่วไปในการพิจารณาคุณค่างานประพันธ์ความหมายของงานประพันธ์งานประพันธ์คือ งานที่มนุษย์ใช้ภาษาที่สละสลวย สร้างสรรค์ ถ่ายทอดเป็นเรื่องราว มีทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง อาจแบ่งได้เป็นหลายประเภท หลายรูปแบบองค์ประกอบที่สำคัญของงานประพันธ์ งานประพันธ์ประกอบด้วย เนื้อหาและรูปแบบ งานประพันธ์ที่มีเนื้อหาและรูปแบบเหมาะสมกันจะเป็น “วรรณคดี” และถ้าเรื่องใดไม่ถึงขั้นเป็นวรรณคดีได้ก็จะเรียกว่า “วรรณกรรม” เนื้อหาของงานประพันธ์ หมายถึง เรื่องที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นจากจินตนาการ ประสบการณ์ โลกทรรศน์ หรือจากความรู้สึกของผู้ประพันธ์เอง ในเนื้อหานั้นจะมีใจความสำคัญซึ่งอาจเรียกว่า สาระสำคัญที่สุด และสาระสำคัญรอง ๆ ลงไปก็ได้ รูปแบบ หมายถึง ลักษณะรวมของงานประพันธ์ที่ผู้ประพันธ์ใช้ในการนำเสนอเนื้อหาไปสู่ผู้อ่าน อาจเป็นร้อยกรอง ได้แก่ นิราศ โคลง คำฉันท์ ลิลิต หรืออาจเป็นร้อยแก้ว ได้แก่ บทความ จดหมายเหตุ หรือบันเทิงคดี ได้แก่ นิทาน นวนิยาย ก็ได้ คำว่าสารคดี หมายถึง งานเขียนที่เป็นเรื่องจริง มุ่งที่จะให้ความรู้แต่ก็คำนึงถึงความพึงพอใจและความเพลิดเพลินผู้อ่านด้วย คำว่า บันเทิงคดี เป็นงานเขียนที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยอาจมีเค้าความจริงหรือไม่ก็ได้ ตัวละครเป็นตัวสมมติ ไม่ใช่บุคคลที่มีตัวจริงการวิเคราะห์งานประพันธ์ อาจแบ่งเป็นขั้น ๆ ดังนี้๑.พิจารณาว่างานประพันธ์นั้น ๆ ใช้รูปแบบใด ดังที่กล่าวมาข้างต้น๒.แยกเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ อาทิ เนื้อหาที่เป็นเรื่องเล่าก็ต้องชี้ให้เห็นว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร๓.แยกพิจารณาแต่ละส่วนให้ละเอียดว่า ประกอบกันอย่างไรหรือประกอบด้วยอะไรบ้าง๔.พิจารณาให้เห็นว่า ผู้เขียนใช้วิธีใดในการนำเสนอเรื่องนั้น ๆกระบวนการวินิจสาร แบ่งเป็นขั้น ๆ ดังนี้๑.พิจารณาดูว่าตอนใดเป็นข้อเท็จจริง ให้ความรู้ ตอนใดเป็นความคิดเห็นหรือทรรศนะ ตอนใดแสดงออกซึ่งอารมณ์หรือความรู้สึก๒.พิจารณาดูว่า ข้อเท็จจริง ข้อความรู้ ทรรศนะ อารมณ์ หรือความรู้สึกนั้น ผู้เขียนมีเจตนาอย่างไร ต้องการให้ผู้อ่านหรือผู้รับสารเกิดปฏิกิริยาอย่างไร รวมทั้งให้แง่คิดต่าง ๆ แก่ผู้อ่านอย่างไรบ้าง๓.