3เอ็ม องค์กรด้านนวัตกรรมและวิทยาศาตร์ระดับโลก ได้รับการยกย่องจากสถาบัน เอธิสเฟียร์ (Ethisphere Institute) ให้เป็นหนึ่งใน “บริษัทที่มีจริยธรรมสูงที่สุดในโลก” เป็นองค์กรที่มีมาตรฐานดำเนินธุรกิจและปฏิบัติงานอย่างสุจริตและมีจริยธรรม ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 โดยในปีนี้มีบริษัทที่ได้รับการยกย่องดังกล่าวเพียง 7 บริษัทเท่านั้น “3เอ็มได้ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 120 ปี สร้างสมชื่อเสียงด้วยแนวทางปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้องตามจริยธรรมมาโดยตลอด” นายไมเคิล ดูแรน รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายจริยธรรมและฝ่ายกำกับดูแลของ 3เอ็ม เผยว่า “ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ที่จะร่วมกันสร้างองค์กรที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐาน ทำให้เราเป็นองค์กรที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ซึ่งความภาคภูมิใจในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความภาคภูมิใจของพนักงาน 3เอ็ม กว่า 90,000 ชีวิต ที่ร่วมมือกันยึดมั่นในความถูกต้องโปร่งใส ปลูกฝังรากฐานแห่งจริยธรรมจนกลายเป็นค่านิยมอันดีงามขององค์กร และทำให้ 3เอ็มเป็นองค์กรที่ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วย”
หลักจรรยาบรรณที่มุ่งเน้นแนวปฏิบัติที่มีคุณธรรมจริยธรรมของ 3เอ็ม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยตอกย้ำชื่อเสียงด้านความโปร่งใสทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและในแวดวงอุสาหกรรม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริหารของ 3เอ็ม ยังร่วมส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และพร้อมเป็นแบบอย่างในการทำงานให้พนักงานได้สัมผัสและปฏิบัติตามอีกด้วย โดยในปี 2565 นี้ 3เอ็ม เป็นหนึ่งใน 136 บริษัทจากทั่วโลกที่ได้รับยกย่องว่าเป็นบริษัทที่มีจริยธรรมที่สุดในโลก ซึ่งการประเมินประกอบด้วยการตอบแบบสอบถามทางวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และสังคม รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับจริยธรรมและการปฏิบัติงาน บรรษัทภิบาล (การกำกับดูแลกิจการที่ดี) และความหลากหลาย รวมกว่า 200 ข้อ ภายใต้การพิจารณาของสถาบัน เอธิสเฟียร์ “ทุกบริษัทที่ได้รับเกียรติให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมที่สุดในโลก ต่างก็เข้าใจดีว่าปัจจุบันทุกธุรกิจบนโลก ต้องการรูปแบบการดำเนินงานที่มีจริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และสามารถไว้วางใจได้ว่าจะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก” ทิโมธี เออร์บลิช ผู้บริหารสูงสุดของเอธิสเฟียร์ กล่าว “ขอแสดงความยินดีกับ 3เอ็ม ที่ได้รับการยกย่องติดต่อกัน 9 ปีซ้อน นับเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ 3เอ็ม ในจรรยาบรรณทางธุรกิจ ที่อุทิศตนเพื่อความซื่อสัตย์โปร่งใส เพื่อบรรษัทภิบาล และเพื่อส่วนรวม” ทั้งนี้กระบวนการประเมินบริษัทที่มีจริยธรรมที่สุดในโลก ยังรวมถึงการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลที่ดี ความปลอดภัย การยอมรับในความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความยุติธรรมในสังคม ทั้งยังเป็นกรอบการทำงานให้กับองค์กรต่างๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมทั้งหลายทั่วโลก ส่วนสถาบันเอธิสเฟียร์ (Ethisphere®) นอกจากจะเป็นผู้นำของโลกในการให้นิยามและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรมแล้ว ยังผลักดันให้นำมาตรฐานดังกล่าวมาสร้างสรรค์คุณลักษณะที่ดีของบริษัท เพื่อให้สร้างความเชื่อมั่นในตลาดสินค้าไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจรรยาบรรณของบริษัท 3เอ็ม รวมทั้งจริยธรรมและการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ได้ที่ https://www.3m.com/3M/en_US/ethics-compliance/code/ และรายชื่อบริษัทที่มีจริยธรรมที่สุดในโลกได้ที่ https://worldsmostethicalcompanies.com/honorees กลุ่มบริษัทศรีตรัง คำนึงถึงความเสมอภาค ความซื่อสัตย์ในการดำเนินธุรกิจและผลประโยชน์ร่วมกับคู่ค้า โดยสนับสนุนให้คู่ค้าพึงปฎิบัติตามกฎหมายและกติกาต่างๆ อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับกลุ่มบริษัท รวมทั้งเป็นแบบอย่างขององค์กรซึ่งมีจรรยาบรรณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังสนับสนุนและส่งเสริมการแข่งขันที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน และต่อต้านการกระทำใดที่อาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงของอุตสาหกรรมและคู่แข่ง "ซีอีโอ เครือซีพี-ศุภชัย เจียรวนนท์" รับโล่เกียรติยศ "บริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก" จากEthisphere สถาบันระดับโลกด้านประเมินมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรมวานนี้( 22 เม.