การสอบบัญชี คือ การตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสารประกอบการลงบัญชี และหลักฐานอื่นๆ Show โดยผู้ประกอบวิชาชีพสอบบัญชี ตามแนวทางปฏิบัติงานที่วิชาชีพได้กำหนดเป็นมาตรฐานไว้
การตรวจสอบบัญชี จะใช้ผู้สอบบัญชี จะมีหน้าที่ในการแสดงความเห็นต่องบการเงินเท่านั้น แนะนำบทความอื่น ๆ บัญชีสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (GOLD FUTURES : https://www.amtaudit.com/view_news.php?id=202 บัญชีส่วนเกินทุนจากการลดทุน : https://www.amtaudit.com/view_news.php?id=200 การตรวจพบภายหลังว่าบันทึกบัญชีผิดพลาดไป : https://www.amtaudit.com/view_news.php?id=204 โดยทีมงาน AMTaudit & AMTsolution & AMTaccount (Consultancy services in accounting and taxation)
When it comes to accounting, you can count on us.Accessible • Approachable • Accountable การตรวจสอบบัญชีมีกี่ประเภทภาพรวมและประเภทของการตรวจสอบ:การตรวจสอบเป็นศิลปะของการทบทวนและสอบสวนอย่างเป็นระบบและเป็นอิสระสำหรับวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ เช่นงบการเงิน การบัญชีเชิงบริหาร รายงานการจัดการ บันทึกทางบัญชี รายงานการปฏิบัติงาน เป็นต้น โดยผลจากการตรวจสอบจะถูกรายงานต่อผู้ถือหุ้นหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นของกิจการเพื่อใช้ในการการตัดสินใจหรือวัตถุประสงค์อื่นตามความจำเป็น บางครั้งรายงานการตรวจสอบจะส่งไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกอื่นๆ เช่น รัฐบาล ธนาคาร เจ้าหนี้ หรือสาธารณชน ตัวอย่างเช่น รายงานการตรวจสอบตามกฎหมายจะถูกส่งไปยังหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นต้น การตรวจสอบแบ่งออกเป็นหลายประเภทและหลายระดับของความเชื่อมั่นตามวัตถุประสงค์ ขอบเขต และขั้นตอนของวิธีการตรวจสอบ การดำเนินการตรวจสอบงบการเงินโดยปกติเป็นไปตามมาตรฐานสากลว่าด้วยการตรวจสอบบัญชี ( ISA) หรือมาตรฐานการตรวจสอบของแต่ละประเทศ ซึ่งในประเทศไทยนั้นสภาวิชาชีพบัญชีได้มีการปรับใช้มาตรฐานการสอบบัญชีสากลให้เป็นมาตรฐานการตรวจสอบในประเทศไทยหรือเรียกว่า TSA วิธีการปฏิบัติงานตรวจสอบนั้นมีหลายประเภท โดยการตรวจสอบทางการเงินประกอบไปด้วย การตรวจสอบการดำเนินงาน, การตรวจสอบตามข้อบังคับของกฎหมาย, การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบและอื่น ๆ ในบทความนี้ เราจะอธิบายประเภทการตรวจสอบหลักๆออกเป็น 10 ประเภท ดังนี้ #1: การตรวจสอบภายนอก (External Audit) ผู้ตรวจสอบภายนอก หมายถึงผู้ตรวจสอบจากภายนอกที่ได้รับว่าจ้างให้ปฏิบัติงานตรวจสอบแก่กิจการ โดยที่ผู้สอบดังกล่าวจะต้องไม่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการ ทั้งในฐานะพนักงาน ผู้บริหาร หรือเจ้าของกิจการ โดยลักษณะการว่าจ้างสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ทั้งการตรวจสอบตามกฎหมาย, การตรวจสอบทางการเงิน หรือการตรวจสอบตามวิธีการที่ตกลงร่วมกัน เป็นต้น กิจการที่ว่าจ้างผู้ตรวจสอบในลักษณะนี้จะต้องมีความเป็นอิสระจากผู้ตรวจสอบบัญชี โดยหากเกิดความสัมพันธ์ที่อาจทำให้เกิดความไม่เป็นอิสระเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการเพื่อลดความไม่เป็นอิสระนั้น และหากไม่สามารถหาขั้นตอนที่เหมาะสมมาขจัดความไม่เป็นอิสระนั้นได้ ผู้สอบจะต้องพิจารณาถอนตัวจากงานตรวจสอบนั้น การตรวจสอบประเภทนี้จำเป็นต้องมีการรักษาจรรยาบรรณวิชาชีพและปฏิบัติตามมาตรฐานว่าด้วยการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ผู้ตรวจสอบประเภทนี้โดยทั่วไปมักจะเรียกกันว่า CPA ซึ่งก็คือผู้ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีใบรับรองผู้สอบบัญชี หรือ CPA เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบและออกรายงานการตรวจสอบได้ โดยในประเทศไทยหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลผู้สอบบัญชี คือ สภาวิชาชีพบัญชีฯ (TFAC) โดยปกติแล้วผู้ตรวจสอบภายนอกมักจะทำงานในสำนักงานตรวจสอบบัญชี ที่จะมีลำดับชั้นในการปฏิบัติงานจาก ผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบอาวุโส และหุ้นส่วนผู้ตรวจสอบ Note : สำนักงานตรวจสอบบัญชีที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกมีอยู่ 4 แห่งด้วยกัน ได้แก่ Deloitte, KPMG, PWC และ EY โดยสำนักงานตรวจสอบบัญชีทั้ง 4 แห่งนั้น ได้มีการให้บริการอยู่ในประเทศไทย #2: การตรวจสอบภายใน (Internal Audit) การตรวจสอบภายในเป็นวิธีการตรวจสอบเพื่อประเมินผลระบบการดำเนินงานของกิจการ ทั้งในแง่ของความมีประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน รวมทั้งระบบการคุมภายในของกิจการเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของกิจการให้เป็นไปในแนวทางที่เป็นระบบระเบียบ โดยการตรวจสอบภายในจะมีการประเมินการบริหารความเสี่ยงของการควบคุมภายใน และการกำกับดูแลกิจการของกิจการควบคู่ไปด้วยเสมอ ขอบเขตของการตรวจสอบภายในโดยทั่วไปจะกำหนดโดยคณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการบริษัท หรือกรรมการผู้มีอำนาจเทียบเท่า และหากไม่มีคณะกรรมการตรวจสอบ โดยปกติผู้ตรวจสอบภายในจะรายงานให้เจ้าของกิจการทราบ โดยปกติการปฏิบัติงานตรวจสอบภายในจะครอบคลุมถึงการทดสอบระบบการควบคุมภายใน การตรวจสอบการปฏิบัติงาน การตรวจสอบการทุจริต การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนด และงานพิเศษอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตรวจสอบหรือคณะกรรมการของบริษัท #3: การตรวจสอบทางนิติเวช (Forensic Audit) โดยปกติการตรวจสอบทางนิติเวชจะดำเนินการโดยนักบัญชีนิติเวชที่มีทักษะทั้งด้านการบัญชีและการสอบสวน การบัญชีนิติเวชเป็นประเภทของการตรวจสอบที่ดำเนินการสอบสวนทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วผลการสอบสวนจะนำไปใช้เป็นหลักฐานในศาลหรือการแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้น การสอบสวนครอบคลุมหลายด้านรวมถึงการสอบสวนการฉ้อโกง การสอบสวนอาชญากรรม การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้น การตรวจสอบทางนิติเวชจำเป็นต้องมีการวางแผน ขั้นตอนการปฏิบัติงานสอบ และมีการรายงานผลการตรวจสอบที่เหมาะสม เช่นเดียวกับงานตรวจสอบอื่นๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการตรวจสอบประเภทนี้มักต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์เฉพาะด้านในการปฏิบัติงานตรวจสอบ เนื่องจากหลักฐานหรือข้อมูลมักถูกปิดบัง หรือบิดเบือนจากผู้กระทำผิดหรือคู่ขัดแย้ง #4: การตรวจสอบตามกฎหมาย (Statutory Audit) การตรวจสอบตามกฎหมายหมายถึงการตรวจสอบงบการเงินสำหรับนิติบุคคลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งการตรวจสอบตามกฎหมายนี้ มักจะมีบางส่วนงานทับซ้อนกับการตรวจสอบประเภทอื่นเช่น บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่บังคับให้ผู้สอบที่สามารถทำการตรวจสอบได้ต้องได้รับการอนุมัติจาก กลต. และเป็นการตรวจสอบภายนอกเท่านั้น หรือ การตรวจสอบตามวิธีการที่ตกลงร่วมกันที่ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนบังคับให้ผู้สอบทำการตรวจสอบตามขั้นตอนที่ได้ระบุไว้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการตรวจสอบตามกฎหมายอาจแตกต่างไปจากการตรวจสอบงบการเงิน เนื่องจากการตรวจสอบทางการเงินหมายถึงการตรวจสอบงบการเงินของนิติบุคคลทุกประเภท ไม่ว่าผู้สอบนั้นจะมีคุณสมบัติหรือมีวิธีปฏิบัติงานตรวจสอบตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม #5: การตรวจสอบทางการเงิน (Financial Audit) การตรวจสอบทางการเงินหมายถึง การตรวจสอบงบการเงินของกิจการโดยผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระ โดยจะให้ความเห็นจากการตรวจสอบในงบการเงินนั้นหลังจากการตรวจสอบเสร็จสิ้น การตรวจสอบทางการเงินตามปกติดำเนินการโดยสำนักงานตรวจสอบภายนอกที่มี CPA และมักจะดำเนินการทุกสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี การตรวจสอบประเภทนี้เรียกอีกอย่างว่าการตรวจสอบงบการเงิน แต่ในบางครั้งหน่วยงานกำกับดูแลของธุรกิจบางประเภทอาจกำหนด ให้มีการตรวจสอบทางการเงินดำเนินการทุกไตรมาสเช่นกัน Note : นิติบุคคลในประเทศไทยส่วนใหญ่จัดทำงบการเงินตามมาตรฐานรายงานทางการเงินอยู่ 2 ประเภทคือ 1. TFRS และ 2. TFRS for NPAE ดังนั้น การตรวจสอบของผู้สอบบัญชี หรือ CPA จะต้องตรวจสอบว่างบการเงินเหล่านั้นได้ปฏิบัติตามมาตรฐานรายงานทางการเงินที่กิจการใช้อยู่หรือไม่ #6: การตรวจสอบภาษี (Tax Audit) การตรวจสอบภาษีเป็นการตรวจสอบประเภทหนึ่งที่ดำเนินการโดยหน่วยงานทางด้านภาษีของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต หรือหน่วยงานภาษีท้องถิ่น เป็นต้น ในการตรวจสอบประเภทนี้จะเกิดขึ้นเมื่อหน่วยงานของรัฐเหล่านั้นมีข้อสงสัยหรือมีเหตุอันทำให้ควรเชื่อว่ากิจการมีการเสียภาษีอากรไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือมีการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายภาษีอากร ซึ่งปกติแล้วการตรวจสอบประเภทนี้เมื่อผู้สอบได้ตรวจพบข้อผิดพลาดมักจะก่อให้เกิดเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามมา ดังนั้นเพื่อเป็นการเลี่ยงข้อพิพาททางภาษีดังกล่าว กิจการควรให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นดูแลในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง หรือหากมีประเด็นที่ไม่แน่ใจว่าอาจเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายทางภาษีอากรหรือไม่ อาจะติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรืออาจะให้สำนักงานสอบบัญชีด้าน Tax Compliance มาช่วยประเมินจุดเสี่ยงหรือข้อพกพร่องที่อาจเกิดขึ้นเพื่อการแก้ไขอย่างทันท่วงที #7: การตรวจสอบระบบสารสนเทศหรือการตรวจสอบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Audit) การตรวจสอบระบบข้อมูลบางครั้งเรียกว่าการตรวจสอบไอที การตรวจสอบประเภทนี้จะประเมินและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของระบบรักษาความปลอดภัย โครงสร้างความปลอดภัยของข้อมูล และความสมบูรณ์ของระบบ บางครั้งการตรวจสอบทางการเงินก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบด้านไอทีด้วย เนื่องจากขณะนี้การปรับใช้เทคโนโลยีในโลกธุรกิจกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และรายงานทางการเงินของลูกค้าส่วนใหญ่มักได้รับการบันทึกโดยซอฟต์แวร์บัญชีที่ซับซ้อน วิธีการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไป เพื่อให้คุณภาพของงานตรวจสอบมีสิทธิภาพ ในปัจจุบัน บริษัทที่มีโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่มักมีการใช้ระบบซอฟแวร์ที่ซับซ้อนในการเก็บข้อมูล (ERP) ดังนั้นโดยปกติก่อนที่ผู้ตรวจสอบบัญชีจะอาศัยข้อมูลจากระบบสารสนเทศ (ซอฟต์แวร์) ที่ใช้จัดทำงบการเงินหรือบันทึกข้อมูลด้านบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชีจำเป็นต้องมีการตรวจสอบระบบสารสนเทศก่อน เพื่อทดสอบและตรวจสอบระบบก่อนถึงความน่าเชื่อถือของระบบเหล่านั้น #8: การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance Audit) การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดคือประเภทของการตรวจสอบที่ตรวจสอบกับนโยบายและขั้นตอนภายในของกิจการ ตลอดจนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานราชการที่กิจการถูกบังคับใช้อยู่ ตัวอย่างเช่น ในภาคการธนาคารที่มีกฎระเบียบจำนวนมากที่ถูกบังคับจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ซึ่งกิจการต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นกิจการอาจมอบหมายหน้าที่การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดให้แก่ผู้ตรวจสอบ เพื่อทบทวนว่านโยบายและขั้นตอนภายในของกิจการเป็นไปตามและปฏิบัติตามอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ผู้บริหารของกิจการใช้เพื่อบังคับใช้ประสิทธิผลของการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของรัฐบาล ตลอดจนนโยบายและขั้นตอนภายในของกิจการ #9: งานตรวจสอบตามวิธีการที่ตกลงร่วมกัน (Agreed-upon procedures) วิธีการที่ตกลงร่วมกันคือวิธีการปฏิบัติงานตรวจสอบที่ผู้ตรวจสอบจะดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้าเท่านั้น งานประเภทนี้เป็นงานตรวจสอบประเภทการให้ความเชื่อมั่นแบบจำกัด เนื่องจากผู้สอบจะไม่ทำการตรวจสอบประเด็นอื่นเพิ่มเติมแม้ว่าอาจะมีความสงสัยถึงข้อผิดพลาดที่อาจจะมีอยู่ แต่จะรายงานเฉพาะสิ่งที่ได้พบเจอตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้เท่านั้น เมื่อผู้ตรวจสอบเสร็จสิ้นการตรวจสอบหรือปฏิบัติตามขั้นตอนทั้งหมดที่กำหนดโดยฝ่ายบริหาร ผู้ตรวจสอบจะออกรายงานหรือเรียกว่ารายงานการค้นพบข้อเท็จจริงโดยระบุสิ่งที่ค้นพบทั้งหมดที่พบในระหว่างการตรวจสอบ #10: การตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) การตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเป็นประเภทของการตรวจสอบที่ผู้ตรวจสอบภายในทำตามปกติ สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีประเด็นหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร เช่น การทุจริต คดีธุรกิจ หรือกรณีพิเศษอื่นๆ ตัวอย่างเช่น มีการทุจริตเกิดขึ้นในแผนกบัญชีเงินเดือนและข้อกังวลนี้แจ้งต่อคณะกรรมการตรวจสอบหรือคณะกรรมการบริษัท หรือบางครั้งมีการร้องขอจาก CEO ให้มีการตรวจสอบพิเศษในพื้นที่เหล่านี้ อย่างไรก็ตามผู้สอบบัญชีภายนอกก็สามารถตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษได้เช่นกัน เช่นถูกร้องขอให้มีการตรวจสอบบัญชีบางรายการของกิจการจากธนาคารผู้ปล่อยกู้ เป็นต้น เมื่อผู้สอบบัญชีเสร็จสิ้นการตรวจสอบแล้ว ทีมตรวจสอบจะจัดทำรายงานและส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบหรือคณะกรรมการบริษัท บางครั้งก็รายงานไปยัง CEO หรือ ผู้ร้องขอผลการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องด้วย ผมหวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพรวมของงานการตรวจสอบได้ชัดเจนมากขึ้นนะครับ แล้วพบกันในบทความถัดไปครับ
Related PostsBusiness InfoSathorn, Bangkok, Thailand © 2022 • Powered by ConnectAcc วิธีการตรวจสอบบัญชี มีอะไรบ้างวิธีการได้มาซึ่งหลักฐานการสอบบัญชี. การตรวจ (Inspection). การสังเกตการณ์ (Observation). การสอบถาม (Inquiry). การขอคำยืนยัน (Confirmation). การคำนวณ (Computation). การปฏิบัติซ้ำ (Reperformance). การวิเคราะห์เปรียบเทียบ (Analytical Procedure). ผู้สอบบัญชีจะมีวิธีการเลือกตัวอย่างวิธีใดบ้าง?วิธีการเลือกตัวอย่างในการสอบบัญชี 1. การเลือกตัวอย่างโดยใช้วิธีการทางสถิติ 1.1เลือกแบบสุ่มตัวอย่าง 1.2การใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น 2. การเลือกตัวอย่างโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
ค่าตรวจสอบบัญชี คิดยังไงบริการตรวจสอบบัญชี อัตราค่าตรวจสอบบัญชี มีดังนี้
งบเปล่า มีอัตราค่าบริการ 5,000 บาท งบการเงิน รายได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท/ปี อัตราค่าบริการ 7,500 บาท งบการเงินที่มีรายได้เกิน 5 ล้านบาทต่อปี แต่ไม่เกิน 10 ล้าน อัตราค่าบริการ 12,000 บาท งบการเงินที่มีรายได้เกิน 10 ล้านบาทต่อปี แต่ไม่เกิน 20 ล้าน อัตราค่าบริการ 15,000 บาท
วิธีการได้มาซึ่งหลักฐานการสอบบัญชีมีกี่ประเภทวิธีการตรวจสอบเพื่อให้ได้มาซึ่งหลักฐานการสอบบัญชี 1. การตรวจสอบ(Inspection) 2. การสังเกตการณ์(Observation) 3. การขอค ายืนยันจากบุคคลภายนอก (Confirmation) 4. การทดสอบการค านวณ(Computation) 5. การทดสอบโดยการปฏิบัติซ ้า(Reperformance) 6. การวิเคราะห์เปรียบเทียบ(Analytical Procedure) 7. การสอบถาม (Inquiry)
|