หลังปลดล็อคดาวน์ ความเบื่อหน่ายสะสมที่ต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นตัวเร่งให้กิจกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง บรรดาโรงแรมและที่พักก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับความจำเป็นที่จะต้องจัดให้เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ไม่ใช่แค่ให้ความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าคุณต้องเข้าพักที่โรงแรมไหน หลังเช็กอินแล้วอย่าลืมเช็คความสะอาดหลังเข้าห้องพักโรงแรมอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจ คลายกังวลว่าจะเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 Show ทำไมโรงแรมถึงถูกจัดเป็นพื้นที่เสี่ยง?โรงแรมก็เหมือนพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ซึ่งมีความเสี่ยงจะแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ โดยความเสี่ยงส่วนหนึ่งเกิดจากการสัมผัสวัตถุสิ่งของหรือพื้นผิวในจุดที่มีคนหมู่มากใช้ร่วมกัน หรือไม่ก็มาจากพนักงานของโรงแรมและแขกที่เข้าพัก รวมทั้งสิ่งของภายในห้องพักที่คุณจะเข้าไปพักด้วย พนักงานเป็นด่านหน้า พนักงานของโรงแรม โดยเฉพาะพนักงานส่วนหน้า พนักงานบริการตามจุดต่างๆ และแม่บ้าน ซึ่งต้องใกล้ชิดหรือสัมผัสโดยตรงกับแขกที่เข้ามาใช้บริการ รวมถึงสัมภาระของพวกเขา มีโอกาสจะติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้โดยไม่รู้ตัว และคนที่เป็นพาหะส่วนใหญ่ก็ไม่แสดงอาการ นั่นหมายความว่าพวกเขาก็มีโอกาสจะแพร่เชื้อในหมู่พนักงานด้วยกันได้ด้วย แม้ว่าจะระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้ร่วมกัน โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่หลายส่วนที่ล้วนแต่เป็นจุดเสี่ยง เช่น ลอบบี้ที่มักมีคนมาใช้บริการหนาแน่นระหว่างเช็คเอาท์ในช่วงเช้า ลิฟต์ที่มีผู้โดยสารขึ้นหรือลงตลอดเวลาและเป็นพื้นที่ปิด อากาศจึงไม่ค่อยได้ระบาย รวมถึงห้องอาหาร ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ และสปา ที่มีผู้คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปใช้ตลอดทั้งวัน ความถี่ในการเข้าพัก นอกจากนี้ ห้องพักที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนตัวก็อาจกลายเป็นจุดเสี่ยงได้ เพราะเชื้อโควิดสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นชั่วโมงๆ จนถึงหลายๆ วัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมภายในห้องพักและพื้นผิวที่มันเกาะอยู่ แม้จะผ่านการทำความสะอาดแบบ deep-clean หรือพ่นน้ำสเปรย์น้ำยาฆ่าเชื้อแล้วก็ตาม โอกาสที่จะมีเชื้อไวรัสหลุดรอดตกค้างหลังทำความสะอาดก็ยังมีอยู่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าห้องที่คุณเข้าพักนั้นมีอัตราการเข้าพักถี่แค่ไหน ยิ่งถี่มาก ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง ทางที่ดี ก่อนที่คุณจะตัดสินใจจองห้องพัก ควรหาข้อมูลหรือโทรสอบถามทางโรงแรมก่อนว่ามีมาตรการยกระดับความปลอดภัยสู้กับโควิดอย่างไรบ้าง ทั้งในส่วนของการปกป้องพนักงานของทางโรงแรมเองและแขกที่เข้าพัก ซึ่งคุณก็สังเกตได้ไม่ยาก หากสามารถตอบคำถามของคุณได้ดีไม่มีติดขัด คุณก็มั่นใจได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ แนะนำให้ลองพิจารณาเปลี่ยนที่พักจะดีกว่า ถ้าเป็นไปได้ ขอพักห้องที่ว่างมาอย่างน้อย 3 วัน กรณีที่มีห้องว่าง ควรขอพักห้องที่ว่างมาอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลามากพอจะลดความเสี่ยงสัมผัสเชื้อในห้องพัก เพื่อที่คุณจะสามารถสัมผัสพื้นผิวและหยิบจับสิ่งของต่างๆ ภายในห้องพักได้อย่างปลอดภัยและสบายใจขึ้น เช็กอินแบบไร้สัมผัส