ทุกคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิตที่วางไว้ และมุ่งมั่นที่จะพุ่งชนเป้าหมายนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในความก้าวหน้าของงาน เป้าหมายในการดูแลสุขภาพให้มีรูปร่างตามที่ต้องการ หรือเป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของที่อยากได้ ถึงเป้าหมายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้ว การตั้งเป้าหมายชีวิตก็เพื่อตอบโจทย์ให้ตัวเองทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ วันนี้เรามีวิธีที่จะช่วยให้เป้าหมายในชีวิตที่เราตั้งไว้ประสบผลสำเร็จ ดังนี้1. แน่วแน่ไว้ว่า สิ่งที่เราทำนั้น เราต้องการอะไรเมื่อตั้งเป้าหมายชีวิตแล้ว เราต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่และจริงจังกับมัน บางคนอยากเป็นนักโปรแกรมเมอร์ บางคนอยากเป็นนักกีฬา บางคนอยากมีเงินทองเยอะ ๆ จากการทำธุรกิจ ให้คิดไว้ว่า สิ่งที่เราจะทำนั้นคือสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ไม่ใช่ทำเพราะเห็นคนอื่นทำเลยทำตาม พอทำไม่สำเร็จคุณก็ท้อ และหยุดทำ เพราะนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจากใจจริง เป็นเพียงแค่กระแสชั่วคราวเท่านั้น Show
2. กำหนดเป้าหมายเมื่อรู้ว่าเป้าหมายในชีวิต หรือสิ่งที่เราต้องการทำคืออะไรแล้ว ลำดับถัดมาก็คือ การกำหนดเป้าหมาย เพราะการที่จะประสบความสำเร็จได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดไปเลยว่าจะสำเร็จตรงตามเป้าหมายในวัน เดือน หรือปีใด แต่ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงที่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วย สุดท้ายแล้วถ้าตั้งเป้าหมายชีวิตไว้แต่ไม่ยอมลงมือทำสักที เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็เป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ดังนั้นจึงต้องลงมือทำอย่างจริงจังด้วย 3. วางแผนการวางแผนอาจทำควบคู่ไปกับการกำหนดเป้าหมายในชีวิตเลยก็ได้ โดยอาจจะให้กำหนดออกมาว่า วันนี้เราต้องทำอะไร เดือนหน้าเราต้องทำอะไรต่อ ให้เขียนเป้าหมายไว้เป็นข้อย่อย อาจดูเหมือนเป็นเรื่องยิบย่อย แต่เป้าหมายย่อย ๆ เล็ก ๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ส่งต่อให้ไปถึงเป้าหมายใหญ่ทั้งนั้น เหมือนกระจายงานทำทีละเล็กละน้อย พอรวมกันเข้าก็จะกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้นการวางแผนจะต้องสอดคล้องกับการกำหนดเป้าหมายในการทำให้สำเร็จตามที่วางไว้ด้วย 4. ลงมือปฏิบัติเมื่อกำหนดเป้าหมายและวางแผนเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปฏิบัติได้เลย จงมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเททำให้เต็มที่ หมั่นทบทวนเป้าหมายในชีวิตของคุณอยู่สม่ำเสมอ อย่าไปกลัวกับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น เพราะอุปสรรคเป็นบททดสอบที่เปรียบเหมือนบันไดให้เราก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จ หากคิดและแก้ไขปัญหาได้ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน 