ผมเปียกตอนเช้า…และจะแห้งอีกทีในตอนบ่ายแบบนี้ก็คงจะไม่ไหวกันใช่มั้ยคะ? ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร่งรีบ เวลาเปรียบเสมือนทองคำ ทุกคนต่างก็มีชั่วโมงเร่งด่วนด้วยกันทั้งนั้น ในตอนเช้าของวันทำงานคุณอาจต้องการตัวช่วยในการทำผมให้แห้งเร็วขึ้น เพื่อที่คุณจะได้ประหยัดเวลาไปทำอะไรได้อีกมากมาย ดังนั้น “ไดร์เป่าผม” จึงเป็นทางออกสำหรับปัญหาเวลาที่เร่งรีบเช่นนี้ เพราะมันจะช่วยให้คุณสวยได้เสร็จทันเวลา เนื่องจากมันมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผมแห้งเร็วและยังเป็นไอเทมจัดแต่งทรงผมยอดนิยมที่สามารถทำทรงผมหลากหลายรูปแบบ Show
แม้ปัจจุบันนี้จะมีอุปกรณ์จัดแต่งผมมากมายอย่าง เครื่องหนีบผมตรง, เครื่องม้วนลอนผม หรือหวีไฟฟ้าแต่ไดร์เป่าผมยังเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมคู่ใจของสาว ๆ ในทุกยุคทุกสมัย เพราะไดร์เป่าผมจะมาช่วยเปลี่ยนลุคทรงผมสุดธรรมดา ๆ ของคุณให้เป็นสาวผมตรงสวยมีวอลลุ่มทั้งยังเสริมสร้างเสน่ห์ตามสไตล์คุณได้ง่าย ๆ แต่ไดร์เป่าผมแต่ละรุ่นก็ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของสาว ๆ ที่ต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะไปเลือกซื้อไดร์เป่าผม เราต้องรู้วิธีเลือกไดร์เป่าผมที่เหมาะกับตัวเองก่อนค่ะ ทำไมไดร์เป่าผมบางตัวถึงมีราคาแพง ?แม้เราจะรู้อยู่เต็มอกว่าความร้อนกับเส้นผมเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้คู่กันแต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี เนื่องจากผลลัพธ์ของมันจะช่วยทำให้ผมของเราเป็นทรงที่สวยงาม ซึ่งการเลือกไดร์เป่าผมก็ไม่ควรดูแต่เพียงเปลือกนอกเท่านั้นเพราะคุณจะต้องดูด้วยว่ามันช่วยป้องกันหรือดูแลเส้นผมจากความร้อนควบคู่ไปด้วยกันหรือไม่ ? หลายคนอาจะสังสัยว่าทำไมเราจะต้องซื้อไดร์เป่าผมราคาที่แพงด้วยในเมื่อมันให้ความร้อน ช่วยทำให้ผมแห้ง และจัดแต่งทรงผมได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วไดร์เป่าผมที่บางยี่ห้อตั้งราคาสูง ๆ นั้น เพราะมันมีคุณสมบัติพิเศษในการดูแลรักษาเส้นผมของคุณให้คงสภาพนุ่มลื่น เงางาม และไม่แห้งเสียไปกว่าเดิมจากการโดนความร้อนบ่อย ๆ ซึ่งมันก็เป็นคุณสมบัติที่ไดร์ราคาประหยัดไม่สามารถมอบให้แก่คุณได้ หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ไดร์เป่าผมบ่อย ๆ คุณอาจจะไม่สนใจในเรื่องพวกนี้ หากคุณเป็นคนต้องใช้ไดร์เป่าผมทุกวัน คุณจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เส้นผมของตัวเองก่อนที่จะสายเกินไป ดังนั้นการลงทุนกับไดร์เป่าผมไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องเสียดายเงินเลยค่ะ เพราะไดร์เป่าผมที่ดีจะให้ผลลัพธ์เกี่ยวกับสุขภาพของเส้นผมที่ดีขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ว่าคุณจะใช้ความร้อนกับเส้นผมเป็นประจำทุกวันแต่มันก็ไม่ทำให้ผมแห้งเสียอย่างแน่นอน ซื้อไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี ?รายการต่อไปนี้ก็คือไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดในเรื่องของการถนอมดูแลเส้นผม แต่จะมีคุณสมบัติพิเศษในด้านต่าง ๆ ที่โดดเด่นเฉพาะตัวให้คุณได้พิจราณาง่ายขึ้นดังนี้
โปรดจำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลเพื่อให้ได้ไดร์เป่าผมที่ดีที่สุด แต่คุณควรลงทุนไปกับไดร์เป่าผมที่เหมาะสมสำหรับคุณมากกว่า 🙂
