ปิดหนี้ 42 รอ กี่ เดือน สถานะ จะเปลี่ยน พัน ทิป

วันนี้พี่ทุยไปเจอประสบการณ์เกี่ยวกับการมีหนี้ ติดเครดิตบูโร แต่อยากมีบ้านสักหลัง โดยปกติแล้วคนที่ติดเครดิตบูโร จะทำเรื่องกู้ค่อนข้างยาก แต่เจ้าของเคสนี้สามารถหาทางยื่นเรื่องกู้บ้านได้สำเร็จ เลยอยากหยิบขึ้นมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน

เจ้าของเคสนี้ มีหนี้ที่ “ติดเครดิตบูโร” อยู่ มียอดหนี้ 250,000 บาท เป็นผู้ชายคนนึง ที่อยากสร้างครอบครัว มีบ้าน มีรถ เพื่อสร้างอนาคต  และพลาดไปเป็นหนี้เกือบสามแสนตอนที่เลิกกับแฟน กว่าจะรู้ตัว ตั้งตัวได้ ก็เกือบจะหมดตัว ดีที่มีกำลังใจจากครอบครัวและที่ทำงาน หัวหน้างานก็คอยช่วยเหลือไม่มีเงินก็ให้ยืม หิวก็พาไปกินข้าวฟรี ตอนแรกไม่เคยคิดว่าจะมีบ้านมีรถเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความอยากได้ อยากมี ก็ได้เข้าอินเทอร์เน็ตหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อกู้บ้าน ทั้งใน Google และใน Pantip ส่วนใหญ่ก็บอกว่าติดเครดิตบูโร ยังไม่ปิดหนี้ ยังไงก็กู้ไม่ผ่านอยู่แล้ว  จึงหยุดความคิดที่จะเข้าไปยื่นเอกสารกู้กับธนาคารต่าง ๆ แต่ก็คิดได้ว่าแล้วถ้ากู้ผ่านนายหน้าล่ะ จะกู้ได้ไหม

ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้าน ที่นายหน้าต่าง ๆ เข้ามาโพสต์กันเยอะแยะ  แล้วก็ไปเจอบริษัท ที่เขารับปิดหนี้ และเดินเรื่องกู้ให้ จริง ๆ มีอยู่หลายบริษัทมาก ทั้งใน กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด แต่ส่วนใหญ่คือ จะมีค่าใช้จ่าย ค่านายหน้า ค่าปิดหนี้ให้ ซึ่งเจ้าของเคสก็รู้ว่าตัวเองเป็นหนี้ จะหาเงินที่ไหนมาให้ค่านายหน้า ค่าดำเนินการหล่ะ จึงพยายามหาบริษัทที่เขาไม่คิดค่านายหน้า ไม่คิดค่าปิดหนี้ก็มีนะ มีหลายบริษัทเหมือนกัน ลองไล่โทรถามทุกบริษัทเลย ซึ่งเงื่อนไขทุกบริษัทจะเหมือนกัน คือ

ต้องซื้อบ้านกับทางบริษัท และ มีสวัสดิการกู้ของ ธอส.  ซึ่งเจ้าของเคสเองโชคดีทำงานบริษัทที่มีสวัสดิการกับ ธอส. พอดี จากนั้นบริษัทเหล่านี้เขาจะขอสลิปเงินเดือนเรา และเครดิตบูโรที่เรามีทั้งหมด จากนั้นก็จะคำนวณสินเชื่อให้เราว่ากู้ได้เท่าไหร่