พิจารณาเป็นขั้นสุดท้ายว่า สาระสำคัญที่สุดของเรื่องนั้น ๆ คืออะไร และสารที่สำคัญรอง ๆ คืออะไรและสิ่งที่สำคัญในการวิเคราะห์และวินิจสารงานประพันธ์ทุกชนิดคือ ต้องพิจารณาถ้อยคำ สำนวนว่าใช้เหมาะสมกับระดับและประเภทของงานเขียนหรือไม่ ในการวิเคราะห์และวินิจสารเรามักจะเกิดความคิดแทรก และความคิดเสริม ขึ้นได้ ความคิดแทรก คือความคิดที่เกิดขึ้นในสมองของเราระหว่างที่อ่านงานประพันธ์มิได้มีอยู่ในงานเขียนความคิดแทรกของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จะเกิดในโอกาสและวาระที่แตกต่างกัน ความคิดเสริม คือความคิดอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นแก่ผู้อ่านหลังจากที่ได้อ่านจบและได้สิเคราะห์ได้วินิจสารเสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับความคิดเสริมนั้นอาจต่างเรื่อง ต่างประเด็นไปจากสารที่ปรากฏในงานเขียนก็ได้ แต่ต้องมีความเกี่ยวเนื่องกันจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่บุคคลและโอกาส ในการอ่านงานประพันธ์ การมีความคิดแทรก และความคิดเสริม ทำให้มีโอกาสได้พัฒนาความคิด และความรู้สึกอยู่เสมอ ทำให้เป็นผู้มีความคิดกว้างไกล มีความรู้สึกประณีตละเอียดอ่อน เหมาะแก่การพิจารณาคุณค่าของงานประพันธ์ การพิจารณาคุณค่าของงานประพันธ์ พิจารณาได้เป็น ๒ แนว คือ๑.คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คือคุณค่าทางด้านการแต่ง ซึ่งผู้ประพันธ์ควรเลือกใช้รูปแบบที่สอดคล้องกับเนื้อหา มีกลวิธีการแต่งที่น่าสนใจ ถ้อยคำที่ใช้ไพเราะสละสลวย ให้อารมณ์สะเทือนใจ และให้สารที่มีความคิดสร้างสรรค์ ส่วนที่ต่างกันออกไปมีดังนี้“ร้อยกรอง” พิจารณารูปแบบสอดคล้องกับเนื้อหา กลวิธีการแต่งน่าสนใจ ใช้ถ้อยคำไพเราะสละสลวย ให้อารมณ์สะเทือนใจ“ร้อยแก้วประเภทสารคดี” พิจารณารูปแบบสอดคล้องกับเนื้อหา วิธีเสนอเรื่องน่าสนใจให้ความรู้ถูกต้อง สำนวนภาษากะทัดรัด สละสลวย สื่อความหมายได้ชัดเจน“ร้อยแก้วประเภทบันเทิงคดี” พิจารณาตามเกณฑ์ของรูปแบบ ได้แก่ เรื่องสั้น พิจารณาว่ามีแก่นของเรื่องสัมพันธ์กับโครงเรื่องและตัวละคร มีกลวิธีการประพันธ์ที่แปลกใหม่น่าสนใจ มีจุดขัดแย้งที่ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ ใช้ภาษาสละสลวยก่อให้เกิดจินตภาพ คำพูดเหมาะสมกับบุคลิกภาพของตัวละคร๒.คุณค่าด้านสังคม งานประพันธ์ที่ดีจะสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ ค่านิยม และจริยธรรมของคนในสังคม มีเนื้อหารสาระที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม หรือจริยธรรมของสังคมและมีส่วนช่วยจรรโลงหรือพัฒนาสังคม เนื่องจากวรรณคดีมีคุณค่าทั้งทางวรรณศิลป์และทางสังคมวรรณคดีจึงให้ประโยชน์ทางประเทืองปัญญาและความสำราญอารมณ์ การให้นักเรียนเรียนวรรณคดี ก็เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจชีวิตเห็นอกเห็นใจเพื่อมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น และทำให้นักเรียนมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์ด้วย แหล่งอ้างอิง บริษัทสำนักพิมพ์ |