Keyword (คีย์เวิร์ด) คือ คำหรือวลีที่คนใช้ค้นหาข้อมูลจาก Search engine เป็นคำที่สะท้อนถึงปัญหาหรือความต้องการของคน Show
ยกตัวอย่างเช่น เราอยากรู้ข้อมูลห้องพักที่เชียงใหม่ บรรยากาศดี ราคาไม่แพง เราจึงเข้า Google และค้นหาข้อมูลด้วยคำว่า “ที่พักเชียงใหม่ บรรยากาศดี ” คำว่า “ที่พักเชียงใหม่ บรรยากาศดี” นั่นแหละคือ Keyword สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ Keyword คือ คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือเป้าหมายของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนว่า กลุ่มเป้าหมายต้องการอะไรและใช้คำใดในการค้นหาข้อมูล Shifu แนะนำ นอกจากการหา Keyword แล้ว เรายังสามารถหา สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ (Customer Insight) เพื่อเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้อีกหลายหลายวิธี โดยคุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Keyword สำคัญอย่างไร1. Keyword คือ สะพานเชื่อมระหว่างลูกค้ากับเว็บไซต์หากเราเลือกคีย์เวิร์ดบนเว็บไซต์ได้ถูกต้อง ก็จะเป็นการคัดกรองผู้เข้าเว็บไซต์ที่เป็นคนที่สนใจเนื้อหาของเว็บไซต์หรือสินค้าของเราจริงๆ จึงมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะติดตามแบรนด์หรือกลายเป็นลูกค้าในอนาคต ในโลกออนไลน์ คุณภาพ สำคัญพอๆ กับปริมาณ จะมีประโยชน์อะไรหากมีปริมาณคนเข้าเว็บไซต์ 1 แสนคนต่อวัน แต่ไม่มีใครซื้อสินค้าของเราเลย การหา Keyword อย่างถูกต้อง จะทำให้เว็บไซต์ได้รับ Traffic คุณภาพ เพราะเขามีความต้องการอยู่แล้วจึงเสิร์ชเข้ามา 2. Keyword คือ ทำเลร้านบนโลกออนไลน์ลองจินตนาการว่า เราเปิดร้านอาหารที่ราคาไม่แพง รสชาติเป็นเลิศ แต่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลและเงียบเหงาราวป่าช้า ไม่มีใครเดินผ่านหน้าร้านเลย ไม่นานธุรกิจย่อมอยู่ในภาวะวิกฤต Keyword เปรียบเหมือน “ทำเล” ของธุรกิจออนไลน์ หากเรามีการ หา keyword ที่ดี มีปริมาณคนค้นหามาก และเว็บไซต์ถูกจัดอยู่ในอันดับดีๆ ได้ ก็เหมือนเว็บไซต์หรือหน้าร้านของเราอยู่ในทำเลทอง 3. Keyword คือดัชนีชี้วัดโอกาสประสบความสำเร็จพิชัยสงครามกล่าวว่า “ยอดขุนพล รู้แน่ว่าชนะจึงออกรบ ไม่ใช่ออกรบเพื่อหาชัยชนะ” การเคลื่อนทัพแต่ละครั้งต้องเสียเวลา เงินทอง เสบียง และชีวิตของทหาร แม่ทัพจึงควรรู้จุดอ่อนจุดแข็งของข้าศึกอย่างแจ่มชัด วิเคราะห์สถานการณ์ให้ขาด เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อทำศึกแล้ว จะไม่พ่ายแพ้และสูญเสียทรัพยากรต่างๆ ไปฟรีๆ การหา Keyword แล้ววิเคราะห์ ก็เหมือนการพิจารณาโอกาสแพ้ชนะในสงคราม ทำให้เราทราบความเข้มแข็งของคู่แข่ง ต้นทุนที่ต้องใช้ โอกาสสำเร็จ หากคุณเลือกคำค้นดี คู่แข่งไม่เข้มแข็งมาก ก็มีโอกาสสูงที่การปรับแต่งเว็บไซต์จะให้ผลลัพธ์อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่หากเลือก Keyword ผิด โอกาสสำเร็จจะริบหรี่ เสี่ยงสูงที่จะเสียทั้งเงินและเวลาไปฟรีๆ รู้จักประเภทของ Keyword เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมการจะหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาด เรื่องแรกที่คุณต้องเข้าใจและเป็นเรื่องที่สำคัญมากคือ รู้จัก “ประเภทของ keyword” ทำไมต้องเข้าใจ เพราะเมื่อคุณลงมือหาคีย์เวิร์ด สิ่งแรกที่คุณจะเจอคือ ลิสต์คำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคุณจำนวนมาก (ดังรูปข้างล่าง) โดยคุณจะต้องระบุว่า แต่ละคำคือคีย์เวิร์ดประเภทไหน เพราะแต่ละประเภทมีวิธีการใช้งานแตกต่างกัน การเข้าใจเรื่องดังกล่าว จะช่วยคุณให้ใช้ Keyword ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยประเภทของ Keyword แบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี้ 1. Seed keywordSeed keyword คือ คำที่เกี่ยวข้องถึง “สินค้า” หรือ “เป้าหมาย” ของเว็บไซต์ เป็นคำกว้างๆ ไม่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น หากคุณขายรองเท้าผู้ชาย Seed keyword ก็คือ “รองเท้าผู้ชาย” Seed keyword เป็นคำที่มีปริมาณค้นหาสูง เพราะไม่ว่าคนจะค้นข้อมูลใดเกี่ยวกับสินค้านั้น ก็มักมี Seed keyword ประกอบอยู่ คนที่จะซื้อ ขาย เช็คราคา ดูรูป เปิดโรงงานรองเท้า ฯลฯ ทุกคนต่างใช้คำว่า “รองเท้าผู้ชาย” ในการค้นหาทั้งนั้น THINK แม้มีปริมาณค้นหาสูง แต่คุณไม่ควรหวังว่า Seed keyword จะเป็น Keyword ทำเงิน เพราะเป็นคำที่มีการแข่งขันดุเดือดเลือดพล่าน จึงทำการตลาดยาก อีกทั้งคนใช้ Seed keyword ค้นหาข้อมูล อาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคุณจริงๆ ดังนั้น Seed keyword จึงเหมาะเป็น Keyword ตั้งต้น เพื่อใช้ค้นหา Keyword อื่นๆ เท่านั้น ไม่ใช่ keyword ทำเงินแต่อย่างใด 2. Niche keywordNiche keyword คือ คำที่ขยายความ Seed keyword อีกเล็กน้อย โดยลักษณะสำคัญของ Niche Keyword คือ เป็นคำที่บอกถึง กลุ่มหรือหมวดหมู่สินค้าและบทความ จากตัวอย่างนี้ Niche keyword คือ “ขายรองเท้าผู้ชาย Adidas” Niche keyword เหมาะที่จะใช้เป็น Catagories หรือ Sub catagories ของเว็บไซต์ เพราะ เป็นคำที่บอก “กลุ่ม” ของสินค้าหรือเนื้อหา เนื่องจากไม่ว่าจะรุ่นไหน สีอะไร ราคาเท่าไหร่ ก็ยังครอบคลุมอยู่ในคำว่า “รองเท้าผู้ชาย Adidas” นั่นเอง 3. Niche Longtail keywordNiche Longtail keyword คือ keyword ที่เฉพาะเจาะจง ระบุชัด รุ่นอะไร เท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น “ขายรองเท้าผู้ชาย Adidas STAN SMITH รุ่น xxxx” Niche Longtail คือ Keyword ที่คุณควรสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นคำที่ระบุถึงสินค้าของคุณ ถูกใช้โดยคนที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการจริงๆ จึงเป็น keyword ทำเงิน มีคุณค่าทางธุรกิจกว่าคำกว้างๆ ปริมาณค้นหาเยอะ แต่ไม่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่าง Keyword แต่ละประเภทเพื่อให้คุณเข้าใจเรื่อง Seed | Niche | Niche Longtail มากขึ้น ผมขอยก ตัวอย่าง Keyword แต่ละประเภทของแต่ละเว็บไซต์ดังนี้ เว็บไซต์ขายชุดหุ้มเบาะรถยนต์ Seed Keyword