5. สร้างความสำเร็จต่อเนื่องเมื่อเราได้เริ่มทำสิ่งต่าง ๆ จนสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ก็อย่าลืมรักษามาตรฐานนี้เอาไว้ให้คงที่ อย่ามัวแต่หลงอยู่กับความสำเร็จที่ได้มา เพราะไม่รู้ว่าความสำเร็จที่ได้มานั้นจะอยู่กับเราไปตลอดหรือไม่ ควรเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อการพัฒนาตัวเองให้ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นแล้ว ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเรา หากเรามุ่งมั่นตั้งใจ มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่เข้ามาระหว่างทาง เชื่อได้เลยว่าความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน และเมื่อคุณรู้จักการตั้งเป้าหมายและบรรลุจุดประสงค์ของคุณแล้ว บางคนอาจคิดจะสร้างธุรกิจของตนขึ้นมา ลองอ่านบทความวาดฝันมีธุรกิจใหญ่ ทำอย่างไรฝันถึงจะกลายเป็นจริงกันดู แล้วคุณจะรู้ว่าคุณก็ทำได้! ในช่วงเริ่มต้นสิ่งที่ยากที่สุดและผมเชื่อว่าทุกคนเป็น ผมเองก็เป็น คือ เราจะตั้งเป้าอะไร? เพราะเราไม่เคยมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก ๆ มาก่อน ความรู้สึกมันก็ออกจะโล่ง ๆ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อดี และเป้าหมายที่เราจะทำมันต้องยิ่งใหญ่แค่ไหนหรือเล็ก ๆ ก่อนดี นี่คือช่วงที่เราต้องให้เวลากับตัวเองมากที่สุด คิดและทบทวนกับตัวเองว่า ในชีวิตของเรา เราต้องการไปที่จุดไหน? มีบทสนทนาตอนหนึ่งจากหนังสือเรื่อง Alice in Wonderland ที่ผมชอบมากมันเป็นตอนที่อลิซหยุดเดินเพื่อถามทางจากเจ้าแมวเชสเชียร์ แมวเชสเชียร์: “เธออยากไปไหนหละ” อลิซ: “ไม่รู้สิ..” แมวเชสเชียร์: “ถ้างั้นเธอจะเดินไปทางไหนก็เหมือนกัน” และจากหนังสือเรื่อง Train Your Brain For Success การตั้งเป้าหมายคือ การบอกตัวเองว่ากำลังจะไปที่ไหน เพื่อให้ทุก ๆ วันของเราเหมือนการเดินทางที่มีความหมาย ใครที่กำลังหมดไฟหรือ Passion นี่คือหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ครับ เป้าหมายที่ดีเป็นอย่างไร?ถ้าใครรู้จัก SMART Goal อยู่แล้วข้ามส่วนนี้ไปก่อนได้เลยครับ ส่วนใครยังไม่รู้จักมาดูกันว่าเป้าหมายที่ดีหน้าตาเป็นอย่างไร ขอยกตัวอย่างสั้น ๆ จากการตั้งเป้าหมายเพื่อลดน้ำหนัก
เราจะ (S) ออกกำลังกายด้วย (R) การวิ่ง เตะฟุตบอลและฟิตเนส (A) เพื่อลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม (M) โดยจะออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง (T) เป็นเวลา 6 เดือน 7 เทคนิคสำหรับการตั้งเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในปี 20231. ถ้ายังไม่รู้ว่าจะตั้งเป้าอะไร ให้เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวก่อนสิ่งแรกให้คุณเริ่มลิสต์ก่อนว่าที่ผ่านมา เรามีประสบการณ์กับสิ่งใดบ้างทั้งดีและไม่ดี โดยเขียนให้ได้มากที่สุด คุณอาจเลือกหัวข้อเหล่านี้มาลิสต์ได้ครับ
หลังจากลิสต์คำตอบของเราจากคำถามพวกนี้มาเยอะ ๆ แล้ว ให้คุณมาดูตัวเองต่อว่า จริง ๆ แล้วคุณเป็นคนประเภทไหน?