ข้อควรพิจารณาเมื่อจะซื้อไดร์เป่าผม1. กำลังไฟที่เหมาะสมอย่างที่บอกไปแล้วว่ากำลังไฟไม่ใช่ทุกอย่างที่จะบอกว่าไดร๋เป่าผมตัวนี้ดีที่สุด แต่เพื่อให้คุณได้สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปเป็นไกด์ไลน์ตัดสินใจได้ เราแนะนำให้เลือกตามนี้ค่ะ
2. ประเภทเทคโนโลยีที่ใช้เพราะประเภทเทคโนโลยีของไดร์ผมจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับเส้นที่มีลักษณะต่างกัน อาทิเช่น
ทั้งนี้คุณสามารถอ่านในห้อข้อถัดไปได้เกี่ยวกับรายละเอียดของ “ประเภทของไดร์เป่าผม” และ “การเลือกไดร์เป่าผมที่เหมาะสภาพเส้นผมของคุณ” แต่โดยส่วนใหญ่แล้วไดร์เป่าผมไอออนิก vs ไดร์เป่าผมเซรามิกจะเป็นพื้นฐานในการผลิตไดร์เป่าผมทั่วไปดังนั้นคุณจะพบไดร์สองประเภทนี้ได้บ่อยที่สุด และสำหรับทัวร์มาลีน-ไทเทเนียมนั้นมักมาในรูปแบบคุณสมบัติเสริมมากกว่า 3. ต้องเป็นไดร์ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้คุณจะต้องเลือกไดร์เป่าผมที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิได้ เพราะไม่ใช่ทุกวันที่คุณจะต้องเป่าผมด้วยลมร้อนเสมอไป ในบางครั้งคุณอาจจะเพียงแค่ต้องการลมเย็น ๆ ที่จะเป่าให้ผมแห้งได้อย่างตรงจุด เพราะหากคุณจะใช้เพียงแต่ลมร้อนในการทำผมทุก ๆ วันคุณเตรียมตัวบอกลาเส้นผมสุขภาพดีไปได้เลย การสลับการใช้ลมร้อนและลมเย็นในแต่ละวันจะทำให้ผมของคุณไม่แห้งเสียมากกว่าเดิม ดังนั้นในไดร์เป่าที่ดีควรมีทั้งลมร้อน, ลมปานกลาง และลมเย็นที่ปรับระดับได้ให้เหมาะสมกับการใช้งานโอกาสต่าง ๆ 4. มีปุ่ม Cool Shot สำหรับให้ลมเย็นปุ่ม Cool Shot จะช่วยปิดหนังกำพร้าด้านนอกของเส้นผมให้มันเก็บความชุ่มชื้นมีน้ำหนักไม่แห้งเสีย, เพิ่มความเงางาม, ทำให้ผมของคุณนุ่มสลวย และล็อกลอนผมให้อยู่ทรงนานโดยป้องกันการชี้ฟูเมื่อคุณเป่าแห้งเสร็จ ยิ่งหากคุณมีเส้นผมที่แห้งและหยาบกร้านปุ่ม Cool Shot จะเหมาะอย่างยิ่งในการช่วยขจัดความหยาบกระด้างเหล่านั้นออกไปจากเส้นผมของคุณ 5. อุปกรณ์เสริมอีกสิ่งที่ควรพิจารณาคืออุปกรณ์เสริม อาทิเช่น หัวเป่าที่แตกต่างกัน บางรุ่นมาพร้อมกับหัวเป่าที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการไหลเวียนของอากาศ หรืออาจจะเป็นหัวเป่าสำหรับจัดแต่งทรง, หัวเป่าแบบกระจายลม และหัวเป่าแบบลมอ่อน เป็นต้น นี่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผลลัพธ์ในการจัดทรงผมที่ดีที่สุดของสาว ๆ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อไดร์ที่มีอุปกรณ์เสริมสามารถเปลี่ยนหัวได้เพื่อทรงผมที่หลากหลายของคุณ 6. ต้องเป็นไดร์ที่ค่อนข้างเก็บเสียงขึ้นชื่อว่าไดร์เป่าผมก็ต้องมาพร้อมเสียงอันทรงพลัง คุณคงไม่อยากให้รูมเมทของคุณหรือคนข้างบ้านตื่นมาด้วยสีหน้าอันบูดเบี้ยวหรอกจริงมั้ยคะ? แน่นอนว่าปัจจุบันนี้มีไดร์หลายยี่ห้อที่ออกแบบมาให้มีเสียงที่เบาลงได้เล็กน้อย ดังนั้นจงอย่าลังเลที่จะเลือกไดร์ที่มี Option เหล่านี้เลยค่ะ 7. ขนาด-น้ำหนัก ของไดร์เป่าผมหากสถานที่ที่คุณจะไปเที่ยวและทางที่พักไม่มีไดร์เป่าผมมาให้คุณต้องจะเสียเวลารอให้ผมแห้งกี่ชั่วโมง? หากเราสามารถพกพาไดร์เป่าผมไปได้ทุกที่ก็คงจะเป็นเรื่องดีกว่า ดังนั้นสำหรับใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวบ่อย ๆ ไดร์เป่าผมที่มีขนาดเล็กสามารถพับจัดเก็บได้ก็จะเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามไป อีกทั้งตรวจสอบด้วยว่าไดร์ของคุณสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับปลั๊กไฟในต่างประเทศได้หรือไม่? นอกจากนี้คนที่ต้องใช้ไดร์เป่าผมทุกวันหรือคนที่มีผมหนา-ผมเยอะมาก ๆ ต้องระวังเรื่องน้ำหนักของไดร์เป่าผมด้วยนะคะ เพราะเมื่อคุณถือไดร์เป่าผมไปสักพักมันจะทำให้คุณเข็ดข้อมือได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ ทางที่ดีคือไม่ควรเลือกไดร์เป่าผมที่เกิน 1 กิโลกรัม 8. ความยาวของสายไฟมันเป็นหนึ่งในข้อควรพิจารณาที่ง่ายที่สุดที่หลาย ๆ คนมักมองข้ามไป เพราะความยาวของสายไฟนั้นมีความจำเป็นต่อการใช้ไดร์ในชีวิตประจำวันมาก ๆ เนื่องจากมันต้องมีการเปลี่ยนทิศทางของเครื่องไปมาทั้งซ้ายขวา-บนล่าง หากคุณได้ไดร์เป่าผมรุ่นที่สายไฟสั้นมันจะลำบากตอนเป่าผมเพราะคุณแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ แต่หากคุณยอมจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้นมาหน่อยเพื่อให้ได้สายไฟที่ยาวกว่าเดิมหรือเลือกเป็นไดร์เป่าผมแบบไร้สายไปเลยมันจะทำให้คุณใช้ไดร์ได้อย่างอิสระและสะดวกมากยิ่งขึ้น ความสำคัญของกำลังไฟ (วัตต์)ในไดร์เป่าผมสิ่งหนึ่งที่คุณเห็นเป็นประจำในการมองหาคุณสมบัติของไดร์เป่าผม นั้นคือตัวเลขของวัตต์ที่แต่ละยี่ห้อระบุมาให้ ซึ่งตัวเลขที่สูงกว่าบ่งชี้ว่าไดร์เป่าผมมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นจริงไม่? วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณได้หายสงสัยกันค่ะ โดยปกติเครื่องเป่าผมที่มีคุณภาพจะให้กำลังไฟระหว่าง 1200 วัตต์ขึ้นไป ซึ่งไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟหรือวัตต์สูง ๆ จะสามารถให้ระดับแรงลมที่แรงมากตามตัวเลขที่มากขึ้น “ยิ่งมีกำลังไฟที่สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมของคุณแห้งเร็วมากขึ้นเท่านั้น” ดังนั้นคนที่มีเส้นผมหนามากจึงต้องใช้ไดร์เป่าผมวัตต์สูง ๆ เพื่อความรวดเร็วในการทำให้ผมแห้ง แต่ปัญหาคือมันมักมาพร้อมกับความร้อนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงขนาดที่ใหญ่กว่าและเสียงดังที่รบกวนมากกว่า ซึ่งปัจจุบันนี้ไดร์เป่าผมที่ราคาถูก ๆ ก็สามารถผลิตไดร์ออกมาให้มีกำลังวัตต์สูง ๆ ได้เช่นกัน แต่น้อยนักที่จะมุ้งเน้นในเรื่องคุณภาพของเส้นผมควบคู่ไปด้วย ดังนั้นวิธีเดียวที่จะแน่ใจได้ว่าคุณจะมีไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดคือการพยายามหาจุดดีจุดเด่นและเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ใส่มาในไดร์เป่าผมด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่เลือกจากกำลังไฟสูง ๆ ไว้ก่อน เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะยิ่งกำลังไฟสูงมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเสียมากขึ้น-เสียงดังมากขึ้น-เปลืองไฟมากขึ้น แต่หากคุณมีเส้นผมที่หนาเป็นพิเศษก็จะต้องใช้กำลังวัตต์ในการตัดสินควบคู่ไปด้วยนะคะ 🙂 รีวิว Xiaomi Mijia Mi Water Ion Electric Hair Dryer ไดร์เป่าผม 1800Wราคา 950 บาท* ไดร์เป่าผมจาก Mijia (ของ Xiaomi) รุ่น 1800W ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ขายดีและได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะด้วยราคาและฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสม อย่างแรกที่เราชอบมากคือดีไซน์ของไดร์เป่าผมที่ดูสวยแบบเรียบ ๆ มาพร้อมกับหัวไดร์แม่เหล็กที่ถอดเปลี่ยนได้ง่ายมาก ทั้งยังหมุ่นช่องลมได้อย่างอิสระถึง 360° ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องพลิกข้อมือให้ลำบากอีกต่อไป ตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ที่คอยปรับลมอัตโนมัติให้ถึง 3 รูปแบบ คือลมร้อน, ลมเย็น และลมร้อนสลับเย็นกัน ทั้งยังมีการปล่อย Water Ion