Niche Keyword
Niche Long Tail Keyword
เว็บไซต์ขายเสื้อผ้าเกาหลี Seed Keyword
Niche Keyword
Niche Long Tail Keyword
จากตัวอย่าง Keyword ข้างต้น คุณคงพอเข้าใจประเภทของ Seed / Niche / Niche longtail keyword มากขึ้นแล้ว เรามาว่าถึงหัวข้อต่อไปกันเลยครับ Keyword ที่ดี ควรมีลักษณะ 5 อย่างนอกจากระบุประเภทของ Seed / Niche / Niche longtail keyword แล้ว ก่อนจะเลือกใช้คีย์เวิร์ดใดบนเว็บเพจก็ต้องประเมินด้วยว่า ลักษณะของคำหรือวลีนั้นเหมาะใช้หรือเปล่า เผื่อไม่ให้เสียแรงและเวลา (อาจรวมถึงเสียเงินด้วย) กับคีย์เวิร์ดที่ไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์จริงๆ วิธีพิจารณาเลือก Keyword มาใช้ ก็มีอยู่ 5 เกณฑ์ด้วยกัน 1. เกี่ยวข้องkeyword ต้องเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือเป้าหมายของเว็บไซต์ เช่น ชื่อ รุ่น ยี่ห้อ ของสินค้า หรือ ปัญหาของลูกค้า ผลลัพธ์จากการใช้สินค้า ฯลฯ ยิ่ง keyword เกี่ยวข้องและเฉพาะเจาะจงไปยังสินค้าคุณเท่าไร โอกาสที่ผู้ที่เข้าเว็บไซต์จะกลายเป็นลูกค้า ยิ่งมากเท่านั้น 2. มีคนใช้หลายคนเข้าใจผิดว่า การหา Keyword ที่ดี คือ หาคำที่บอกชื่อลักษณะสินค้าแบบตรงๆ ถูกหลักภาษา ซึ่งความจริงไม่ใช่แบบนั้น Keyword คือ คำที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้ ซึ่งอาจเป็นคำต่างคำที่หมายถึงสิ่งเดียวกัน หรือแม้แต่คำที่สะกดผิด หากมีปริมาณค้นหาสูง ก็เป็น Keyword ที่ดีได้ เช่น
สรุปง่ายๆ คือ เราต้องหาให้ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายใช้คำอะไรในการค้นหาสินค้าของคุณ และใช้คำนั้นเป็น Keyword 3. มีปริมาณค้นหาพอสมควรKeyword ที่ดีต้องมีปริมาณค้นหาพอสมควร เพราะยิ่งมากเท่าไร โอกาสเพิ่มยอดขายยิ่งมากเป็นเงาตามตัว Keyword ที่ไม่มีคนค้นหาหรือมีปริมาณค้นหาน้อยเกินไป ก็เหมือนทำเลขายของที่ร้างผู้คน แม้ร้านมีสินค้าดีแค่ไหน ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ 4. แข่งขันได้Keyword ที่ดีต้องแข่งขันได้ หมายถึง เมื่อเลือก Keyword นี้ใส่ไปในเว็บเพจ เราสามารถทำให้คอนเทนต์หน้าที่มุ่งหวังปรากฏในหน้า 1–2 ของ Google ได้ คือสามารถแข่งขันกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้ (ทั้งในมุมการทำ SEO กับการทำ PPC) ยิ่งอันดับเหนือกว่าคู่แข่งได้ยิ่งดี แล้วขนาดไหนที่เรียกว่า “แข่งขันได้”
ลองเช็กความแข็งแกร่งของเว็บไซต์คุณได้ที่ ahrefs.com
5. เป็นคำประเภท “High Commercial Intent”เราควรให้ความสำคัญกับ Keyword แบบ “High Commercial Intent” เป็นพิเศษ เพราะเป็น keyword ทำเงิน ช่วยเพิ่มยอดขาย โดย High Commercial Intent keyword มี 2 แบบหลัก คือ 1. Buy Now Keyword คือ กลุ่มที่ถูกใช้โดยคนที่มีกำลังซื้อและต้องการสินค้าอย่างเร่งด่วน เช่น
2. Product Keyword คือ กลุ่มคำที่ระบุ ยี่ห้อ รุ่น ลักษณะ ของสินค้าหรือบริการ แม้เป็นคำที่มีพลังในการซื้อน้อยกว่า “Buy Now keyword” แต่ก็น่าสนใจ เพราะมันถูกใช้โดยคนที่มีใจเอนเอียงสู่สินค้าอยู่แล้ว เช่น