ตัวผมเองเป็นคนประเภทหลัง คือ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นน้ำหนักของสิ่งที่ผมใช้ในการตัดสินใจจึงมาจาก ‘อะไรบ้างที่เราให้ความสำคัญในชีวิต’ และ ‘อะไรคือความใฝ่ฝันที่เราต้องการไปให้ถึง’ ผมจึงเลือกเข้ามาสู่ในวงการของ Technology เริ่มจาก 0 คือไม่มีพื้นฐานใด ๆ ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา และทดลองทำทันที ไลฟ์สไตล์จึงเป็นการทำงานตลอดเวลา ข้อควรระวัง: การเลือกเป้าหมายที่ต้องการไปนั้นจะส่งผลต่อไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปด้วย และถ้าเลือกแล้วให้มุ่งมั่นกับสิ่งนั้นจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ จะทำให้เราไปไม่ถึงไหนครับจากข้อนี้นั้นสิ่งที่คุณต้องทำการบ้านให้ดีที่สุด คือ การรู้จักตัวเอง และเริ่มต้นร่างจุดหมายการเดินของตัวเองได้แล้วครับ สิ่งที่คุณต้องทำได้หลังจบข้อ 1
2. เป้าหมายของชีวิตนั้นมีความหลากหลายการกำหนดเป้าหมายส่วนตัวนั้น ถ้าเราไม่แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้ดี เราจะพลาดสิ่งสำคัญในชีวิตหลาย ๆอย่างไป เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังของการตั้งเป้าหมาย มันต้องครอบคลุมรอบด้าน เพื่อไม่ให้เวลาย้อนกลับมาคิดแล้วเราเสียใจภายหลัง โดยจะแบ่งออกเป็นหลัก ๆ ได้ดังนี้ 2.1 การพัฒนาตัวเองคือการขยายขีดจำกัดความสามารถของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้เราเป็นคนที่เก่งกว่าเราคนเมื่อวาน ในส่วนนี้นั้นเราจะต้องเข้มงวดกับตัวเองให้มากที่สุด และต้องบอกว่าเราทำสิ่งนี้ไม่ใช่เพื่ออวดคนอื่น แต่เราทำเพื่ออนาคตของเราเองมากกว่า ข้อควรระวัง: ถ้าเราทำเพื่ออวดคนอื่น คือ การทำอะไรนิดหน่อยแแล้วเอาไปโพสต์บนโซเชียลแบบเกินจริง เพื่อให้คนอื่นมองเราในแง่ดี ท้ายที่สุดแล้วถ้าเราทำมาก ๆ เข้า เราจะกลายเป็นคนหลอกตัวเองได้ครับตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้
2.2 ด้านการงานคือ เป้าหมายเพื่อความก้าวหน้าในด้านการงาน การเติบโตในด้านนี้นั้นหลัก ๆ แล้วมาจากการทำงานฉลาด+หนัก และการมีเป้าหมายที่ชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้ทุก ๆ วันของการทำงานมีความหมายมากขึ้นแน่นอน โดยการเริ่มต้นนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องตัดทิ้งออกจากความคิดก่อนเลยคือ “ก็ได้เงินเท่านี้ เราจะทำแค่นี้” ให้เปลี่ยนเป็น “เพราะเราทำได้แค่นี้ เงินเดือนเราจึงอยู่แค่นี้” และเริ่มมองว่า อะไรบ้างที่เราสามารถทำเพิ่มได้ เพื่อให้งานของเราออกมาดียิ่งขึ้น หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ทำ Side Project หรืองานเสริมหลังจากเลิกงานแล้ว ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้
2.3 ด้านความสัมพันธ์สิ่งที่คนส่วนใหญ่เวลาเราให้ความสำคัญกับเป้าหมายทั้งต่อตัวเองและการงานมาก ๆ มักจะลืมไปคือเรื่องของความสำคัญของความสัมพันธ์รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว, แฟน หรือเพื่อน ทำให้ชีวิตเราขาดสีสัน ความอบอุ่น และความสุขไป เพราะความสุขส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เราจึงต้องบริหารสิ่งนี้ด้วยการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้
2.4 ด้านสุขภาพหากไร้ซึ่งสุขภาพที่แข็งแรง ชีวิตของเรานั้นจะดีไม่ได้เลย ตอนเราสบายดีทุกอย่างมันก็ดีไปหมด แต่ถ้าเมื่อไรเราป่วยหนัก (ถ้าใครเคยคงเข้าใจดี) โลกทั้งใบนั้นหม่นหมองลงไปทันที ดังนั้นรักษาสุขภาพให้ดีตั้งแต่วันนี้ดีที่สุดครับ ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้
2.5 ด้านการเงินคนจะร่ำรวยมาจากการวางแผนการเงินที่ดี เปรียบเหมือนคนหุ่นดีที่ต้องมีการวางแผนและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจนท้ายที่สุดมีหุ่นที่น่าดึงดูด การเงินก็เช่นเดียวกัน เราจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก ๆ เพื่อให้เรามีเงินได้อย่างที่ต้องการ ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายในหมวดนี้
3. อย่าลืมให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคุณเมื่อไรที่เราให้ความสำคัญกับสิ่งไหน สิ่งนั้นจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นมาในชีวิตของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณอยากได้รถยี่ห้อหนึ่ง เพราะคิดว่ารถคันนี้สวยมากและไม่ค่อยมีใครขับ แต่เมื่อหลังจากที่คุณให้ความสำคัญกับรถรุ่นนี้ คุณจะเริ่มเห็นรถยี่ห้อนี้เต็มไปหมดตามท้องถนน เช่นเดียวกับอารมณ์ความรู้สึกของเรา ถ้าเราคอยจับตาดูและให้ความสำคัญกับความรู้สึกดี ๆ จิตใจเราก็จะพยายามจับความรู้สึกนั้น ๆให้เกิดขึ้นมากที่สุด ท้าให้คุณลอง ลองจดบันทึกถึงอารมณ์ความรู้สึกของคุณในวันต่าง ๆ ดู โดยให้สรุปว่าวันนั้น อารมณ์ความรู้สึกส่วนใหญ่ที่คุณจำได้ คืออะไร และวาดหน้าตาความรู้สึกนั้นลงบนปฏิทินของคุณ เพราะเมื่อใดที่คุณรู้สึกแย่หรือเสียใจ คุณจะรู้ได้เลยว่า วันพรุ่งนี้ยังสามารถเริ่มใหม่ให้ความสุขได้ เพราะมันเป็นเพียงแค่ 1 วันที่ผ่านไป การนำความรู้สึกในแต่ละวันมารวมกับการตั้งเป้าหมายนั้น จะช่วยให้คุณมีกำลังใจในการทำเป้าหมายนั้นเกิดขึ้นให้ได้ 4. แบ่งเป้าหมายให้เป็นชิ้นเล็กเป้าหมายนั้นเปรียบเหมือนเค้กที่เราต้องแบ่งให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้กินง่าย เป้าหมายที่ดีนั้นต้องใหญ่มากพอให้เกิดแรงจูงใจและต้องทำได้จริง แต่บางครั้งเวลามันใหญ่มาก ๆ แค่เรานึกถึงก็เหนื่อยแล้ว มันทำให้เราหมดแรงและเลือกที่จะผลัดมันออกไปก่อน ซึ่งการผัดวันประกันพรุ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย สิ่งที่เราควรทำคือการหั่นเป้าหมายที่ใหญ่นั้นให้เล็กลง เล็กพอที่จะทำให้เรารู้สึกว่าทำได้ไม่ยากนัก โดยการหั่นนั้นแบ่งออกเป็น 2 แกนด้วยกัน 4.1 เริ่มจากหั่นงานใหญ่ให้เป็นงานเล็กสมมติว่าในปีนี้เราต้องการพัฒนาตัวเองให้อ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 3 เล่ม เราก็เลือกหั่นออกเป็นสิ่งง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน เช่น อ่านหนังสือช่วงเช้าตอนเข้าห้องน้ำ 30 หน้า มันจะช่วยให้เรารู้สึกว่า ไม่ยากเกินไป 4.2 หั่นแบ่งเป็นช่วงเวลาการตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเองนั้น เราจะแบ่งออกเป็น ดังนี้ ระยะยาว 10 ปี ในการวางระดับนี้นั้นจะเป็นภาพไกล วางแบบหลวม ๆ เช่น ต้องการเป็นนักธุรกิจระดับพันล้านบาท ที่มีธุรกิจอยู่ในเอเชีย อเมริกา และยุโรป ระยะกลาง 5 ปี จะเป็นอะไรที่จับต้องได้ขึ้นมาหน่อย เช่น ต้องการสร้างฐานลูกค้าให้มีจำนวน 30 ล้านคน ภายใน 5 ปี และมียอดคำสั่งซื้อต่อคนไม่ต่ำกว่าคนละ 1,000 บาท ระยะสั้น 1 ปี จะเป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้เกิดขึ้นได้ทันที และสามารถหั่นออกเป็นขั้นย่อยได้ต่อ
