ปัจจุบันนักลงทุนไทย ไปลงทุนในต่างประเทศกันมากขึ้นทั้งทางตรงโดยการซื้อหุ้นรายตัวหรือลงทุนทางอ้อม เช่น ซื้อกองทุน ซึ่งผู้ที่ลงทุนทางตรงอาจไม่ได้วางแผนเรื่องภาษี ทำให้เมื่อนำเงินกลับมาในประเทศจะต้องจ่ายภาษีแบบเต็ม ๆ ทำให้กำไรหดหายไปพอสมควร ก่อนอื่น ขอยกตัวอย่างประเทศที่นักลงทุนไทยนิยมไปลงทุน เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และจีน (ผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง) และเวียดนาม ว่าเมื่อนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนแล้วมีกฎระเบียบเรื่องภาษีอย่างไร
ภาษีในการลงทุนหุ้นในจีน ส่วนใหญ่นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนและซื้อผ่านตลาดฮ่องกง ที่เรียกกันว่า H-Share ซึ่งทั้งเงินปันผล กำไรจากการขายหุ้น และหุ้นปันผล นักลงทุนไทยไม่เสียภาษี และถ้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ก็ไม่เสียภาษีทั้ง 3 กรณีเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นอัตราภาษีกับการออกไปลงทุนในประเทศตัวอย่าง ก็ต้องพิจารณาต่อว่าถ้าลงทุนแล้วมีกำไรจากการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ และต้องการโอนเงินกลับเข้ามาในประเทศไทยจะต้องจ่ายภาษีอย่างไร
ในเบื้องต้น ก่อนตัดสินใจนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศควรศึกษาข้อมูลอัตราภาษีของประเทศที่สนใจไปลงทุน เพราะแต่ละประเทศก็จะมีกฎระเบียบแตกต่างกัน จากนั้นต้องดูข้อมูลกฎหมายของประเทศว่าเมื่อต้องการโอนเงินกลับ มีภาษีอะไรบ้างที่ต้องจ่ายและจ่ายด้วยอัตราเท่าไหร่ แปลว่าควรวางแผนการซื้อขายแต่ละตลาดอย่างไร กำไรเท่าไรถึงจะคุ้มค่ากับภาษีที่จะต้องเสียในแต่ละประเทศและควรนำเงินกลับเข้ามาประเทศไทยเมื่อไรจึงจะประหยัดภาษี ผู้มีเงินได้จากแหล่งเงินได้ต่างประเทศ ซึ่งเป็นเงินได้ประเภทกำไรจากการขายหลักทรัพย์ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศ เงินปันผล และดอกเบี้ยเงินฝาก2. ผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีนั้นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมทั้งหมดถึง 180 วัน 3. มีเงินได้จะต้องนำเงินที่ได้รับในต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับปีที่เกิดเงินได้ **อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีหน้าที่ต้องศึกษาและปฎิบัติกฎหมายและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับภาษีอากรโดยเคร่งครัด**
1. เงินได้จากการลงทุนต่างประเทศ หากนำเงินดังกล่าวกลับไทยในปีถัด ไม่ต้องนำมานับรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. เงินได้ที่ได้จากการลงทุนต่างประเทศ สำหรับการพิจารณาภาษี คือ กำไรที่เกิดขึ้นจริง (Realized Gain) เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจเรื่องภาษีกับการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น เราลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ กันค่ะ
1.) นักลงทุนโอนเงินไปลงทุนต่างประเทศ 500,000 บาท ได้กำไรจากหุ้น 500,000 บาท ดังนั้นรวมเงินสุทธิเท่ากับ 1,000,000 บาท หากถอนเงินกลับประเทศไทย 100,000 บาท จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ? ตอบ ไม่ต้องเสียภาษีค่ะ เพราะถือว่าเป็นการนำเงินต้นกลับประเทศ โดยขณะนี้เงินในบัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศเหลือสุทธิ 900,000 บาท (คิดเป็นเงินต้น 400,000 บาท และ กำไร 500,000 บาท) 2.) ต่อจากข้อ 1 หากนักลงทุนถอนเงินกลับประเทศเพิ่มอีก 400,000 บาท จะต้องเสียภาษีหรือไม่?? ตอบ ไม่ต้องเสียภาษี เพราะยังถือว่าเป็นการนำเงินต้นกลับประเทศค่ะ โดยขณะนี้เงินในบัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศเหลือสุทธิ 500,000 บาท (คิดเป็นเงินต้น 0 บาท , กำไร 500,000 บาท) ดังนั้นหากนักลงทุนถอนเงินกลับประเทศเพิ่มอีกหลังจากนี้ (ตั้งแต่ 0 – 500,000 บาท) ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมานับรวมเป็นเงินได้ เพื่อเสียภาษี เพราะถือเป็นส่วนของกำไรทั้งหมดที่ถอนกลับค่ะ 3.) ปี 2563 นักลงทุนโอนเงินไปลงทุนต่างประเทศทั้งหมด 500,000 บาท โดยเกิดกำไรจากหุ้น 500,000 บาท รวมเงินสุทธิ 1,000,000 บาท ต่อมาปี 2564 วันที่ 1 ม.ค. หากถอนเงินกลับประเทศไทย ตั้งแต่ 0 – 1,000,000 บาท จะต้องเสียภาษีหรือไม่? ตอบ ไม่ต้องเสียภาษี เพราะเงินได้เกิดขึ้นในปีภาษี 2563 แต่มีการนำเข้าในปี 2564 ซึ่งเป็นคนละปีภาษีกัน จึงไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมาคิดภาษีสำหรับปี 2563 ค่ะ
รายงานความเคลื่อนไหวเงินทุน (Capital Movement Report For Tax Reference) ที่จะทำให้นักลงทุนทุกท่าน สบาย หมดกังวล เรื่องข้อมูลยื่นภาษี เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบการยื่นภาษีได้ด้วยตนเอง ซึ่งท่านสามารถดูได้ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
โดยกรอกข้อมูลแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด.90) ในรายการเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 (4) ข้อ 3 |