การออกแบบตัวอักษรภาษาอังกฤษ

การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือเกี่ยวกับธุรกิจ หลายคนพึงปรารถนาต้องการให้เว็บไซต์นั้นดูดีและมีความสวยงาม ดังนั้นส่วนประกอบที่จะทำให้เว็บไซต์ออกมาสวยงามนั้นมีหลายอย่างที่ผสมรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของเว็บไซต์ รูปแบบการใช้งาน รูปภาพ สีสันที่ใช้ หรือแม้กระทั่งตัวอักษร ทั้งหมดเมื่อรวมกันแล้วมักมีความหมายที่สื่อถึงเว็บไซต์ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวและเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถทำให้ผู้เข้าใช้บริการจดจำในสิ่งเหล่านี้ได้


                องค์ประกอบสำคัญที่สุดในการทำเว็บไซต์ ก็คือตัวอักษรซึ่งมีหน้าที่สื่อความหมายโดยความหมายในตัวของข้อความนั้นๆ และรูปแบบของตัวอักษรก็มีผลในการสื่อความหมายด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรให้ความหมายกับการใช้ตัวอักษรให้มากที่สุด

                สำหรับสิ่งที่ควรรู้จักเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวอักษร นั้นมีอยู่ 3 สิ่ง ก็คือ ชนิดของตัวอักษร (Type Style) บุคลิกของตัวอักษร (Type Character) และขนาดของตัวอักษร (Type Size) โดยทั้งสามสิ่งนี้ต้องมีรูปแบบที่สัมพันธ์กันเพื่อให้คำนั้นๆ มีความหมายในตัวมากที่สุด

1.ชนิดของตัวอักษร Type Style
                โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ อักษรภาษาอังกฤษและอักษรภาษาไทย ส่วนใหญ่การออกแบบมักจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพราะดูมีความสวยงาม ความเป็นสากล และเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลายมากกว่า แต่คนไทยก็นิยมใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษมาใช้ในเว็บไซต์เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน

                ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้ออกแบบมีอยู่หลายชนิด ดังนี้
                - Serif  ตัวอักษรโรมัน หรือว่าแบบโบราณ Tradition old style จุดเด่นคือ มีหัว มีเท้า ตัวอักษรมีความหนาบางคล้ายๆ กัน โดยให้ความรู้สึกเก่า ความหลัง มักใช้กับงานทางการ พิธีรีตรอง หากใช้ในสิ่งพิมพ์มักจะเป็นพาดหัวมากกว่า
                - San Serif ตัวอักษรแบบ Gothic มีพื้นฐานมาจาก Serif แต่ดัดแปลงให้เรียบและดูทันสมัย  นิยมใช้ในการออกแบบหลายชนิด สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์มักใช้วางเป็นเนื้อหา เพราะทำให้เนื้อหาน่าอ่านและดูอ่านง่าย
                - Script เป็นตัวอักษรที่เลียนแบบลายมือ โดยใช้ปากกาชนิดต่างๆ ตามแต่สไตล์ในการออกแบบ ตัวอักษรชนิดนี้ให้ความรู้สึกไม่เป็นทางการ มีความเป็นอิสระ และรู้สึกสนุกสนาน และมักจะไม่ใช้ในสื่อสิ่งพิมพ์เพราะอาจทำให้อ่านยาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริบทของสิ่งพิมพ์นั้นๆ ด้วย
                - Display type ตัวอักษรประดิษฐ์ เป็นการออกแบบให้โดดเด่น บางตัวเกิดเป็นสัญลักษณ์ ตัวอักษรชนิดนี้มีรูปแบบที่หลากหลายและให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันออกไปด้วย

                สำหรับตัวอักษรภาษาไทย Thai Letter จะมีสระ และวรรณยุกต์ อยู่ในคำเหล่านั้น อาจทำให้การจัดวางของตัวอักษรยากและดูไม่สวยงาม อาจเกิดเป็นความยุ่งยากและทำให้นักออกแบบส่วนใหญ่ชอบที่จะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษมากกว่า

2.รูปแบบของตัวอักษร Type Character
                คือ ลักษณะของตัวอักษรที่เราเห็นอยู่ในขณะนั้น โดยมีรูปแบบต่างๆ ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน
                กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่พบเห็นโดยทั่วไป
                - Normal / Regular คือ ตัวอักษรแบบตัวปกติ
                - Italic คือ ตัวอักษรแบบตัวเอียง
                - Bold คือ ตัวอักษรแบบตัวหนา
                - Bold Italic คือ ตัวอักษรแบบตัวหนาและเอียงปกติ
                โดยในแต่ละรูปแบบก็จะมีการใช้งานให้เหมาะสม เช่นต้องการความเด่น เน้นข้อความสำคัญ อาจเลือกเป็น Bold หรือ Italic ให้สะดุดตา

                กลุ่มที่ 2 กลุ่มพิเศษ พบได้กับฟอนต์บางชนิดเท่านั้น
                - Extra / Black คือ ตัวอักษรแบบตัวหนาพิเศษ
                - Light คือ ตัวอักษรที่มีลักษณะบางเป็นพิเศษ
                - Extended คือ ตัวอักษรที่มีลักษณะกว้างเป็นพิเศษ
                - Narrow / Condensed คือ ตัวอักษรที่มีลักษณะแคบเป็นพิเศษ
                - Outline คือ ตัวอักษรที่มีลักษณะเป็นกรอบเส้นรอบนอก
                - Allcaps คือตัวอักษรที่เป็นพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
                การใช้รูปแบบของกลุ่มนี้มักใช้กับกลุ่มคำที่เน้นเป็นพิเศษ เช่น หัวเรื่อง หรือ ใจความสำคัญต่างๆ

3.ขนาดของตัวอักษร Type Size
                หน่วยที่รู้จักกันดีนั่นก็คือ Point พอยน์ ซึ่ง72 พอยน์ มีขนาดใหญ่เท่ากับ 1 นิ้ว สำหรับงานสิ่งพิมพ์ หนังสือ การจัดเป็นเนื้อหาให้อ่านมักใช้ตัวอักษรทั่วไป ตัวอักษรมาตรฐาน เช่น Cordia, Arial หรือตัวอักษรประเภท UPC ในภาษาไทย) ขนาดที่ใช้และเหมาะกับสายตาคนทั่วไป คือ 14 พอยน์ ซึ่งอ่านสบายตาพอดี แต่ในบางตัวอักษรอาจจะเล็กหรือใหญ่ไป ไม่มีขนาดตายตัวสักเท่าไหร่เพราะต้องขึ้นอยู่กับคนออกแบบตัวอักษรนั้นๆ ด้วย อีกทั้งการลองจัดวางตัวอักษรและดูความเหมาะสมกับงานเช่นกัน


ความสัมพันธ์ของทั้งสามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการออกแบบมาก หากในข้อใดข้อนึงมีความไม่พอ มีความไม่สอดคล้องกัน ก็จะทำให้สิ่งที่เราออกแบบหรือต้องการนำเสนอบนหน้าเว็บไซต์นั้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการ First Impression ไม่ประทับใจก็ส่งผลต่อเว็บไซต์และภาพลักษณ์ของธุรกิจได้โดยตรง เพราะความสวยงามโดยรวมคือสิ่งหนึ่งที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องการ มันบ่งบอกได้หลายอย่างเกี่ยวกับสินค้าและความพร้อมของธุรกิจเหล่านั้นด้วย