ระหว่างใช้งานเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผม ช่วยป้องกันผมแห้งเสีย ชี้ฟู และยังรุ่นนี้ยังได้มีการออกแบบใบพัดที่พิเศษขึ้นกว่าเดิม เพราะนอกจากจะให้ลมที่แรงแล้วก็ยังลดเสียงลงได้ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Panasonic รุ่น EH-NE20 ไดร์เป่าผม 1800Wราคา 875 บาท* สำหรับไดร์เป่าผมของ Panasonic รุ่นนี้ถือว่ามีราคาที่ไม่แพงเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ไดร์ฟังก์ชันพื้นฐานทั่วไป แต่มีคุณสมบัติดูแลเส้นผมได้ด้วย เพราะทางแบรนด์ได้ใช้ไอออนปรับสภาพเส้นผมระหว่างที่โดนลมร้อน ทำให้เส้นผมของคุณไม่แห้งเสียหรือชี้ฟูหลังเป่าเสร็จ ทั้งยังมีคุณสมบัติเด่น ๆ อีกอย่างที่น่าสนใจมากนั่นก็คือเรื่องของขนาด เพราะเป็นมอเตอร์ขนาด 1800 วัตต์ ที่ถือว่าให้ความแรงได้ดีเลยแต่มาในขนาดเล็กที่จับถือถนัดมือ เหมาะสำหรับพกพาในการเดินทางอย่างยิ่ง หากให้เปรียบเทียบไดร์เป่าผมในราคาที่ใกล้เคียงกันระหว่างของ Xiaomi Mijia Mi 1800W กับรุ่นนี้ ถือว่ามีข้อดีกันคนละแบบ อย่างของเสียวหมี่เขาจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนอัจฉริยะมาให้ จึงสามารถปรับอุณหภูมิของลมได้อัตโนมัติ แต่จะไม่สามารถพับเก็บได้ ส่วนของ Panasonic จะมีเพียงฟังก์ชันลมอุ่น ๆ สำหรับป้องกันผมแห้งเสียที่เราต้องกดปุ่มเอง แม้ว่าจะไม่สะดวกด้านการใช้งาน แต่ทว่าก็ยังมีอีกหนึ่งข้อดีคือช่องปล่อยไอออนของ Panasonic จะอยู่สูงกว่าช่องปล่อยลมร้อน ดังนั้นไอออนที่ออกมาจะไม่สัมผัสกับความร้อนตรง ๆ ทำให้แห้งสลายไปได้ยากกว่าค่ะ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Panasonic รุ่น EH-NA98-KL ไดร์เป่าผม 1800Wราคา 5,490 บาท* แน่นอนว่าไดร์เป่าผมรุ่นนี้ค่อนน่าสนใจมากเพราะว่าเป็นตัวท็อปสุดของแบรนด์ Panasonic แม้ว่าราคาอาจจะสูงกว่าไดร์เป่าผมทั่วไปสักหน่อย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาจะช่วยทำให้เส้นผม, หนังศีรษะ และผิวของคุณ มีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ เนื่องจากเทคโนโลยี nanoe™ และ Double Mineral จะเข้าไปทำให้ผิวและเส้นผมชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนอนุภาคของน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศให้กลายเป็นละอองขนาดเล็ก สามารถแทรกซึมเข้าสู่แกนเส้นผมภายในทำให้เส้นผมนุ่มลื่นจัดทรงง่าย ในส่วนของหนังศีรษะนั้นก็จะช่วยลดความมันส่วนเกินได้ ทั้งยังช่วยกักเก็บน้ำไว้หล่อเลี้ยงบนหนังศีรษะทำให้หนังศีรษะไม่แห้งเกินไป ส่วนสุดท้ายคือละอองน้ำเหล่านี้จะทำหน้าที่เคลือบผิวหนังชั้นบนสุดทำให้ผิวหน้าของคุณเนียนนุ่มชุ่มชื้นตลอดเวลา ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Panasonic รุ่น EH-NA65-KL ไดร์เป่าผม 2000Wราคา 3,290 บาท* สำหรับรุ่นนี้จะมีเทคโนโลยี nanoe™ เหมือนกับรุ่นตัวบน EH-NA98-KL ที่เราที่รีวิวไว้เลยค่ะ ดังนั้นมันจึงเป็นไดร์เป่าผมที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมนุ่มลื่น เงางาม และเป็นประกายได้ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่รุ่นนี้ไม่มีการปล่อยไอออน Double Mineral ซึ่งเป็นตัวเกาะติดกับเกล็ดผม ที่จะช่วยลดการแห้งเสียเมื่อต้องเจอกับความร้อน และไม่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Lesasha รุ่น LS1187 ไดร์เป่าผม Airmax Hurricane 2700Wราคา 2,290 บาท* สำหรับ Lesasha รุ่น LS1187 อาจเป็นรุ่นที่ผลิตออกมานานแล้วก็จริงค่ะ ด้วยด้วยคุณภาพบวกกับฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ที่คล่องมือ จึงทำให้รุ่นนี้ยังคงขายได้เรื่อย ๆ โดยจุดเด่นของเขาคือตัวเครื่องที่มีขนาดแรงถึง 2700 วัตต์ และยังเสริมด้วยเทคโนโลยี Nano Tourmaline ที่สามารถเร่งให้การเป่าผมเร็วขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับคนหนาพิเศษ หรือมีผมหยิกแบบหยาบมาก ๆ ทำให้ช่วยเป่าผมได้แห้งไว ทั้งยังใช้เซ็ตวอลลุ่มหรือจัดแต่งทรงผมก็สวย โดยเจ้า Nano Tourmaline ที่ใส่มานี้จะช่วยปกป้องและถนอมเส้นผมของคุณ ด้วยการปล่อยทั้งไอออนประจุลบไปพร้อม ๆ กับความร้อน เพื่อไม่ให้เส้นผมได้รับความเสียหายจากอุณหภูมิที่สูงเกินไป จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Lesasha รุ่น LS1265 ไดร์เป่าผม 1200W Bio-Ceramicราคา 1,750 บาท* ไดร์เป่าผมของ Lesasha รุ่นนี้มีการใช้เทคโนโลยี Bio-Ceramic ที่จะเปลี่ยนความร้อนทั่วไป ให้เป็นความร้อนแบบคลื่นอินฟราเรด เพราะโดยปกติแล้วหากเราต้องการเป่าผมให้แห้งเร็ว ๆ เราจะต้องใช้ลมแรงและความร้องสูง ๆ ในการเป่าใช่มั้ยคะ ? แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นคลื่นอินฟราเรดแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิสูง ๆ ที่ทำร้ายเส้นผมอีกต่อไป เพราะคลื่นอินฟราเรดไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้น แถมยังสามารถแทรกซึมเข้าไปจับโมเลกุลน้ำได้ดีกว่า ทำให้ผมของคุณแห้งเร็วขึ้นก่อนที่จะสูญเสียความชุ่มชื้น มาพร้อมกับการปล่อยไอออนประจุลบระหว่างไดร์ ทำให้เส้นผมเรียบลื่นไม่ชี้ฟู ตัวเครื่องมีขนาด 1200 วัตต์ แต่กลับทำงานเหมือนเครื่อง 1800 สามารถกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สามารถใช้เป่าผมยาว ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะปวดข้อมือเลยค่ะ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Lesasha รุ่น LS1371 ไดร์เป่าผม 1200W Luxe Ion Plus Bio-Ceramicราคา 2,990 บาท* อัปเกรดจากรุ่น LS1265 มาเป็นรุ่น LS1371 ที่แม้ว่าจะใช้เทคโนโลยี Bio-Ceramic สำหรับปลี่ยนความร้อนเป็นคลื่นอินฟราเรดเหมือนกัน ทั้งยังมีขนาดมอเตอร์ 1200 วัตต์เท่ากันเป๊ะ ๆ แต่รุ่นนี้เพิ่มประสิทธิภาพให้ในการถนอมเส้นผมและช่วยทำให้ผมออกมานุ่มสลวยเงางามยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีไอออนิค "แบบคู่" ที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตและลดการชี้ฟูของเส้นผมได้ดีกว่าเดิม 2 เท่า เสริมด้วยฟังก์ชันพิเศษอย่างโหมด "ลมอุ่น" ที่มีอุณหภูมิพอเหมาะไม่ทำร้ายเส้นผมของคุณ มาพร้อมกับหัวเป่ากระจายลม (หัวไดร์ Diffuser) ที่ให้คุณสามารถใช้งานกับผมลอนได้ไม่มีปัญหา และอย่างสุดท้ายคือการใช้งานแบบปุ่ม One Touch จบครบในปุ่มเดียว จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว [ใหม่] Lesasha รุ่น LS1628 ไดร์เป่าผม 1600W LS Airmax BLDC Jetราคา 5,990 บาท* เรียกว่าเป็นไดร์เป่าผมที่ราคาสูงที่สุดของ Lesasha แต่ก็มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าใจมากค่ะ โดยรุ่นนี้เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2022 ด้วยการใช้เทคโนโลยี BLDC มอเตอร์ ที่แม้ว่าจะเป็นมอเตอร์ขนาด 1600 วัตต์ แต่กลับมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงถึง 2000 วัตต์เลยทีเดียว ดังนั้นเรื่องความแรงของลมนี่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ อีกทั้งยังสามารถให้ลมเย็นที่เย็นจริง ๆ ต่างจากมอเตอร์ DC หรือ AC ทั่วไป