เจ้าของเคส เงินเดือน 30,000 บาท ไม่มีโอที ไม่มีรายรับอื่น ๆ แต่ว่าแต่งงานแล้วเเล้ว  คำนวณเเล้วกู้ได้ 3.5 ล้านบาท (กู้ได้เยอะเพราะว่าค่ากินอยู่เจ้าของเคสใช้กับแฟน)  หนี้ที่ติดบูโร มียอดหนี้ 250,000 บาท ทางบริษัทก็ส่งบ้านราคา 3.2 ล้านบาท มาให้เจ้าของเคสดู ซึ่งก็โอเคกับบ้านหลังดังกล่าว เพราะราคาก็เท่า ๆ กับเจ้าอื่นที่โพสต์ขายกันในเว็บไซต์ จึงตกลงยื่นเรื่องกับทางบริษัท

ขั้นตอนในการยื่นเรื่องซื้อบ้านของเจ้าของเคสที่ ติดเครดิตบูโร

1. ไปปิดหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด โดยทางบริษัท จะเดินทางไปชำระพร้อมกับเรา และให้ทำสัญญาเงินกู้ตามมูลค่ายอดหนี้ ไม่คิดดอกเบี้ย

2. รอใบปิดหนี้จากธนาคารต่าง ๆ ที่ไปปิดหนี้มา รอประมาณ 2 เดือน

3. หลังจากได้ใบปิดหนี้เเล้ว ทางบริษัทก็จะพาไปยื่นกู้กับทาง ธอส. สาขาที่ทางบริษัทติดต่อไว้ พร้อมยื่นหลักฐานการขอสินเชื่อ ซึ่งเยอะมากพร้อมกับใบปิดหนี้

4. รอทาง ธอส. ออกมาประเมินบ้าน ซึ่งขั้นตอนนี้ทางบริษัทจะประสานงานกับทางธนาคารเอง รอประมาณ 3 สัปดาห์

5. วันที่ต้องไปโอนบ้าน ก็เตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปให้ครบ ซึ่งขั้นตอนคือ ทางธนาคารจะให้เช็คมา 1 ก้อน ก็มอบให้ผู้ขาย แล้วก็เสียค่าโอน ค่าจำนอง ซึ่งทางบริษัทจะออกให้ก่อนทั้งหมด หลังจากโอนบ้านเสร็จ จะได้สำเนาโฉนดมา 1 ใบ เเล้วก็ไปธนาคารกับทางเจ้าหน้าที่บริษัท เพื่อไปขึ้นเงิน

ซึ่งเขาจะให้เงินส่วนต่างเราทั้งหมด โดยหักแค่ค่าจำนองบ้าน ของเจ้าของเคส 3.5 ล้านบาท ที่กู้ หักค่าจำนองบ้านไป 35,000 บาท ค่าประเมินบ้านอีก 2,800 บาท และค่าหนี้ทั้งหมดที่บริษัทปิดให้ สรุปทั้งหมด เจ้าของเคสเป็นหนี้  3.5 ล้านบาท บวกเงินคงเหลือหลังหักอื่น ๆ แล้ว แสนกว่าบาท และสำคัญที่สุดคือ เจ้าของเคสมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว

เจ้าของเคสยังได้บอกอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่อยากมีบ้าน ว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอ ขอแค่อย่าหมดกำลังใจ พี่ทุยชื่นชมในความพยายามครั้งนี้นะ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของเคสสามารถปลดหนี้บ้านให้หมดโดยเร็ววันด้วยหล่ะ

ขอบคุณประสบการณ์การ “ติดเครดิตบูโร” แต่สามารถยื่นเรื่องกู้บ้านได้ครั้งนี้ จาก สมาชิกหมายเลข 1190480 บนเว็บไซต์ Pantip.com

แต่พอดีไปเจอกระทู้น่าสนใจและคิดว่ามีประโยชน์ใน pantip มาค่ะ เลยขออนุญาตเอามาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ ข้อความด้านล่างทั้งหมดนำมาจากกระทู้ที่มีคนมาโพสไว้นะคะ