ยิ่งหั่นออกมาชัดเจนมากเท่าไร เราก็จะยิ่งทำสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม แนะนำว่า คุณจำเป็นต้องมีสมุดจดบันทึกคู่กายไว้ 1 เล่ม ในช่วงตอนเริ่มต้นของการจดของผมนั้น สิ่งที่ผมทำพลาดมากเลย ๆ คือ ผมจะมีสมุดติดตัว 1 เล่ม และจดบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นกับชีวิตตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เข้าปั๊มเติมน้ำมัน งีบหลับ หรือการทำอะไรเล็กๆน้อย ๆ จดแบบนั้นไปกว่า 3 เดือน จนท้ายที่สุดมาคิดขึ้นมาได้ว่าจริง ๆ แล้ว เพียงแค่เราบอกตัวเองได้ว่าวันนั้นเราได้ทำผลลัพธ์กับเป้าหมายนั้นมากขึ้นกว่าเดิม แม้เพียง 1% หรือเปล่า 5. แชร์เป้าหมายกับเพื่อนร่วมทางการวางเป้าหมายและเดินทางไปอย่างโดดเดียวนั้น ทำให้คุณล้มเลิกระหว่างทางได้ง่ายมาก ๆ เพราะมีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่รู้ ลองเพิ่มพยานเข้าไปในสิ่งที่คุณมุ่งมั่นกำลังทำอยู่สิ ให้เค้าได้เป็นเพื่อนร่วมทางในเป้าหมายของคุณ และคุณก็เป็นเพื่อนร่วมทางในเป้าหมายของเค้าเช่นเดียวกัน การรวมกลุ่มนี้จะช่วยลดการเลิกทำตามเป้าหมายได้มากเลยทีเดียว และผมเองก็มีกลุ่มนี้ที่เริ่มต้นทำกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน โดยใช้วิธีการสร้างง่าย ๆ ด้วยการใช้ Facebook Group และเขียนเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จในปีนั้น ๆ โพสต์ไปในกลุ่ม และให้เพื่อนช่วยรีวิวว่าเป้าหมายที่เราตั้งนั้น ใหญ่ไปหรือเล็กไป สามารถทำได้จริงไหม หรือมีไอเดียอื่น ๆ เพิ่มเติม หลังจากนั้นให้ย่อยเป้าหมายรายปี ให้กลายเป็นเป้าหมายรายอาทิตย์และโพสต์ในช่วงเริ่มต้นของอาทิตย์นั้น ๆ ว่าเราจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง และพิมพ์ว่าเรามีเป้าหมายไหนที่เราสำเร็จบ้างในอาทิตย์นั้น ๆ มันไม่เกี่ยวว่าเราจะทำได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ในแต่ละอาทิตย์ครบถ้วนไหม สิ่งสำคัญที่สุดคือการมุ่งมั่นทำตามเป้าหมายนั้นให้เกิดขึ้นในทุก ๆ อาทิตย์พร้อมไปกับเพื่อนของคุณ 6. วินัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเป้าหมายนั้นเป็นเหมือนรถยนต์ ส่วนวินัยนั้นเปรียบดั่งพลังงาน ต่อให้รถยนต์เราสวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีพลังงานเข้าไปก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เป้าหมายก็อาจกลายเป็นแค่ความฝันที่ตั้งไว้ให้สวยหรูเท่านั้น เทคนิคการสร้างวินัยให้เกิดขึ้น
วินัยนั้นคือสิ่งที่พูดแล้วเหมือนง่าย แต่การทำให้เกิดขึ้นนั้นยากมาก ๆ ถ้าถามว่าข้อไหนที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด มันคือข้อนี้เลยครับ 7. ใช้เครื่องมือช่วยคุณด้วยเป้าหมายของการใช้เครื่องมือช่วย คือ การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างเป็นระบบ ทำให้เรารู้ได้จริงๆว่าส่ิงที่ทำลงไป และมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากอะไร หนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยได้ดีที่สุด คือ การจดบันทึกลงบนสมุด เพราะมันจะช่วยทั้งให้เรามีวินัยและเห็นภาพเป้าหมายของเราได้ตลอดเวลา สมุดที่ดีจะต้องถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับการวางเป้าหมายใหญ่ให้หั่นย่อยออกมาได้ ขอขายของหน่อยมากกว่า 5 ปีที่ผมจดบันทึกทุกวันและเห็นพัฒนาการของตัวเอง จากพนักงานเงินเดือนสู่เจ้าของธุรกิจ พร้อมกับการปรับเทมเพลตการจดบันทึกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์มากที่สุด จึงได้ออกมาเป็น The Growth Planner แพลนเนอร์ที่จะช่วยให้คุณเติบโตเร็วขึ้น ช่วยทำให้คุณตั้งเป้าหมายในชีวิตคุณสามารถทำได้ทุกวัน เห็นผลทุกเดือน วิเคราะห์ได้ทั้งปี ให้การวางเป้าหมายของคุณทำได้สนุกและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม ในราคา 990 บาท กดที่รูปด้านล่างเพื่อสั่งซื้อ ผ่าน Line Shopping ของเราได้เลย แอบกระซิบนิดนึงว่าสินค้ามีจำนวนจำกัดนะครับ ในเล่มนี้เรารวมมาให้คุณทั้งหมดแล้ว
ใครสนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ >> แนะนำ “The Growth Planner” สมุดแพลนเนอร์ที่จะช่วยคุณพัฒนาตัวเองเป็นคนใหม่ในปี 2023 สรุปทั้งหมดการตั้งเป้าหมายและมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้นนั้นคือสิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า คนคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนในอนาคต มันคือเส้นทางที่เราต้องสร้างขึ้นมาเอง และสร้างขึ้นจากศูนย์ เป้าหมายที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกมีกำลังใจในทุก ๆ วันที่ตื่นขึ้นมา เพราะไม่มีวันไหนอีกแล้วที่เหมาะกับการทำเพื่อเป้าหมายให้เกิดขึ้นเท่ากับวันนี้ การมีเป้าหมายดีอย่างไรเป้าหมาย เป็นสิ่งที่จะช่วยคุณเข้าใจตนเองว่า คุณต้องการอะไร? แล้วตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่? มันสอดคล้องกับเป้าหมายที่คุณตั้งไว้หรือไม่? ซึ่งมันเป็นตัวช่วยสร้างความชัดเจนให้กับสิ่งที่คุณลงมือทำได้เป็นอย่างดี เพราะเวลาที่คุณเดินไปผิดทาง เป้าหมายก็จะค่อยๆ ย้ำเตือนคุณให้กลับมาเส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง
เป้าหมายสูงสุดในการทำงานคืออะไร1. ความมั่นคงในหน้าที่การงาน แน่นอนว่าถ้าถามถึงเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของคนทำงานแล้วละก็ คุณก็คงต้องการความมั่นคงในหน้าที่การงานอย่างแน่นอน ทำงานก็ต้องอยากได้ความมั่นคง มีตำแหน่งที่สูง เป็นหัวหน้าคนอื่น แต่ก็ต้องแลกมากับความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วยค่ะ 2. ความมั่นคงทางการเงิน
เป้าหมายในการทํางานของคุณ คืออะไรเป้าหมายในชีวิต. แนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย. มีเป้าหมายในอาชีพยังไงบ้าง. ความท้าทายที่คุณมองหาในการทำงานคืออะไร. สิ่งที่คุณสนใจเกี่ยวกับงานนี้คืออะไร. จุดแข็งหรือจุดอ่อนของคุณคืออะไร. สิ่งที่บริษัทจะได้รับจากคุณคืออะไร. ทำไมคุณถึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้. คุณมีคำถามเพิ่มเติมไหม. เป้าหมายในการเรียน มีอะไรบ้าง1. เพื่อให้ผู้เรียนรักการแสวงหาความรู้ พัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 2. เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน อันจำเป็นในการดำรงชีวิต ให้ผู้เรียน คิดเป็น ทำเป็น มีทักษะในการวิเคราะห์ แก้ปัญหาด้วยตนเอง นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยกระบวนการ การเรียนการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Child-Centered)
|