ในส่วนของการปกป้องและถนอมเส้นผมนั้น ก็มีการใช้ทั้ง Ionic ที่ช่วยทำให้ผมไม่ชี้ฟู นุ่มสวยมีน้ำหนัก คงความชุ่มชื้น และ Tourmaline Coating ที่ช่วยทำให้ผมแห้งไวโดยที่ไม่ทำร้ายผม เพราะตัว Tourmaline Coating จะคอยกรองความร้อนที่ออกมาไม่ให้สัมผัสโดนเส้นผมตรง ๆ ส่วนสุดท้ายคือหัวไดร์แทบแม่เหล็กที่เปลี่ยนง่าย ทำให้ไม่ต้องออกแรงกดหรือดึงออกเลยค่ะ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Philips รุ่น BHD350/10 ไดร์เป่าผม 2100Wราคา 990 บาท* สำหรับรุ่นนี้เป็นไดร์เป่าผมจากแบรนด์ Philips ที่มาในราคาไม่ถึงพันเองค่ะ แต่กลับมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุม อย่างแรกเลยก็คือสามารถตั้งระดับความร้อนและแรงลมได้ถึง 5 รูปแบบ (ร้อนน้อย ร้อนมาก / แรงลมน้อย แรงลมมาก / เป่าลมเย็น) ด้วยความแรงของมอเตอร์ที่สูงถึง 2100 วัตต์ มาพร้อมกับหัวไดร์ 2 อันคือ หัวไดร์ปากแคบสำหรับจัดแต่งทรง และหัวไดร์ Thermo Protect ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นผมโดนความร้อนมากเกิน เป็นหัวไดร์ที่ช่วยลดอุณหภูมิลง 15° เสริมด้วยการใช้เทคโนโลยีปล่อยไอออนขณะที่เป่าผม เพื่อทำให้ผมเงางาม ไม่ชี้ฟูหลังไดร์เสร็จ จบด้วยใช้ลมเย็น เพื่อปิดเกล็ดผม ล็อกทรงผมให้สวยงามและอยู่ทรงนานขึ้น จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Philips รุ่น BHD628 ไดร์เป่าผม 1800W Prestige SenselQราคา 5,490 บาท* ไดร์เป่าผมจากแบรนด์ Philips รุ่นนี้แม้ว่าราคาจะสูงไปสักหน่อย แต่มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่เรียกว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนมากค่ะ เพราะทาง Philips ไม่เพียงแต่มุ้งเน้นที่ผลิตไดร์เป่าผมสำหรับถนอมเส้นผมเท่านั้น แต่ยังเน้นการใช้งานที่ง่าย ทั้งขนาดที่เล็กจับถนัดมือ ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา มีการใช้เทคโนโลยี SenseIQ สำหรับตรวจจับความร้อนของเส้นผม และคอยปรับลมร้อนที่สูงเกินไปอยู่ในระดับที่พอเหมาะกับเส้นผมของคุณให้แบบอัตโนมัติ พร้อมกับปล่อยไอออนมากกว่าเดิม ช่วยให้เส้นผมของคุณนุ่มลื่นเป็นพิเศษ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Remington รุ่น D-5408-TH ไดร์เป่าผม 2200W Mineral Glow Hairdryerราคา 1,050 บาท* ไดร์เป่าผมจากแบรนด์ Remington ที่มีการใส่แร่ธาตุจากธรรมชาติลงไปในเครื่องมาให้ถึง 4 ชนิด คือ ควอตซ์ (Quartz), ทัวร์มาลีน (Tourmaline), โอปอ (Opal) และ มูนสโตน (Moonstone) ทำให้เส้นผมของคุณได้รับการบำรุงและปกป้องอย่างเต็มที่ในขณะที่โดนความร้อน ผมที่ได้จะนุ่มลื่นเป็นประกายเงางาม โดยเฉพาะแร่ Tourmaline นั้นจะช่วยทำให้ผมแห้งไวขึ้นก่อนที่ผมของคุณจะสูญเสียความชื้น โดยทางแบรนด์ยังมีการใช้เทคโนโลยีไอออนิคเข้ามาช่วยเพิ่มความเงางามให้แก่เส้นผม ช่วยปราบผมแห้งชี้ฟูได้อย่างอยู่หมัด ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Dyson รุ่น HD08 ไดร์เป่าผม 1600Wราคา 16,500 บาท* ความฝันอันสูงสุดของคนรักเส้นผมคือการได้ครอบครองไดร์เป่าผมจากแบรนด์ Dyson แม้ว่าราคาจะสูงกว่าชาวบ้านไปเยอะมาก แต่ก็แลกมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างเช่น ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะของ Dyson จะวัดอุณหภูมิทุก ๆ 40 ครั้งต่อวินาที จากนั้นก็ส่งกลับไปให้ชิปประมวลผล หากพบว่ามีอุณหภูมิสูงเกินไป เครื่องก็จะปรับอุณหภูมิให้เย็นลง ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้ความร้อนระดับไหนก็ไม่มีทางที่อุณหภูมิสูง