หลายคนที่ใช้ Windows 8 ไปได้สักระยะแต่พบว่าคอมพิวเตอร์ที่เราลง Windows 8 มันช้าๆ หน่วงๆ อาจจะเป็นเพราะการจัดเรียงข้อมูลของ Harddisk ไม่ดีเท่าไร ซึ่งการที่เราทำการลงโปรแกรมใหม่ หรือ Copy data ไปมา ก็เป็นการเขียนข้อมูลลง Harddisk ทั้งหมด ซึ่งเราต้องเข้ามาจัดการเรียงของข้อมูล ผมเลยมาสอนวิธีการ Optimize Drive หรือ เราจะเรียกว่า Defragment ก็ได้ครับ ซึ่งบางคนที่ใช้ Windows 8 ยังไม่ทราบ แต่ Functions นี้มีมาตั้งแต่ Windows XP และ Windows 7 แล้วครับ Show
สอนวิธีการจัดเรียงข้อมูล Defragment and Optimize Harddisk Windows 8.11. ให้เราอยู่ในหน้า Modern UI ของ Windows 8 จากนั้นพิมพ์บน Keyword ได้เลย คำว่า “defragment” และทำการเลือก Settings จากนั้นเราก็จะเห็นเมนู Defragment and Optimize your drive ให้เรากดไปครับ 3. จากนั้นในหน้านี้จะพบกับ drive ทั้งหมดที่เรามีทั้งหมดใน Computer ของเรา โดยให้เราทำการเลือก Drive ที่ต้องการ Defragment โดยกดไฮไลท์ให้เป็นสีน้ำเงิน จากนั้นกด Optimize เลยครับ > จากนั้นก็รอคอมพิวเตอร์ทำการ Defragment ครับ รอจนกว่าจะเสร็จ โดยการทำ Defragment ของแต่ละ Drive นั้น เวลาจะนานหรือไม่นานขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูล ณ ขณะนั้นครับ ซึ่งการทำ Defragment ผมแนะนำว่า ควรทำ เดือนละ 1 ครั้งครับ สำหรับคนที่เปิดคอมพิวเตอร์ทุกๆวัน และตอนในขณะทำไม่ควรเปิดโปรแกรมอะไรทิ้งไว้ด้วยนะครับ การทำ Defragment ของ Harddisk เป็นการจัดเรียงข้อมูลใหม่ใน Harddisk ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราไวขึ้นครับ แต่ไม่มากนะครับ แต่ดีกว่าไม่ทำว่าไหมครับ ส่วนปัญหาคอมพิวเตอร์ช้าก็อาจจะเป็นที่ติดไวรัสหรือ Malware อีกหนึ่งสาเหตุก็ได้นะครับ
ทำงานด้านไอที(IT) มากกว่า 10 ปีทางด้าน Server และ Application ฝั่ง Microsoft โดยผมได้ทำเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ต่างๆที่ผมเคยเจอให้กับผู้อ่านทั่วไป และการแก้ปัญหาต่างๆให้กับผู้ที่สนใจเรื่อง Windows และสอนทิปต่างๆให้เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หวังว่าบทความของผมจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ และอย่าลืม Like & Share บทความที่มีประโยชน์เผื่อคนอื่นจะได้มีความรู้เพิ่มเหมือนคุณ : อยากเห็นคนไทยเก่งไอที เมื่อเวลาผ่านไปไฟล์ต่างๆในฮาร์ดไดรฟ์ของคุณจะถูกแยกส่วน และเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อปของคุณจะช้าลงเนื่องจากมันต้องตรวจสอบหลาย ๆ
ที่บนไดรฟ์ของคุณ Windows 10 เหมือนกับ Windows 8 และ Windows 7 ในก่อนหน้านั้น จะจัดเรียงไฟล์โดยอัตโนมัติตามกำหนดเวลา (โดยค่าเริ่มต้นสัปดาห์ละครั้ง) อย่างไรก็ตามมันจะไม่ทำงานอย่างสม่ำเสมอเหมือนเคย ดังนั้นหากคุณสังเกตเห็นว่าไฟล์ใช้เวลาในการโหลดนานขึ้น หรือคุณต้องการตรวจสอบอีกครั้งทุกเดือน หรือมากกว่านั้นคุณจะเห็นว่าไดรฟ์ใน Windows มีการแยกส่วนอย่างไร 1. เปิดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพดิสก์โดยค้นหา “optimize” หรือ “defrag” ในแถบ taskbar.2. เลือกฮาร์ดไดรฟ์ของคุณแล้วคลิก Analyze โปรดทราบว่าหากคุณใช้ SSD ตัวเลือกนี้จะเป็นสีเทาและไม่สามารถใช้งานได้3. ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ของไฟล์ที่กระจัดกระจายที่ในผลลัพธ์ไม่ยากเลย และกฎของอย่างรวดเร็วที่เกี่ยวกับวิธีการแยกส่วนไดรฟ์ของคุณ ควรอยู่ก่อนที่จะจัดเรียงข้อมูล คุณอาจต้องการให้เปอร์เซ็นต์การกระจายตัวของคุณต่ำกว่า 5% หรือมากกว่านั้น ดังนั้นกระบวนการจัดเรียงข้อมูลจึงใช้เวลาไม่นานเกินไปที่จะเสร็จสิ้น 4. หากคุณต้องการจัดเรียงข้อมูลไดรฟ์ ให้คลิกที่ Optimize.