ช่วง เศรษฐกิจ ตกต่ำ ลงทุน อะไร ดี

แม้สื่อต่างๆบ่งชี้ว่าสภาพตลาดและเศรษฐกิจกำลังตกตํ่า แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่านักลงทุนในระยะยาวจะสามารถเอาชนะตลาดนี้ได้ด้วยการวางแผนที่ดี โดยไม่ต้องเพิ่งโชคชะตา

วันพุธที่ผ่านมา (13 ก.ค) รัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 9.1 % จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 1981 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ได้

อย่างไรก็ตามแม้จะสามารถลดความรุนแรงของเงินเฟ้อได้ แต่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ท่ามกลางมรสุมทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤติโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน และราคาพลังงานทั่วโลกยังคงพุ่งสูงขึ้น การลงทุนในหลายเดือนข้างหน้าอาจเป็นเรื่องยาก แต่การวางแผนเพียงเล็กน้อยจะทำให้นักลงทุนผ่านพ้นไปได้

Jeff Sommer อดีตบรรณาธิการแห่ง Newsday ได้แนะนำแนวทางการลงทุนไว้ดังนี้

1.แนวโน้มตลาดยังมืดมน

สภาพตลาดปัจจุบันมีทิศทางไม่ชัดเจน นักลงทุนอาศัยการคาดเดาล้วนๆ หากเป็นนักลงทุนในระยะยาวพวกเขาจะเลิกสนใจสื่อต่างๆในเวลานี้ เพราะข้อมูลเศรษฐกิจและการเงินจากสื่อไม่ได้เป็นประโยชน์

ตามที่ Paul Krugman เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ เขียนในบทความสัปดาห์นี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับ อาจไม่ได้ไปในทางเดียวกัน บางข้อมูลชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอ และอาจนำไปสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่ ข้อมูลบางส่วนระบุว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง เป็นต้น

2.ท่าทีของ Fed ที่ไม่แน่นอน

Fed ตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก เป้าหมายสูงสุด 2 อย่างของ Fed คือ การจ้างงานสูงสุด และเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งทั้งสองเป้าหมายกำลังขัดแย้งกัน หลังจากอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคา ในขณะเดียวกันอัตราการว่างงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ การควบคุมเงินเฟ้อโดยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อาจนำไปสู่ภาวะถดถอยอย่างไม่ต้องสงสัย

3.นักลงทุนควรวางแผนอย่างไร?

สิ่งแรกที่ต้องวางแผนคือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเงินใช้จ่ายและเงินสดเพียงพอต่อสภาวะฉุกเฉิน และเก็บเงินสดไว้ในที่ปลอดภัย แต่อาจให้ผลตอบแทนน้อยกว่า เช่น บัญชีธนาคารที่ให้ผลตอบแทนสูง กองทุนตลาดเงิน ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตร หากภาวะถดถอยเกิดขึ้นจริง การเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์นี้อาจหมายถึงการลดสัดส่วนในหุ้น แม้กระทั่งตอนนี้ หลังจากที่ตลาดตกต่ำ เงินสดจำเป็นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ต่อมา หากมั่นใจว่าพร้อมเป็นนักลงทุน ค้นหากองทุน หุ้นและพันธบัตรที่หลากหลายและเหมาะสม โดยต้องเหมาะสมกับช่วงอายุที่ลงทุน แม้ข่าวเศรษฐกิจจะเลวร้าย แต่ด้วยการวางแผนที่ดี จะทำให้นักลงทุนสามารถเอาชนะตลาดได้ โดยไม่ต้องใช้โชคช่วย

ระยะหลังมานี้ ไปไหนมาไหนพูดคุยกับใครก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจมันแย่ พอมาเปิดตัวเลขเศรษฐกิจแบบเป็นทางการก็ชะลอตัว ที่เรา ๆ ท่าน ๆ พอจะรู้จักกันดีก็มีตัวเลข GDP ตัวเลขการส่งออก

รูปที่ 1 ลักษณะและการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินในแต่ละช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ
Source : http://www.retailinvestor.org/risk.html as of 8/10/2019

แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเศรษฐกิจเมื่อมีขึ้นก็มีลง เมื่อลงแล้วก็มีขึ้นเป็น ‘วัฏจักร’ แล้วเศรษฐกิจของประเทศเรานั้นอยู่ชะลอตัวจริงหรือไม่ ต้องยอมรับว่าจริงครับ ส่วนอยู่ในช่วงไหนของขาลง ขออ้างอิงจากรูปที่ 1 แล้วพบว่าเศรษฐกิจเราเข้าสู่ช่วงชะลอตัวมาพักหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ลงถึงขีดสุด