"เรื่องที่จะเล่าเป็นประสปการณ์การลองผิดลองถูกด้วยตัวเราเอง และอ่านรีวิวจากพันทิพนี่ละ
ก่อนหน้านี้มีหนี้เน่า บัตรเครดิต สินเชื่อเงินสด ด้วยเพราะความผิดพลาดในอดีตใช้เงินเกินตัว จนต้องหยุดจ่ายทุกอย่างเก็บเงินเพื่อทำแฮร์คัท จ่ายเองทั้งหมด ปิดใบสุดท้ายไปเมื่อตุลาคมปี 56 (วิธีการทำแฮร์คัท มีกระทู้แนะนำมากมายในพันทิพ) ทุกรายการ ค้างชำระเกิน 300 วัน (เหลือค้างในบูโรประมาณ 5 บริษัท จริงๆ ปิดไปประมาณ 8-9 บริษัท)

ตุลาคมปี 57 สามีใหม่ของแม่ จขกท เสียชีวิต (พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก) แต่แม่ไม่ได้จดทะเบียนบ้านที่แม่อยู่จึงตกเป็นของลูกของสามีเก่าแม่ ซึ่งเค้าบอกขายบ้านในราคา หนึ่งล้านถ้วน แม่อยากได้บ้านหลังนี้มากๆ เพราะอยู่มานาน

เราจึงเริ่มทำเรื่องกู้ ด้วยประวัติที่เน่าเสีย และอายุงานที่ใหม่แค่หกเดือน เงินเดือน ห้าหมื่น
ก่อนกู้บ้านเราลองสมัครบัตรเครดิต หลายเจ้า ก็โดนปฏิเสธหมด เพื่อที่จะลองว่าถ้ากู้บ้านและรถเราจะผ่านมั้ย
ก่อนกู้บ้านเราเก็บเงินหนึ่งก้อนเพื่อนเตรียมซื้อรถยนต์ หนึ่งคัน ทำเรื่องกู้เท่าไรก็ไม่ผ่าน สุดท้าย ใช้ชื่อพ่อ (พ่อแท้ๆ) ในการซื้อ เราผ่อนเองทั้งหมดผ่อนเดือนละ 11000

สรุปประวัติการเงินของเราเน่าใน เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่อง มักจะบอกว่าน่าจะผ่าน เพราะเรากู้แค่หนึ่งล้าน เงินเดือน ห้าหมื่น ภาระผ่อนรถเป็นชื่อพ่อ
แต่ความเป็นจริง

ธนาคารที่ 1 ออมสิน ใช้เวลารอหนึ่งเดือน ธนาคาส่งจดหมายมาบอกว่าเรากู้ไม่ผ่าน เป็นการรอคอยที่ยาวนาน และผิดหวังสุดๆ ไม่อยากจะกินอะไร แต่เพื่อแม่เราก็คิดว่าเราต้องพยายามทุกวิถีทาง เหตุผลที่ไม่ผ่านคือเรามีประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร หลายรายการ และเกิน 300 วัน
ธนาคารที่ 2 กรุงไทย เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเรามากๆ และบอกว่ามั่นใจว่าผ่านแน่นอน ยื่นเรื่องไปเกือบเดือนก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรโทรไปถามบอกว่าจะลองยื่นใหม่ให้ แล้วให้เราลองสมัครบัตรเครดิต กับเค้า เราก็ทำตามทุกอย่าง สุดท้ายไม่ผ่าน เหตุผลเพราะ มีประวัติชำระไม่ตรงกับกรุงไทย
เราขับรถกลับบ้านน้ำตาจะไหล รู้สึกกดดันมากๆ คิดวนไปวนมา ทำไมมันไม่ได้ ต้องทำยังไง ถึงจะได้

กลับบ้านมาปรึกษากับแฟน แฟนก็เพิ่งปิดหนี้ ได้หกเดือน ยอด 5000 ค้างชำระเกิน 300 วัน แต่แฟนเงินเดือนน้อยกว่า
เราหอบเอกสารไปนั่งเซ็นที่แม็คโดนัล คิดว่าจะยื่นอีกหลายๆธนาคาร ในวันนั้น โดยใช้ชื่อแฟน กู้ หรือกู้ร่วม จะลองไปปรึกษาธนาคารดู แฟนก็ตกลง เป็นไงเป็นกัน