ช่วยขจัดความเสี่ยงแม้ว่าก่อนเข้าใช้บริการในโรงแรมทุกคนต้องผ่านการคัดกรองแล้วก็ตาม คุณประมาทไม่ได้ในยามนี้ ควรหลีกเลี่ยงการต่อคิวยาวๆ เพื่อเช็คอิน และเมื่อต้องเซ็นเอกสารหรือใบเสร็จรับเงินใดๆ แนะนำให้ใช้ปากกาส่วนตัวจะปลอดภัยมั่นใจกว่า ถ้าจะให้ดีควรใช้ระบบเช็กอินอิเล็กทรอนิกส์หรือ QR Code วิธีลดความเสี่ยงหลังเช็กอินเข้าห้องพักในโรงแรมจริงๆ แล้วโรงแรมส่วนใหญ่ก็ได้ปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal กันแล้ว โดยมีมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับพนักงานและแขกที่เข้าใช้บริการ นับตั้งแต่การคัดกรองก่อนเข้า การเช็กอินและชำระเงินแบบไร้การสัมผัสผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น การจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันสำหรับพนักงาน รวมถึงเจลแอลกอฮอล์สำหรับลูกค้า การทำความสะอาดบ่อยครั้งขึ้น การลดของประดับตกแต่งสถานที่เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด การปรับลดบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างที่ไม่จำเป็นเพื่อลดจุดสัมผัสเสี่ยง เป็นต้น รับผิดชอบความปลอดภัยของตัวคุณเอง หลังเช็กอินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ อ่านป้ายคำแนะนำต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ระหว่างที่คุณเข้าพัก เพื่อให้ตัวคุณเองปลอดภัย ห่างไกลโควิด ทั้งนี้ ในฐานะผู้ใช้บริการ คุณก็ควรมีส่วนรับผิดชอบความปลอดภัยของตัวเองด้วย โดยสิ่งที่ต้องพกติดกระเป๋าทุกครั้งที่เดินทาง ก็คือ เจลแอลกอฮอล์ 70% และแอลกอฮอล์สเปรย์ เพื่อทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อต้องการ ซึ่งเป็นวิธีฆ่าเชื้อโควิดที่สะดวกทันใจที่สุด รีเช็คเรื่องความสะอาดภายในห้องพัก อีกเรื่องที่ต้องทำหลังเช็กอินเรียบร้อยแล้ว ก็คือ การเช็คความสะอาดหลังเข้าห้องพักโรงแรม โดยสิ่งของและจุดที่แนะนำให้คุณดับเบิ้ลเช็คเรื่องความสะอาด ได้แก่
นอกจากนี้ หากไม่จำเป็น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานของในมินิบาร์ (ถ้ามี) เพื่อลดการสัมผัสที่อาจมีความเสี่ยง และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเรียกใช้บริการทำความสะอาดห้องทุกวันก็ได้ จำไว้เสมอว่า ยิ่งลดการสัมผัสได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดี พื้นที่ที่มีคนหมู่มาก ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไวน์บาร์ สระว่ายน้ำ สนามกีฬา ห้องออกกำลังกาย รวมถึงบิซิเนส เซ็นเตอร์ ถ้าทางโรงแรมเปิดให้บริการแล้ว ควรคิดดูให้ดีก่อนว่าคุณมีความจำเป็นต้องใช้บริการในจุดนั้นมากน้อยแค่ไหน ถ้าจำเป็นหรืออดใจไม่ไหว ควรสอบถามพนักงานเพื่อจองคิวล่วงหน้าและไม่ลืมเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หรือมากกว่านั้น ขณะเข้าใช้บริการ สำหรับกิจกรรมกีฬาภายในโรงแรม เช่น เทนนิส แบดมินตัน ปิงปอง บาสเก็ตบอล ควรเว้นระยะห่างด้วยเช่นกัน และแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กีฬาส่วนตัวไปใช้ หรือหากจำเป็นต้องยืมของทางโรงแรมใช้ ควรฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์สเปรย์ก่อนและหลังใช้ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนที่มาใช้ต่อจากคุณ ส่วนลิฟต์ ถ้าพอเดินไหว เลี่ยงไปใช้บันไดจะปลอดภัยกว่า หรือย่างน้อยก็ควรหลีกเลี่ยงการโดยสารลิฟต์ที่มีคนแน่น และอย่าลืมล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70% ทั้งก่อนและหลังกดลิฟต์ สุดท้าย แม้ว่าจะอยู่ในโรงแรม แต่ก็ยังถือเป็นพื้นที่สาธารณะ การสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างตลอดเวลาที่อยู่นอกห้องพัก เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยในยุค New Normal |