Keyword Research: การหา Keyword เพื่อทำ SEOKeyword Research คือ การหา Keyword หรือคำค้นที่มีคนเสิร์ชบน Search Engine และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ของคีย์เวิร์ดว่าน่านำมาใช้บนเว็บไซต์หรือเว็บเพจแต่ละหน้าหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น
ดังนั้น ประโยชน์ของการทำ Keyword Research ก็จะช่วยให้คนทำ SEO หรือทำเว็บไซต์ประเมินได้ว่า ควรเลือก Keyword ใดมาใช้งานเพื่อแข่งขันทำอันดับเว็บไซต์ โปรแกรมหา Keyword: Keyword Research Tools & Keyword Plannerคำถามต่อมา คือ แล้วเราจะหา keyword ที่เหมาะกับเว็บไซต์ได้อย่างไร คำตอบคือ ใช้โปรแกรมหา keyword (Keyword Tool) Keyword Tool คือ เครื่องมือที่บอกว่า คนใช้คำอะไรหาข้อมูลบน Search Engine พร้อมให้ข้อมูลสำคัญอื่นๆ เช่น
Metrics พื้นฐานที่ต้องดู มีอะไรบ้างแม้โปรแกรมหา Keyword จะมีหลายยี่ห้อ แต่ก็มีข้อมูลพื้นฐานร่วมที่เหมือนกัน และผู้ใช้งานจำเป็นต้องทราบ ดังนี้ ตัวอย่างหน้าตาของ KW FinderKeyword Research Tools
โปรแกรมหา Keyword ยอดนิยม พร้อมสอนวิธีใช้1. Google Keyword Planner (Free)Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือค้นหา keyword ยอดนิยม เพราะเป็นข้อมูลจาก Google โดยตรง จึงมีความน่าเชื่อถือสูงสุด ซึ่งวิธีใช้งาน Google Keyword Planner อย่างละเอียด ดูที่ 2. Ubersuggest (Paid)Ubersuggest มีจุดเด่นคือ คุ้มค่าสุดๆ เพราะราคาไม่แพง แต่ฟีเจอร์เด็ดๆเพียบ คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้ค้นหา Keyword ตรวจสอบ Backlink ของเว็บไซต์ตัวเองและคู่แข่ง และอื่นๆ โดยวิธีใช้งาน UberSuggest ดูที่ Ubersuggest | Keyword Tool ที่ถูกและดี (มีวิดิโอสอนใช้งาน) 3. Keyword FinderKeyword Finder อีกหนึ่งเครื่องมือยอดนิยม ข้อดีคือ ใช้งานง่าย มีเครื่องมือหลากหลายให้ใช้ โดยตัวอย่างใช้งาน Keyword Finder ดูที่ Keyword Finder คืออะไร พร้อมรีวิวฟีเจอร์ใช้งาน วิธีหา Keyword คุณภาพ ทำ SEO ได้ผลจริงหลังจากที่เข้าใจคอนเซปต์ของ Keyword กันดีแล้ว มาต่อกันที่วิธีลงมือปฏิบัติจริง และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและลองทำตามได้ เราจะขอยกกรณีตัวอย่าง ทำ SEO ให้กับ “น้ำสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากหญ้าหวาน” ยี่ห้อหนึ่ง ใน 4 วิธี ดังนี้ 1. วิเคราะห์ 4W 2Hขั้นตอนที่หนึ่ง ให้วิเคราะห์ 4W2H ของสินค้า นั่นคือ “อะไร ใคร ทำไม ที่ไหน อย่างไร เท่าไหร่” โดยมีเป้าหมายเพื่อหา “Seed keyword” ของเว็บไซต์ เมื่อวิเคราะห์เสร็จ ให้พิจารณาว่า คำไหนเหมาะจะเป็น Seed keyword โดยคำที่นิยม คือ ชื่อสินค้า ลักษณะ จุดเด่น ประโยชน์ (หรือสิ่งที่ได้) โดยในที่นี้ จะเลือกคำว่า “หญ้าหวาน น้ำสมุนไพร ลดน้ำหนัก ลดน้ำตาล สารให้ความหวานแทนน้ำตาล” มาเป็น Seed keyword 2. ใช้โปรแกรมค้นหา keywordต่อไป ให้นำ Seed keyword ไปค้นหาในโปรแกรมค้นหา Keyword เช่น Google Keyword Planner หรือ KWFinder โดยประโยชน์ของโปรแกรมพวกนี้คือ จะแสดง “Keyword Idea” ซึ่งเป็นคำ วลี หรือประโยค ที่เกี่ยวข้องกับ Seed keyword ออกมาจำนวนมาก พร้อมแสดงปริมาณค้นหา จำนวนคู่แข่ง และข้อมูลอื่นๆ ข้อมูลดิบข้างต้น เราจะโหลดมาเป็นไฟล์ Excel หรือ CSV เพื่อนำไปใช้หา Niche keyword และ Niche Longtail keyword ต่อไป 3. กรองด้วยเลขต่อมา ให้นำไฟล์ Excel มาคัดกรองเพื่อ หา Keyword ที่ “ปริมาณค้นหาสูง คู่แข่งน้อย” จากนั้นพิจารณาว่า คำใดเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือเป้าหมาย จะได้นำมาใช้เป็น Keyword ของเว็บไซต์ โดยวิธีคัดกรองเบื้องต้น เราจะใช้ค่าคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า “ค่าเฉลี่ย” ซึ่งจะขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยด้วยตัวอย่างต่อไปนี้ สมมติว่า คุณต้องการซื้อกล้องติดหน้ารถ โดยมีข้อมูลของกล้อง 6 ยี่ห้อ คำถามคือ หากคุณต้องการกล้องคุณภาพสูง และราคาต่ำ ควรซื้อกล้องรุ่นใด เราตอบคำถามข้างต้นได้โดยใช้ “ค่าเฉลี่ย” ซึ่งเท่ากับผลรวมข้อมูลหารจำนวนข้อมูล ค่าเฉลี่ยคือค่ามาตรฐานของกลุ่มข้อมูล ทำหน้าที่เหมือนรั้วกั้น แบ่งข้อมูลออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ข้อมูลสูงกว่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย หากยี่ห้อใดมีระยะเวลาใช้งานสูงกว่าค่าเฉลี่ย นัยยะคือ สินค้ามีระยะเวลาใช้งานค่อนทางสูง (คุณภาพดี) เมื่อเทียบกับยี่ห้อทั้งหมด หากยี่ห้อใดมีราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นัยยะคือ สินค้ามีราคาค่อนทางถูก เมื่อเทียบกับยี่ห้อทั้งหมด จากข้อมูล ยี่ห้อ D มีระยะเวลาใช้งานสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย จึงเป็นยี่ห้อที่ตอบโจทย์คุณที่สุด THINK การหา Keyword ก็เหมือนกับเลือกกล้องติดรถ Keyword ที่ดีคือ มีปริมาณค้นหาสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่มีการแข่งขันน้อยกว่าค่าเฉลี่ย เพราะเป็น keyword ที่สร้าง Traffic มาก แต่คู่แข่งน้อย ลองดูวิดีโอสอนวิธีหา Keyword ด้วยวิธีข้างต้น ด้านล่างนี้ เมื่อคัดกรองเสร็จ ให้พิจารณาว่า คำใดเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือเป้าหมายของคุณ เมื่อเจอ ให้เก็บไว้ในคลังคำ เพื่อเลือกมาเป็น Niche keyword หรือ Niche Longtail keyword ต่อไป จากตัวอย่าง คำที่น่าสนใจคือ “หญ้าหวาน สรรพคุณ” และ “สารให้ความหวานแทนน้ำตาล” 4. กรองด้วยคำจากข้อ 3 หาก หา Keyword แล้วพบว่า คำที่ผ่านการคัดเลือกมีน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะ Keyword ที่ทั้งมีปริมาณค้นหามากและคู่แข่งน้อย ย่อมมีจำกัด คำถามคือ แล้วถ้าคุณอยากได้คำเพิ่ม หรืออยากได้ Buy now keyword สักคำ จะทำอย่างไร? ขอแนะนำวิธี “กรองด้วยคำ” 3 ขั้นตอน ดังนี้
ข้อดีของวิธีกรองคำคือ คุณจะได้คำที่ตรงใจ ไม่ต้องแข่งขันมากเกินควร เพราะบางครั้ง จะเจอคำ 2 คำ ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่คำหนึ่งแข่งขันง่ายกว่า จะได้เลือกคำถูกต้อง ไม่ต้องแข่งขันมากเกินจำเป็น จากตัวอย่าง เราหา Keyword ได้ดังนี้ ด้วยขั้นตอนเท่านี้ เราก็มี keyword ที่เหมาะกับเว็บไซต์เราแล้วครับ Shifu แนะนำ หากคุณมีปัญหาในการทำ SEO แล้วไม่ปรากฏบนหน้าแรก คอนเทนต์ร้างไม่มีคนดู?? สร้างลิงค์เท่าไหร่ก็อันดับก็ไม่ขึ้น ?? ให้ shifu ช่วยแก้ปัญหาให้คุณ ปรึกษากับผู้มีประสบการณ์ SEO 10 ปี ถามได้ตลอด ดูที่