ไปถึงห้างที่มีหลายๆ ธนาคาร
ธนาคารที่ 3 ธนชาติ เป็นวันเสาร์พอดี เจ้าหน้าที่ ที่รับเรื่องบอกว่า เจ้าหน้าที่สินเชื่อมาเฉพาะวันธรรมดา เรายื่นเอกสารทั้งหมดรวมทั้งก้อปปี้รายการค้างชำระในเครดิตบูโรทั้งหมด และไม่เคยได้รับการติดต่อจากธนชาติเลย ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้

ธนาคารที่ 4 กสิกร เราเดินเข้าไป พนักงานกำลังจับกลุ่มคุยกัน พอเราเข้าไปถาม ด้วยความที่เราเริ่มเหนื่อยใจ เลยบอกไปแต่แรกว่าถ้าเรามีประวัติหนี้แบบนี้ มีคำแนะนำมั้ย น้องที่เค้าเตอร กำลังจะอ้าปากตอบ พนักงานที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าที่จับกลุ่ม คุยกันสักครู่ เข้ามาพูดกับเราว่า ถ้ามีติดเครดิตบูโรธนาคารไม่รับเลย แล้วก็หันกลับไปจับกลุ่มคุยกันต่อ ความรู้สึกมันแย่มากๆ

แต่เราก็ยื่นเอกสารให้เค้าดูว่าเราเคยติดหนี้แบบนี้ บ้านราคาเท่านี้ เราพอจะมีโอกาสมั้ย กสิกรมีโปรแกรมคำนวน สินเชื่อคร่าวๆ ให้เราดู โดยน้องที่เค้าเตอร์คนแรกที่เราเข้าไปคุย ปริ้นให้เรา ดูว่าถ้าใช้เงินเดือนแฟนกู้จะมีโอกาสกู้ได้ประมาณไหน เราก็ยังนั่งถามคำถามที่เราสงสัยต่อ เราลองถามว่าถ้าเรามีที่ดินล่ะ ใช้ค้ำประกันได้มั้ย พอจะมีโอกาสมั้ย เหมือนน้องคนนี้จะตอบไม่ค่อยได้ พนักงานที่เป็นหัวหน้าคนซักครู่ก็หันมาตอบอีก ว่าคุณเข้าใจมั้ยคะ ว่าถึงจะมีทรัพสิน ธนาคารก็ไม่ได้พิจารณาง่ายๆ เพราะเดี๋ยวนี้บ้านขายยาก ถ้าคุณมีเงินเก็บเป็นเงินสด อาจจะพอได้ แล้วก็หันกลับไปจับกลุ่มคุยกันต่อ เป็นคำพูดที่ทำให้ลูกค้าอย่างเราไม่ได้รับทางออกที่ดี แต่ได้รู้ว่าควรจะเดินออกจากธนาคารนั้นไปเลย

ธนาคารที่ 5 SCB ได้คุยกับน้องผชคนนึง ชื่อเล่นชื่อคุณกบ (ที่รู้เพราะว่าน้องคนที่พาเราเดินไปบอกว่า พี่กบไม่อยู่ที่โต๊ะ) น้องกบให้คำแนะหลายอย่าง และบอกว่าให้ลองกู้ร่วม อาจจะผ่าน ถึงติดเครดิตบูโร ถ้าปิดไปแล้วหนึ่งปีพอจะมีโอกาส แต่ดอกเบี้ยบ้านมือสองของ scb ตอนนั้นอยู่ที่ 7 % น้องกบอยากจะให้ลองช็อปดอกเบี้ยให้ทั่วๆ ก่อน เราก็คิดว่าดอกเบี้ยมันแพงมากๆ คงไม่เอา scb แน่ๆ

