จิตอาสา จิตสาธารณะ การเป็นคนจิตอาสา ต้อง อา-สา รับทำด้วยความเต็มใจ ด้วยความสมัครใจ ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น เช่นดูแลคนชรา ดูแลเด็ก ดูแลคนยากไร้ด้อยโอกาส สัมผัสกันด้วยความรักความเมตตาและหัวใจความเป็นมนุษย์ การอาสาเพื่อให้คนอื่นพ้นทุกข์ และมีความสุข ผู้อาสา ต้องได้รับการฝึกฝน ทั้งด้านความรู้ ความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่จะอาสา ทักษะที่จำเป็น ฝึกให้มองไกลเหมือนพญาเหยี่ยว ไม่ใช่มองใกล้เหมือนเจ้าหน้าที่ที่มีจุดอ่อนด้านนี้ มักมองเห็นแต่สิ่งที่ใกล้ตัว
อาสาต้องใช้ปากอย่างมธุรสวาจา ถามด้วยความห่วงใย แนะนำ ช่วยผ่อนคลายทุกข์ คลายเครียดและความวิตกกังวลรวมทั้งทำกิจกรรมที่ช่วยให้ความสุขเช่นเล่นดนตรี อาสาต้องใช้หูฟังอย่างตั้งใจและเข้าใจ ดังเช่นอาสาใน ร.พ.อาจใช้ประโยชน์โดยการฟังได้มากกว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่มีเวลาน้อยไม่สามารถฟังได้อย่างตั้งใจเพราะคนไข้มีจำนวนมาก อาสาจึงเป็นผู้เติมส่วนขาดด้านนี้ทำหน้าที่รับฟังอย่างตั้งใจ อาสามีหัวใจต้องมีพรมวิหาร อันเป็นธรรมะของผู้มีใจอันประเสริฐมีความรักเป็นปกติ มีความสงสารเป็นปกติและ มีจิตอ่อนโยนไม่อิจจาริษยาใคร
พลอยยินดีกับบุคคลอื่นที่ได้ดีเป็นปกติ สำหรับอุเบกขาความวางเฉย รู้จักปล่อยวางเมื่อช่วยเหลืออะไรไม่ได้พรหมวิหาร คือ ธรรมอันเป็นที่อาศัยของพรหมมี 4 อย่างคือ ทำ พูด คิด ทำจิตให้มี- เมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีสุข- กรุณา
ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบ ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้ 2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น วิธีการที่จะพูดให้เป็นปิยวาจานั้น จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ 3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น 4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลายร่วมทุกข์ร่วมสุข คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเล รวมทั้งยังเป็นการสร้าง ความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย หน่วยงานสาธารณสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล มีปัญหา Classic คือขาดคน คนไม่พอ ขณะเดียวกันคนที่มีอยู่บางส่วนยัง “ขาดความเป็นคน” ไม่รับรู้ความทุกข์ยากของคนไข้ ว่ากว่าที่คนไข้จะมาถึง ร.พ.ผ่านความยุ่งยากตั้งแต่การตัดสินใจมา ร.พ. ที่มีแต่ระบบระเบียบกฎเกณฑ์ การเดินทาง ดังนั้นคนในระบบต้องเติมความเป็นคนเข้าไปด้วย คนที่ทำหน้าที่เป็นอาสา มีแรงบันดาลใจอะไร สิ่งที่ได้คือความปิติ เกิดความอิ่มใจ ปราบปลื้ม ก่อให้เกิดความสุขทางใจ เป็นอาหารใจยิ่งกินมากเท่าใดยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ยิ่งอิ่มยิ่งกินยิ่งมีความสุข ต่างกับอาหารทางกายยิ่งกินมากยิ่งเกิดทุกข์เป็นพิษภัยต่อตนเอง ทั้งหลายเหล่านี้เป็นข้อคิดของแพทย์อาวุโสแห่งเมืองน่านที่เป็นต้นแบบแห่งการมีจิตอาสา นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์รักมิตรที่มอบแด่เจ้าหน้าที่สาธารณสุจังหวัดน่าน
สัปดาห์นี้เอ่ยถึงกระแสคำว่า “จิตอาสา” ในมิติของการให้และการเสียสละ สอดคล้องกับคำสอนเรื่องทาน และเวยยาวจมัย เป็นข้อธรรมในบุญกิริยาวัตถุ 10 มีอะไรบ้างไปติดตามกัน พุธที่ 4 กรกฎาคม 2561 เวลา 10.00 น. ช่วงหลังๆ นี้กระแสคำว่า “จิตอาสา” ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในสังคมไทย ทั้งเกิดจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาสังคม อันเนื่องจากด้วยพระปรีชาสามารถของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ต้องการเห็นประชาชนและสังคมไทยมีจิตเมตตาต่อเพื่อนร่วมสังคมกันมากขึ้น มิใช่ต่างคนต่างอยู่มิใช่ต่างคนต่างเอาตัวรอดอันเป็นไปสู่ความเห็นแก่ตัว ความหมายของคำว่า “จิตอาสา”ตามหลักการทางพระพุทธศาสนา คือการอาสาเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตใจที่มีธรรมะ คือความ เมตตา และกรุณา โดยไม่หวังผลตอบแทน การมีจิตที่ประกอบไปด้วยความเมตตาและกรุณา และ ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทนแก่ตน จิตอาสาในมิติของ “การให้” “การเสียสละ”สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง “ทาน” และ “เวยยาวจมัย” เป็นข้อธรรมใน “บุญกิริยาวัตถุ 10 ” “บุญ”ในทางพุทธศาสนา หาใช่เกิดขึ้นได้ด้วยการเสียสละทรัพย์สินเงินทองเพียงอย่างเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดๆ การสละแรงกาย สละเวลา และความเชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะตัว ด้วยการทำงาน “จิตอาสา” นั้นก็เป็น 1 ในการทำบุญตามความหมายแห่ง บุญกริยาวัตถุ 10 แปลว่าสิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ 10 ประการ คือ 1.ให้ทาน แบ่งปันผู้อื่นด้วยสิ่งของ ไม่ว่าจะให้ใครก็เป็นบุญ (ทานมัย)
5.ช่วยเหลือสังคมรอบข้าง (ไวยาวัจจมัย) ช่วยเหลือสละแรงกายเพื่องานส่วนรวม หรือช่วยงานเพื่อนบ้าน ที่ต้องการความช่วยเหลือก็เป็นบุญ
ผมจึงเชิญชวนให้ชาวพุทธและคนไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งจิตอาสาเพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์รัชกาลที่ 10 ด้วย เพื่อเจริญตามหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาในข้อที่ 5 ว่าด้วยหลักแห่ง “ไวยาวัจจมัย” คือ การช่วยเหลือสังคมรอบข้างด้วย และเวลาช่วยเหลืออย่าไปเลือกว่าเป็นคนชาติเดียวกันตนเอง ศาสนาเดียวกับตนเองหรือเป็นญาติพี่น้องตนเองเท่านั้น จึงจะเข้าไปช่วยเหลือ เราจะต้องมีหัวใจแห่ง “พระโพธิสัตว์”
คือช่วยเพราะเห็นแก่ความเป็นมนุษย์ ช่วยเพราะเป็นสัตว์ร่วมโลกด้วยกัน ผมคิดว่าหากชาวพุทธเราตั้งมั่นคิดได้แบบนี้สังคมเรา สังคมโลกก็สงบสุข สำหรับผมในขณะที่ทุกท่านกำลังอ่านบทความนี้ กำลังอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งในนาม “มูลนิธิรามัญรักษ์” เดินทางไปบริจาคสิ่งของและบริจาคเงินเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และเด็กนักเรียนที่ยากจน ผมก็ทำหน้าที่ของชาวพุทธตามหลักบุญกิริยาวัตถุเหมือนกัน... คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
|