ย.64) เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เข้าร่วมรับโล่เกียรติยศ “ World's Most Ethical Companies 2021” หรือ “บริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกประจำปี 2564” จาก Ethisphere สถาบันระดับโลกในด้านการประเมินมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรม ในงาน Virtual WME Honoree Gala 2021 หลังจากที่ได้ประกาศผลการคัดเลือกบริษัทที่จริยธรรมมากที่สุดในโลกไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้โดยมีผู้บริหารระดับสูงบริษัทชั้นนำใน 22 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน อาทิ Kellogg, LinkedIn, Sony, L’OREAL, Microsoft, PepsiCo, Prudential เป็นต้น ซึ่งในปีนี้เป็นการจัดงาน Virtual ออนไลน์ครั้งแรก ในรูปแบบ Private Viewing Party เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด- 19 ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งแสดงความยินดีและสัมผัสประสบการณ์การรับชมงานระดับโลก ในการนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 6 ซีอีโอจากบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกประจำปีนี้ ในการแบ่งปันประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมในช่วง CEO Highlight ร่วมกับ Michael Dell, Chairman and CEO, Dell Technologies , Jo Ann Jenkins CEO of AARP, Halsey Cook Jr. CEO of Milliken, Julie Sweet CEO of Accenture และ นายปกิต เอี่ยมโอภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทั้งนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้กล่าวถึงเส้นทางการดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์แก่นักธุรกิจบนเวที Virtual WME Honoree Gala 2021 โดยกล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินธุรกิจเติบโตมาหนึ่งศตวรรษมีพนักงานกว่า 4 แสนคนทั่วโลก ด้วยการยึดมั่นในหลักจริยธรรมและปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการของเครือฯ ไปพร้อมกับการยืดหลักค่านิยมองค์กรเป็นเข็มทิศสำคัญในการทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรม อันได้แก่ “ปรัชญา 3 ประโยชน์” คือ การดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์จะต้องเกิดประโยชน์ต่อทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน รวมถึงประชาชนในประเทศต้องได้ประโยชน์ และสุดท้ายบริษัทก็จะได้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเครือฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังยึดมั่นในค่านิยม “ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม” ซึ่งถือเป็นรากแก้วสำคัญในการทำให้ธุรกิจของเครือฯ จนได้รับความไว้วางใจ และความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างยั่งยืน “เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบัน Ethisphere ให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกในปีนี้ รางวัลนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เครือฯจะไม่หยุดที่จะพัฒนาองค์กร ผู้บริหารและพนักงานของเครือฯ เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมดั่งเช่นที่เรายึดมั่นในคุณธรรมและความซื่อสัตย์มาตลอด 100 ปี ก้าวต่อไปของเครือฯ เราพร้อมมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้คนในสังคม” นายศุภชัย กล่าว ด้าน มร.ทิมโมธี เออร์บลิค (Timothy Erblich) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบัน Ethisphere กล่าวว่า ภาคธุรกิจคือกำลังสำคัญในการมีส่วนช่วยแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ผ่านกระบวนการการทำธุรกิจ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) คือพลังที่จะช่วยขับเคลื่อนโลกให้ดีขึ้น ซึ่ง Ethiphere มั่นใจว่าผลงานอันน่าภาคภูมิใจของทั้ง 135 บริษัทจากทั่วโลกที่ได้รับพิจารณาให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกจะสร้างแรงบันดาลใจให้ภาคธุรกิจอีกจำนวนมากในทั่วโลกได้นำไปปฏิบัติตาม ภาคธุรกิจควรหันมาให้ความสำคัญกับ ESG ให้มากยิ่งขึ้น |