ธนาคารที่ 6 UOB เช่นกันเจ้าหน้าที่สินเชื่อไม่มาวันเสาร์ พนักงานที่อยู่ให้คำแนะนำอะไรไม่ได้มาก จะขอยื่นเอกสารไว้ พนักงานก็บอกว่าให้รอเจ้าหน้าที่ดีกว่า

ธนาคาที่ 7 กรุงศรี มีเจ้าหน้าที่ สินเชื่อที่ดูอาวุโส พอเราบอกประวัติเราก็บอกว่าให้ลองไปเช็คเครดิตบูโรของแฟนก่อน แล้วค่อยมาลองยื่น ถึงจะแค่ 5000 แต่เป็นการค้างชำระเกิน 300 วันก็อาจจะไม่ผ่าน สรุปไม่ได้ยื่น แต่ก็ให้แฟนไปลองตรวจเครดิตบูโร จ่าย 100 บาทยื่นที่ตึกธอส พระรามเก้านะคะ ไม่ยุ่งยาก รวดเร็ว

เย็นวันนั้นเราก็โทรกลับไปหาน้องกบ ว่าถ้าการกู้ร่วมเนี่ย เราใช้ชื่อพ่อเป็นผู้กู้ร่วมได้มั้ย พ่อมีประวัติดีทุกอย่าง น้องกบบอกว่าได้ และน่าจะผ่านก็เลยปรึกษาที่บ้านว่าให้พ่อช่วย เวลาไปคุยกับแม่แม่ก็จะพูดวนไปวนมา ว่าเอาให้ได้นะ บ้านหลังนี้ ต่อไปก็เป็นบ้านของเราเอง เจ้าของบ้านก็โทรมาถามเป็นระยะ ว่าผ่านรึยัง

ธนาคาที่ 8 ธอส เวลาผ่านไปถึงปลายเดือนธันวาคม ไปยื่นกู้ร่วมกับพ่อกว่าจะรอเอกสาร รวบรวม ติดวันหยุดอีกหลายวัน ถึงจะเริ่มดำเนินการ ระหว่างรอผล เราไปญี่ปุ่นพอดี พ่อไลน์มาบอกว่าข่าวไม่ดี ไม่ผ่านเพราะอายุราชการพ่อเหลือน้อย ใจนี่ห่อเหี่ยว แต่ก็ยังคิดซะว่ามาเที่ยวเดี๋ยวค่อยกลับไปสู้ต่อ วินาทีที่ลงจากเครื่องบินสิ่งแรกที่เราคิดคือ เรื่องบ้าน มันว้าวุ่นใจ หนักใจไม่หาย กลัววิตกกังวลมากๆ

กว่าเราจะกลับมาก็กลางเดือนมกราแล้ว ติดต่อไปที่ธนาคารให้เราไปเซ็นเอกสารตรวจบูโรใหม่ ส่งเอกสารเพิ่มอีก วันที่ 20 มกราถึงเริ่มส่งเรื่อง สองสามวันเราโทรไป เจ้าหน้าที่บอกว่ยังไม่ได้ส่งเลย ลูกไม่สบายลาหยุดสองวัน รวมเป็นหนึ่งอาทิตย์ของการรอคอย จนหมดเดือนมกรา เดือนกุมภาเราก็ตามเรื่องอีก เจ้าหน้าที่บอกว่าผ่านแน่นอน ถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่เคยโทรหาเรา เราโทรตามตลอด จนอาทิตย์ท้ายๆ เราโทรทุกวัน เจ้าหน้าที่บอกว่าเรื่องถูกตีกลับ เพราะคนวาดแปลนลืมวาดห้องน้ำ