สรุป
โดยเครื่องมือที่ใช้ค้นหา Keyword (Keyword Tool) มีแนะนำ 3 ตัว คือ Google Keyword Planner , Ubersuggest และ Keyword Finder ส่วนขั้นตอนการ หา keyword ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ 1. วิเคราะห์เว็บไซต์ด้วย 5W1H 2. ใช้เครื่องมือหา Keyword 3. กรองด้วยเลข 4. กรองด้วยคำ ด้วยขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น เราจะรู้ว่า Keyword ที่เหมาะกับเว็บไซต์ของเรา มีอะไรบ้างแล้วล่ะครับ เครื่องมือในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาของ Google เรียกว่าอะไรCrawler Based Search Engines คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับการสืบค้นข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Search Engines ชนิดนี้เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมในการใช้งานสูงสุด มีหลักการทำงานโดยการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลต่างๆ สามารถให้ผลลัพธ์การค้นหาที่มีความแม่นยำสูง และมีการประมวลผลที่รวดเร็ว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ในปัจจุบัน ...
เครื่องมือในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการค้นหา (Search Engine) เพื่อให้ผลการค้นหาติดอันดับต้น ๆ ของ Google เรียกว่าอะไรSEO (Search Engine Optimization)
คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ของการค้นหาผ่านการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ได้คุณภาพผ่านหลักเกณฑ์การให้คะแนนเว็บไซต์ของ Google BOT โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา โดยมีเทคนิคการทำ SEO 3 รูปแบบดังนี้
เครื่องมือค้นหา มีอะไรบ้างDuckDuckGo. DuckDuckGo คือ Search Engine ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในขณะนี้ เพราะแม้ว่าจะยังสู้ Google ไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม ... . Bing. Bing คือ Search Engine จาก Microsoft ซึ่งเป็น Search Engine ที่สหรัฐอเมริกานิยมใช้มากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก Google. ... . Baidu. ... . NAVER. ... . Yandex.. Search Engine คือ อะไร พร้อมยกตัวอย่าง 5 ตัวอย่างเสิร์ชเอ็นจิ้น (Search Engine) คือ เครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ด้วยคำค้นต่างๆ ซึ่งข้อมูลนั้น อาจอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ ไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ สื่อมัลติมีเดีย ไฟล์บีบอัด และรูปแบบอื่นๆ ที่สามารถบันทึกเป็นเอกสารออนไลน์ได้ ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Search Engine มีดังนี้ http://www.google.com.
|