รูปที่ 2 ลักษณะเศรษฐกิจของประเทศสำคัญทั่วโลก ณ ปัจจุบัน
Source : Fidelity

แล้วประเทศเราเป็นประเทศเดียวที่แย่จริงหรือ ต้องตอบว่าไม่ครับ จากข้อมูลของ Fidelity ในรูปที่ 2 ก็พบว่าประเทศทั่วโลกเข้าสู่ขาลงทั้งหมด อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลง โอกาสการลงทุนยังมีเสมอครับ เราตามไปดูกันว่าอะไรน่าสนใจในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้

รูปที่ 3 ผลตอบแทนของสินทรัพย์ในแต่ละช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ
Source : https://www.trustnet.com/news/823674/is-high-yield-the-right-place-to-be-invested-now as of 8/10/2019

จากข้อมูลของ Schroders ในรูปที่ 3 จะเห็นว่าไม่มีสินทรัพย์อะไรโดดเด่นในทุกสภาวะ ดังนั้นสิ่งแรกที่จะแนะนำ คือ การจัดพอร์ตการลงทุน โดย ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจทั้งบ้านเราและทั่วโลกอยู่ในช่วง Slowdown ที่อัตราผลตอบแทนจากหุ้นจะเริ่มลดลง (แท่งสีน้ำเงิน) ส่วนสินทรัพย์ที่เริ่มโดดเด่นขึ้นมาแทนที่จะเป็นตราสารหนี้ ทั้งพันธบัตร (แท่งสีเขียว) หุ้นกู้เอกชนทั้งเกรดลงทุนและเกรดเก็งกำไร (แท่งสีเหลือง, แท่งสีม่วง)

รูปที่ 4 ผลตอบแทนของตราสารหนี้เกรดเก็งกำไร (High-yield) และตราสารหนี้เกรดลงทุน (Investment-grade) ในแต่ละช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ
Source : https://www.fidelity.com/viewpoints/investing-ideas/business-cycle-investing as of 8/10/2019

ซึ่งจากรูปที่ 4 ค่อนข้างสอดคล้องกัน นั่นคือ ช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ตราสารหนี้เริ่มโดดเด่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงหดตัวก็ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในตราสารหนี้เกรดเก็งกำไร (High-yield) และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เกรดลงทุน (Investment-grade) เพราะช่วงเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทที่งบไม่ดี รายได้ผันผวน ย่อมมีความเสี่ยงมากกว่า นักลงทุนจึงไม่นิยมลงทุนในตราสารหนี้เกรดเก็งกำไร (High-yield) และหันมาลงทุนในตราสารหนี้เกรดลงทุน (Investment-grade) หรือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า

จากข้อมูลข้างต้นบ่งบอกว่าในพอร์ตการลงทุนควรมีสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าหุ้น และเน้นไปยังตราสารหนี้เกรดลงทุน (Investment-grade) เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและความผันผวน

รูปที่ 5 ผลตอบแทนของอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นในแต่ละช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ
Source : https://www.fidelity.com/viewpoints/investing-ideas/business-cycle-investing as of 11/10/2019

ในส่วนของหุ้นที่มีติดพอร์ตการลงทุนก็ใช่ว่าหุ้นทุกอุตสาหกรรมจะโดดเด่นตลอดเวลา เมื่ออยู่ในช่วงต้นขาลง (Late cycle) หุ้นที่มีรายได้ไม่ผันผวน และหากอัตราการปันผลคงที่ด้วยแล้วยิ่งเป็นที่สนใจจากตลาด อาทิเช่น สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน (Utilities) สินค้าจำเป็น (Consumer Staples) เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไง สินค้ากลุ่มนี้ผู้คนยังต้องใช้กันทุกวัน ดังนั้นผลประกอบการจึงไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ

จะเห็นว่าในทุกสภาวะเศรษฐกิจจะมีสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนเป็นบวกและติดลบ ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านควรจัดพอร์ตการลงทุนพร้อมรับทุกสถานการณ์ด้วยการกระจายในหลายสินทรัพย์ ซึ่งควรปรับเปลี่ยนไปสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลที่เราได้ศึกษาไปด้วยกันในบทความนี้ครับ

ลงทุนทำธุรกิจอะไรดี 2023

การลงทุนแบบไหนดีที่สุด

ขายอะไรดีในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้

เตรียมตัวอย่างไรให้อยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