เป็นการดีที่สุดที่จะทำเช่นนี้ เมื่อคุณไม่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อสิ่งอื่นแล้ว ดังนั้นคุณสามารถปล่อยให้ Windows จัดระเบียบไดรฟ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. คุณอาจพิจารณาการล้างข้อมูลบนดิสก์ เพื่อเร่งความเร็วระบบของคุณเราขอแนะนำให้ใช้ Bitdefender OneClick Optimizer, เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเริ่มต้นและการล้างข้อมูลบนดิสก์ ในกรณีนี้คุณควรลองใช้ OneClick Optimizer -> เป็นเครื่องมือใน Bitdefender Total Security Antivirus และคุณสามารถทดสอบได้ฟรี หลังจากการติดตั้งให้เปิดแดชบอร์ด แล้วไปที่ Utilities จากนั้นคลิก “optimise my device” ทำไมคุณอาจไม่ต้องการจัดเรียงข้อมูลสิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะใช้งาน Windows 10 อาจไม่มีฮาร์ดไดรฟ์จริง แต่ควรใช้ solid state drives (SSD) แทน ในกรณีของ SSD การทำ defrag เพื่อจัดเรียงข้อมูลนั้นไม่จำเป็น และสามารถเป็นอันตรายต่ออายุการใช้งานที่ยาวนานของ SSD ได้ การจัดเรียงข้อมูลบนดิสก์จะย้ายชิ้นข้อมูลรอบ ๆ บนดิสก์ เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ใกล้กันมากขึ้นบนฮาร์ดดิสก์ สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงความเร็วของดิสก์ เนื่องจากข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องข้ามไปมาระหว่างส่วนต่างๆ ของดิสก์ นอกจากนี้ยังสามารถอนุญาตให้มีความเร็วในการเขียนที่เร็วขึ้น ด้วยเหตุผลเดียวกันกับข้อมูลที่ถูกเขียนใหม่ สามารถเข้าไปในไดรฟ์ตามลำดับ SSD ไม่ใช้หัว อ่าน / เขียน ที่กระโดดไปมาบนดิสก์ที่หมุน เพื่ออ่านและเขียนข้อมูล ดังนั้นการกระจายข้อมูลไปยังส่วนต่างๆของหน่วยความจำแฟลชของ SSD จึงไม่มีผลเช่นเดียวกับในฮาร์ดไดรฟ์ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทำการ defrag บน SSD การพยายามทำเช่นนั้นโดยใช้เครื่องมือการจัดเรียงข้อมูลในตัว อาจไม่อนุญาตให้ใช้กับ SSD แทนการดำเนินการ TRIM ซึ่งระบุกลุ่มของข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไปและจะทำการล้างข้อมูล ความสามารถของโปรแกรม Defragment and Optimize Drives คืออะไรDisk Defragment คือ การจัดข้อมูลต่างๆ ที่บันทึก ลงไปใน Harddisk ให้เป็นระเบียบ เนื่องจาก เมื่อมีการติดตั้งโปรแกรม เพิ่ม หรือ ลบ ข้อมูลต่างๆ ลงไป ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บอย่างกระจัดกระจาย ใน Harddisk ทำให้การอ่านข้อมูลช้าลง การใช้งาน Defragmenter นั้น จะช่วยให้ข้อมูลเหล่านั้นเป็นระเบียบ ส่งผลให้ Harddisk เรียกหา ...
ประโยชน์ที่ได้จากการทำ Disk Defragment มีอะไรบ้างการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์หรือ Disk Defragmenter ก็คือการทำการจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ให้มีความต่อเนื่องหรือเรียงเป็นระบบต่อ ๆ กันไป ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของไฟล์นั้น จะมีการอ่านข้อมูล ได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นถ้าหากมีไฟล์ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ที่มีการเก็บ ...
Defragment SSD ดีไหม2. ปิดการ Defragment ทิ้งไปได้เลย สิ่งสำคัญหนึ่งที่ผู้ใช้ SSD ห้ามทำคือการทำ Defragment เพราะจะทำให้อายุการใช้งานของ Cell ลดลงเพราะปกติ SSD จะมี Controller เอาไว้จัดเรียงการเขียนไฟล์เพื่อบันทึกข้อมูลเก็บเอาไว้ใน SSD อยู่แล้ว ดังนั้นการ Defragment ก็จะเร่งความเสียหายให้ SSD มากขึ้นเท่านั้น โดยการปิด Defragment นั้นให้ ...
Optimize Drive ช่วยอะไรการ Optimize ไดรฟ์จัดเก็บข้อมูล คือการทำ Defragmentation ซึ่งจะทำการจัดเรียงข้อมูลที่กระจัดกระจายบนไดรฟ์ให้เป็นระเบียบ ส่งผลให้ไดรฟ์มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น สาเหตุที่ข้อมูลกระจัดกระจายเพราะว่า ในขณะที่ Windows ทำการเขียนข้อมูลลงไดรฟ์นั้น ไม่มีพื้นทื่ว่างที่ต่อเนื่องเพียงพอที่จะทำการบักทึกไฟล์ในที่เดียวกัน
|