นายแพทย์ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย อายุรแพทย์ และ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางเดินอาหารและโรคตับ ร.พ. พระรามเก้า Show
(โปรดอ่านเพิ่มความรู้เกี่ยวกับโรคกระเพาะที่เกิดจากกรดเพิ่มเติม ในหัวข้อ “โรคกระเพาะที่เกิดจากกรด” ) รู้ได้อย่างไรว่าเลือดออกจริง เมื่อมีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน ต้องมีปวดท้องร่วมด้วยหรือไม่ กรณีล้างท้องไม่เห็นมีเลือดออก ทำไมต้องส่องกล้องตรวจด้วย รู้ได้อย่างไรว่าเลือดที่ออกรุนแรงมาก อันตรายอาจเสียชีวิตได้ 1. ความดันโลหิตตก หรือที่เรียกว่าช๊อค กรณีวัดความดันเปรียบเทียบท่านอนและนั่งแล้วพบว่าความดันตกลงต่างกัน ก็ถือว่าเป็นภาวะความดันตกที่มีปัญหาเช่นกัน 2. ดูความข้นของเลือด ที่เรียกว่า Hct แต่ต้องระวัง เพราะมักประมาณผิดพลาดทั้งบอกประเมินต่ำเกินไป หรือ โอเวอร์มากเกินไป เพราะเลือดจะจางหรือข้นต้องใช้เวลาเจือจาง หลังเลือดออกถึง 6 – 24 ชั่วโมง 3. อาเจียนเป็นเลือดชัดเจน แย่กว่าไม่มีอาเจียนเลย (มาด้วยถ่ายเป็นเลือด หรือ สีดำอย่างเดียว) 4. รับเลือดมากกว่า 2 ถุง (Unit) 5. ดูสีของน้ำที่ล้างท้องออกมา (NG content) และ สีของอุจจาระ ถ้าแดงแย่กว่าสีน้ำตาล ซึ่งแย่กว่าสีดำ (สีดำดีที่สุด) 5. รู้ได้อย่างไรว่าเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบน หรือ ส่วนล่าง ตอบ ผู้ที่น่าเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบน จะมีลักษณะดังนี้ 1. ถ่ายเป็นสีดำ (Melena) น่าเป็นจากด้านบนมากกว่า (แต่ส่วนที่ต่ำกว่า หรือ ลำใส้ใหญ่ก็ตามถ้าไหลช้า ๆ ก็ถ่ายเป็นสีดำได้) ขณะที่ถ่ายเป็นเลือดสดมักออกจากด้านล่างมากกว่า (แต่กรณีด้านบนเลือดออกเร็ว ๆ ก็อาจทำให้ถ่ายเป็นสีแดงสดได้) 2. มีประวัติโรคกระเพาะมาก่อน 3. มีค่าความข้นเลือดของสาร BUN สูง (แต่พบว่าเกิดจากภาวะเสียน้ำหรือเลือดมากกว่า การดูส่วนนี้จึงอาจไม่แน่นอนนัก) 4. สีของสายล้างท้อง (NG tube) ถ้าเป็นเลือด ตลอดเวลา ก็แน่นอนแล้วว่าเกิดจากปัญหาเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบนแน่ 6. การล้างท้องมีประโยชน์ หรือควรทำอย่างไร ? ตอบ ควรทำในทุกรายที่แนวโน้มว่าเลือดออกรุนแรง เพื่อประเมินว่า มากหรือน้อย เลือดยังออกอยู่หรือหยุดไปแล้ว เลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบนหรือส่วนล่าง และเพื่อเตรียมล้างเอาอาหารและเลือดออกเพื่อส่องกล้องได้เห็นชัดเจนและรวดเร็วขึ้น 7. ควรส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน Endoscope (Esophagogastroduodenoscope) ในรายไหน และเมื่อไร ? ตอบ 1. โรคตับ ควรรีบทำเร็วที่สุด เพราะการวางแผนและการรักษาต่างกันมาก 2. เมื่อเลือดออกรุนแรงมาก ๆ พบว่าการส่องกล้องช้าหรือเร็ว อาจไม่เปลี่ยนแปลงการวินิจฉัย และ ผลที่ได้ เช่นอย่างไรก็แย่ หรือ แนวโน้มเสียชีวิตอยู่แล้ว เข้าไปทำอะไรไม่ไหว ทั้งแพทย์และผู้ป่วย เท่าที่รักษามาเนื่องจากวิธีการรักษาพัฒนาไปมาก และ การล้างท้องเร็ว ๆ ก่อนทำพบว่าไม่เหมือนดังการศึกษาเก่า ๆ ผู้เขียนมักส่องกล้องเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้าเลือดดูไม่บังจริง ๆ ผู้ป่วยยังส่องกล้องไหว หรือ ไม่มีอาหารบังจะรีบส่องเลย 8. น่าผ่าตัดเร็ว คือให้ศัลยแพทย์ รักษาเป็นหลักในรายไหนดี ? ตอบ ในรายที่รุนแรงโดยทั่วไปแล้วควรดูร่วมกันระหว่างศัลยแพทย์ และ อายุรแพทย์ทางเดินอาหาร และ โรคตับ – อายุ > 60 ปี – มีโรคร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไตวาย (CRF) – เสียเลือดมาก: ได้เลือดมาแล้วมากกว่าหรือเท่ากับ 2-6 ยูนิต, หรือมีความดันตกตลอดเวลา – มีภาวะเลือดออกใน รพ. แย่กว่าเลือดออกที่บ้าน – เป็นผู้ป่วยที่มีแผลขนาดใหญ่ (Giant ulcer) คือแผลในกระเพาะขนาดมากกว่า 3 cm. หรือแผลในลำใส้เล็กส่วนต้นขนาดมากกว่า 2 cm. – มีร่องรอยอันตราย (stigmata) ของพื้นแผลว่าเลือดจะออกซ้ำได้สูง เช่นเห็นเลือดยังออกอยู่ หรือ เห็นเส้นเลือดแดงบนพื้นแผล หรือ เห็นจุดนูนที่พื้นแผล – มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร หรือ กระเพาะ (varice) ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากตับแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือดออกไม่หยุด ไม่มีกลุ่มเลือด (blood group) ที่จะให้อีกแล้ว ตอบ กรณีเลือดออกพบว่าอาจเกิดจาก 1. แผล ให้ดูรอยที่พื้นแผล (Stigmata ulcer base) ซึ่งพบว่าเป็นตัวบอกความรุนแรง โอกาสเลือดออกซ้ำ ( predictor) ที่ดีในการทำนายผลที่เกิดขึ้นต่อมา หรือ โอกาสอันตรายมากน้อย (outcome) : กรณีที่พบพื้นแผลมีลักษณะ เช่นเห็นเลือดยังออกอยู่ หรือ เห็นเส้นเลือดแดงบนพื้นแผล หรือ เห็นจุดนูนที่พื้นแผล ควรฉีดยาห้ามเลือด รอบ และ เข้าไปที่พื้นแผล นอกจากกรณีนี้คือพื้นแผลเป็นจุดดำเรียบ หรือ พื้ยขาวไม่มีรอยดำหรือนูนใด ๆ ไม่ควรฉีดยาห้ามเลือด เพราะโอกาสเลือดออกต่ำหายได้ง่าย ขณะที่การฉีดยา กลับทำให้เลือดออกซ้ำสูงถึง 50 % (ฉีดยาทำให้เลือดออก โดยไม่จำเป็น) 2. เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร ส่วนใหญ่เกิดจากตับแข็ง กรณีเห็นว่าน่าจะรุนแรง โดยดูจาก พบเส้นเลือดใหญ่มาก และดูการทอดของเส้นเลือดคดเคี้ยว พบจุดแดงบนเส้นเลือดขอด หรือ เห็นเส้นเลือดเล็ก ๆ บนเส้นเลือดขอด มีแนวโน้มว่าเลือดออกได้สูง ควรกำจัดโดยเอาออก ด้วยการดีดยางรัดเส้นเลือด หรือ ฉีดยาทำให้เลือดแข็งตัว ทำให้เส้นเลือดขอดฝ่อหายไป และเลือดหยุด ควรทำทุก 3-6 อาทิตย์จนเส้นเลือดขอดนี้หายไปไม่เหลือรอยใด ๆ โดยทั่วไปมักทำ 1- 4 ครั้งจึงหายขาด แต่ต้องนัดมาส่องกล้องดูซ้ำทุก 3- 6 เดือน ว่าไม่กลับมาอีก 3. เส้นเลือดขอดในกระเพาะ ส่วนใหญ่เกิดจากตับแข็งเช่นกัน การดีดยางหรือฉีดยาทำให้เลือดแข็งตัวจะทำไม่ได้ และ อาจเกิดปัญหายางไม่แน่นพอ หลุดได้ง่าย และ ไม่ห้ามเส้นเลือดได้ดีเลย ควรฉีดกาว เข้าไปทำให้เล้นเลือดนี้ฝ่อหายแทน 10. หลังเลือดหยุดยังต้อง ดูอะไรอีกหรือไม่ ต้องระวังอะไร ตอบ ให้กระทำดังต่อไปนี้ ดูว่าสาเหตุของแผลเกิดจากเชื้อโรค helicobacter pylori หรือไม่ เพื่อรักษาแล้วแผลอาจหายขาดได้ หรือควรให้ยาลดกรดตลอดไปเพื่อป้องกันกรณีที่แผลไม่พบสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ – ระวังการติดเชื้อแทรกซ้อน ระยะแรกแพทย์อาจให้ยาฆ่าเชื้อป้องกันการติดเชื้อทั้งที่ยังไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นจริง – รักษาภาวะตับอักเสบตามสาเหตุ ถ้ามีอยู่ เช่น เลิกเหล้าเด็ดขาดถ้าเคยดื่มเหล้ามาก่อน หาไวรัสบี และ ไวรัสซี ถ้าไม่เคยตรวจเช็ค – รักษาน้ำในท้อง หรือ ภาวะบวมขา – บางรายที่มีอาการสับสน มือสั่น หรือ ซึมลง แสดงว่าตับเสื่อมพอควร ควรปรับยารักษาจนหายสับสน โดยแพทย์อย่างใกล้ชิดจนหายดี – มีอาการผิดปกติใด ๆ เช่น จ้ำเลือด ถ่ายดำซ้ำ จ้ำเลือดตามตัว ไอ หอบ ท้องโตขึ้นมาก ปวดท้อง หนาวสั่น ให้รีบบอกแพทย์ทันที (โปรดอ่านเพิ่มความรู้เกี่ยวกับโรคกระเพาะที่เกิดจากกรดเพิ่มเติม ในหัวข้อ “โรคกระเพาะที่เกิดจากกรด” ) นายแพทย์ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย อายุรแพทย์ และ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางเดินอาหารและโรคตับ ร.พ. พระรามเก้า บทความล่าสุดทำหมันแล้วอยากมีลูกได้ไหม? ต้องอ่านการต่อหมันชายแบบเจาะโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อ่านเพิ่มเติมตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อรู้ทันมะเร็งเต้านมอ่านเพิ่มเติมHigh altitude illness หรือภาวะแพ้ที่สูง ที่นักปีนเขาต้องระวัง !อ่านเพิ่มเติมดูบทความทั้งหมด ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 Vปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
ศูนย์แพทย์ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ เยี่ยมชม ดูทั้งหมด บทความอื่นๆทำหมันแล้วอยากมีลูกได้ไหม? ต้องอ่านการต่อหมันชายแบบเจาะโดยใช้กล้องจุลทรรศน์การทำหมันชายถือเป็นการคุมกำเนิดถาวร แต่ก็สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ 100% การทำผ่าตั อ่านเพิ่มเติมตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อรู้ทันมะเร็งเต้านมการคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ ช่วยให้เราสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติของมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะแรก ๆ วิธีการคลำเต้านมทำง่ายๆได้ด้วยตัวเองดังนี้ อ่านเพิ่มเติมHigh altitude illness หรือภาวะแพ้ที่สูง ที่นักปีนเขาต้องระวัง !นักท่องเที่ยวหรือนักปีนเขาที่ต้องปีนขึ้นที่สูง อาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากภาวะแพ้ที่สูง (High altitude illness) ซึ่งส่งผลให้ขาดออกซิเจน รวมถึงการบาดเจ็บจากความเย็น ที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ อาการเลือดออกในกระเพาะเป็นอย่างไรอาการของภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน
ในบางรายจะมีการถ่ายเป็นอุจจาระสีดำ เปียก เหนียว เหมือนยางมะตอย กลิ่นเหม็นรุนแรง ซึ่งบางครั้งเกิดร่วมกับอาเจียนเป็นเลือด อาการร่วมทั่วไป อาจคลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดท้องช่วงบนเหนือระดับสะดือ ถ่ายเลือดออกมากจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็วและเบา เป็นลม หมดสติได้
เลือดออกในลําไส้ใหญ่ เกิดจากอะไรเลือดออกทางเดินอาหารส่วนล่าง มีอาการถ่ายเป็นเลือดสดๆ หรืออาจไม่มีอาการชัดเจน แต่มาพบแพทย์ด้วยอาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย หน้ามืด เป็นลม เหนื่อยง่าย ซึ่งทางเดินอาหารส่วนล่างคือส่วนที่เป็นลำไส้ใหญ่ มักเกิดกับกลุ่มคนที่อายุมาก สาเหตุอาจมาจากภาวะของถุงลำไส้โป่งพอง ทำให้เกิดเลือดออกได้ง่าย และสิ่งที่อันตรายคืออาจเป็นสัญญาณของ ...
เลือดออกในกระเพาะอาหารรักษายังไงการรักษาเลือดออกในทางเดินอาหาร
GI Bleeding มีวิธีการรักษาแตกต่างกันไปตามสาเหตุ ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการรักษาในระหว่างการตรวจด้วยการส่องกล้องประเภทต่าง ๆ ไปพร้อมกัน โดยแพทย์อาจฉีดยา ใช้กระแสไฟฟ้าและเลเซอร์จี้ หรือใช้คลิปหนีบหลอดเลือดเพื่อให้เลือดหยุดไหล
เลือดออกในลำไส้ อันตรายไหมตอบ เลือดออกทางเดินอาหารส่วนบน อาจเกิดเลือดออกหลังทางออกกระเพาะก็ได้ ซึ่งบริเวณถัดมานั้นคือ ลำใส้เล็กส่วนต้น ทางออกกระเพาะส่วนนี้คล้ายหูรูด อาจปิดสนิทมากจนเลือดที่ออกด้านล่าง ไม่มีการย้อนของเลือดขึ้นมา จึงทำให้ล้างท้องตรวจไม่พบก็ได้ รู้ได้อย่างไรว่าเลือดที่ออกรุนแรงมาก อันตรายอาจเสียชีวิตได้
|