เรานี่ทั้งเปิดเว็บดูดวง ว่าจะมีดวงได้บ้านมั้ย เปิดพันทิพ หาประวัติคนที่เคยกู้ธอสมีทั้งผ่านและไม่ผ่าน จนวันศุกร์ที่ผ่านมาก่อนกลับบ้านโทรศัพท์เราแบตหมด เลยใช้โทรศัพท์ออฟฟิศโทรไปถามศูนย์ฮอทไลน์ของธอส ยังบอกว่าสถานะ ยังไม่อนุมัติ อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เราก็เลยไม่ได้กระตือรือล้นที่จะหาที่ชาร์ทแบต แต่ก็ไม่เห็นมี แมสเซจว่าใครโทรมา

วันจันตอนเช้าหลังประชุม 16 กุมภาพันธฺ์ วันหวยออก เจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าบ้านอนุมัติแล้ว เราดีใจมากๆ รีบโทรบอกแม่ แม่บอกว่าขอบใจมากๆนะลูกเราก็น้ำตาไหล เราใช้เวลากับธอส เกือบสามเดือนแต่ก็เป็นเพราะเราติดธุระเองด้วยส่วนนึง แต่ถ้าไม่ติดขัดอะไร คือตั้งแต่วันที่ 20 มกรา ถึง 16 กุมภาประมาณสามอาทิตย์ พฤหัสนี้เราจะไปโอนบ้านแล้ว

อยากให้กำลังใจคนที่กำลังกู้บ้านแต่เคยติดประวัติค้างชำระเครดิตบูโร เราค้างชำระเกิน 300 วันทุกใบ ยอดรวมหนี้ประมาณสองแสน เราปิดทุกบัตรปลายปี 56 ยื่นผ่านต้นปี 58 ผ่านไปประมาณ หนึ่งปี สี่เดือน ไม่ได้รอสามปี เหมือนที่เราเคยเข้าใจ มีบ้านให้แม่แล้ว ลองพยายามดูนะคะ มันยาก มันเหนื่อย และเบื่อที่จะกรอกเอกสาร บางทีต้องลางาน บางทีก็แว้บ นั่งมอไซออกไปส่งเอกสาร แต่เราก็ทำได้แล้ว เงินเดือนเราอาจจะมาก พอที่จะกู้วงเงินที่สูงกว่า แต่เครดิตเราแย่ ทำให้เราท้อมากๆเลย 5 เดือนกับบ้านหลังนี้มันสุดยอดจิงๆ

ปล เป็นประสปการการได้รับการบริการของลูกค้าคนนึง และไม่ได้หมายุถึงพนักงานทุกคนนะคะ
** เพิ่มเติมเห็นบางคนถาม
** ลูกติดแฟนแม่ไม่ได้ใจร้ายนะคะ เค้าก็ให้แม่อยู่ฟรีมาตลอดตั้งแต่พ่อเค้าเสีย
** บริษัทเราไม่ได้มีสวัสดิการกู้บ้านใดๆค่ะ เผื่อบางคนสงสัยเรื่องสวัสดิการ
** แฮร์คัทสำหรับเราก็ไม่ได้ทำง่ายๆนะคะ เราเงินเดือนน้อยกว่านี้ ผ่านช่วงเวลาการทวงหนี้มหาโหดมาเหมือนทุกคนละ เคยขึ้นศาลด้วย ความรู้สึกของคนธรรมดามันกลัวไปหมด แต่เราก็ต้องทำ ไม่ได้คิดหัวหมอ จ่ายหนี้ทุกบาทด้วยตัวเอง และก็ไม่เคยรู้ด้วยว่าจะกู้ผ่าน แต่ก็เพื่อแม่ล่ะก็ต้องลองสู้อีกซักตั้ง

มันก็มีช่วงยากลำบากถึงลำบากมากตอนเก็บเงิน แต่ะคงไม่ใช่สาระสำคัญของกระทู้นี้ แค่อยากให้กำลังใจคนที่อยู่ในระหว่างการรอผลกู้บ้านจ้า"