ๆ เหล่านั้น จะหลุดมาทำร้ายเส้นผมของคุณได้เลยสักวินาทีค่ะ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ประเภทของไดร์เป่าผมตัวไหนบ้าง ที่ไม่ทำให้ผมแห้งเสียหลายคนอาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วไดร์เป่าก็สามารถแบ่งออกตามเทคโนโลยีได้เช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นจุดขายของไดร์เป่าผมของแต่ละแบรนด์ที่มีความแตกต่างในเรื่องของผลลัพธ์ ที่ไม่ใช่แค่ใช้เป่าผมให้แห้งหรือจัดแต่งทรงผมเท่านั้น ซึ่งจะมีประเภทไหนที่จะเหมาะกับเส้นผมของคุณบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ 1. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี ไอออนิก (Ionic)สำหรับเทคโนโลยีไอออนิกนั้นจะปล่อยไอออนที่มีประจุไฟฟ้าเป็นประจุลบออกมา และไอออนประจุลบเหล่านี้จะทำให้ผมแห้งโดยการเข้าไปสลายโมเลกุลของน้ำในเส้นผมที่มีประจุบวก ส่งผลให้ความชื้นในหนังกำพร้าของเส้นผมจะถูกล็อค จึงให้ผลลัพธ์ที่ชุ่มชื้นและเงางามดุจดั่งเส้นไหม ซึ่งในไดร์เป่าผมไอออนิกบางยี่ห้อก็มีการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเซรามิก, ไททาเนียม หรือทัวร์มาลีน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะพบว่ามีชื่อเทคโนโลยีอื่น ๆ ในไดร์แบบไอออนิกเข้ามาเข้ามาด้วยนะคะ
2. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี เซรามิก (Ceramic)ไดร์เป่าผมแบบเซรามิกแตกต่างจากไดร์เป่าผมไอออนิก เพราะวัสดุทำความร้อนนั้นเป็นพอร์ซเลนที่ไม่ทำลายเส้นผมของคุณ อีกทั้งไดร์เป่าผมเซรามิกยังปล่อยความร้อนแบบอินฟราเรดที่จะช่วยแทรกซึมเข้าไปในแกนผมของคุณโดยจะล็อคความชุ่มชื้นภายในเส้นผม อีกทั้งยังกระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอซึ่งไม่ทำให้ผมหยาบกร้านและเสียหายอีกด้วย
3. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี ทัวร์มาลีน (Tourmaline)เทคโนโลยีทัวร์มาลีนเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในไดร์เป่าผม เนื่องจากมันสามารถปล่อยทั้งไอออนที่มีประจุลบและความร้อนอินฟราเรดในตัวเดียว ทั้งยังสร้างความเสียหายให้แก่ผมน้อยกว่าประเภทอื่น ๆ และให้ความร้อนที่รวดเร็วกว่าไดร์เป่าผมไอออนิกหรือเซรามิกถึง 50 เปอร์เซ็นต์
4. ไดร์เป่าผมที่ใช้เทคโนโลยี ไทเทเนียม (Titanium)ไดร์เป่าผมไทเทเนียมเป็นเครื่องเป่าผมอีกประเภทหนึ่งที่ขดลวดความร้อนนั้นทำจากโลหะไททาเนียม ซึ่งไดร์เป่าผมประเภทนี้จะเร็วกว่าไดร์เป่าผมไอออนิก, เซรามิก หรือทัวร์มาลีนมาก ๆ แต่ด้วยอุณหภูมิความร้อนที่สูงมากเกินไป มันจึงไม่ปลอดภัยสำหรับผมเส้นเล็กเพราะอาจจะให้เส้นผมของคุณได้รับความเสียหายได้นั่นเองค่ะ
ทำไมไดร์เป่าผมเซรามิกถึงดีกว่าไดร์เป่าผมไอออนิกเนื่องจากไดร์เป่าผมส่วนใหญ่มักจะผลิตด้วยเทคโนโลยีเซรามิกและไอออนิกออกมา ดังนั้นเรามาเจาะลึกถึงความแตกต่างของทั้งสองเทคโนโลยีนี้แบบที่เห็นกันชัด ๆ ด้วยตารางกันค่ะ
ไดร์เป่าผมเซรามิกดีกว่าไดร์เป่าผมไอออนิก เนื่องจากไดร์เป่าผมไอออนิกนั้นสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในขณะที่ปล่อยไอออนที่มีประจุลบออกมา ซึ่งสนามแม่เหล็กไฟฟ้านี้แหละค่ะที่เป็นอันตรายสำหรับการใช้งานในเวลานาน ๆ ในทางกลับกันไดร์เป่าผมเซรามิกนั้นมีความปลอดภัยกว่าเพราะเป็นปล่อยรังสีอินฟราเรดที่ไม่ทำลายเส้นผม และราคาไม่แพงด้วย วิธีเลือกไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดสำหรับสภาพเส้นผมของคุณ1. ผมหนา ผมชี้ฟู หยิก : ไดร์เป่าผมไอออนิกหากคุณมีผมหนาคุณคงรู้ดีว่าต้องรอเป็นชั่วโมงกว่าให้ผมเองแห้งตามธรรมชาติ หรือหากคุณใช้ไดร์เป่าผมมันก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ดังนั้นเพื่อเป็นการประประหยัดเวลาคุณควรเลือกใช้ ไดร์เป่าผมไอออนิกสำหรับการทำให้ผมแห้งอย่างรวดเร็ว และมันยังทำให้ผมที่ชี้ฟูของคุณลีบแบบเป็นทรงสวยโดยคืนสภาพในเวลาอันสั้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นหากคุณไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ว่าผมจะเป็นทรงหรือไม่ แต่ต้องการไดร์ที่ทำให้ผมแห้งเร็วเท่านั้น แนะนำเป็นไดร์แบบทัวร์มาลีนที่เร็วกว่าไอออนิก 50% หรือจะเป็นแบบไทเทเนียมที่เร็วมากที่สุดในบรรดาไดร์ทุกประเภทค่ะ ที่สำคัญแนะนำให้มองหาไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟ 1,800 วัตต์ขึ้นไป แต่หากคุณมีพื้นผิวผมหยิกหรือหยาบมาก ๆ คุณสามารถใช้กำลังไฟที่สูงขึ้นมาได้อีกค่ะ หมายเหตุ : สำหรับคนผมหยิก แนะนำให้ไดร์เป่าผมที่มีหัวดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) เพื่อใช้กระจายลมได้อย่างทั่วถึง 2. ผมหมองคล้ำ : เครื่องเป่าผมไอออนิกผมหมองคล้ำคือเป็นเส้นผมที่มีลักษณะขาดความเงางาม ดูหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งคนที่มีผลลักษณะนี้จะต้องใช้าไดร์เป่าผมไอออนิกเท่านั้นค่ะ (หรือไดร์เป่าผมเพิ่มความเงางาม) เพราะเป็นไดร์ที่โดดเด่นในเรื่องการทำให้ผมให้เงางามเป็นประกายมาก ๆ ทั้งยังขจัดความชี้ฟูทำให้ผมดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดีอีกด้วย 3. ผมบาง ผมตรง ผมลีบแบน : ไดร์เป่าผมเซรามิกหากผมของคุณลีบแบนและบาง คุณอาจต้องการเพิ่มวอลลุ่มและความหนาลงในจัดแต่งทรงผม ซึ่งหลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าไดร์ที่มีความร้อนสูงมักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการจัดแต่งทรงผม แต่ในความเป็นจริงแล้วการเพิ่มวอลลุ่มให้ผมนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไดร์ ซึ่งในกรณีนี้คุณควรใช้ไดร์เป่าผมเซรามิกมากที่สุด เพราะมันสามารถควบคุมระดับความร้อนเพื่อป้องกันความเสียหายของเส้นผมที่เปราะบางได้ ในขณะเดียวกันมันก็สามารถสร้างความมีน้ำหนักเด้ง ๆ ให้แก่ผมได้ดี 4. ผมเส้นเล็ก : ไดร์ที่ตั้งค่าความร้อนได้ตามหลักแล้วยิ่งพื้นผิวเส้นผมของคุณหนาและหยาบมากเท่าไหร่ คุณก็จะต้องใช้ไดร์เป่าผมที่มีวัตต์สูงมากขึ้นเท่านั้น และในทางกกลับกันหากคุณมีผมเส้นเล็กมาก คุณควรมองหาไดร์เป่าที่มีกำลังไฟต่ำโดยอาจจะเริ่มต้นจาก 1,200 วัตต์ก็ได้ค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้วไดร์เป่าผมที่มีการตั้งค่าความร้อนที่ปรับได้นั้นจะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผมเส้นเล็ก เนื่องจากเส้นผมเหล่านี้จะดูดซับความร้อนได้เร็วกว่าเส้นผมที่หนา ดังนั้นหาสมดุลที่ดีของแต่ละคนระหว่างการใช้งานจริงจะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ที่สุด
ข้อควรระวัง & เคล็ดลับสำหรับการใช้ไดร์เป่าผมแม้ว่าไดร์เป่าผมจะช่วยทำให้คุณมีทรงผมที่สวยมากขึ้นและยังช่วยประหยัดเวลาในการทำให้ผมแห้งอย่างรวดเร็ว แต่ไดร์เป่าก็คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผมของคุณแห้งเสียได้เช่นกัน ยิ่งคุณใช้ความร้อนกับเส้นมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ผมของคุณเปราะบางมากเท่านั้นโดยเฉพาะกับผมที่โดนความร้อนทุกวัน ดังนั้นหากคุณไม่มีงบประมาณมากพอในการลงทุนซื้อไดร์เป่าผมที่มีเทคโนโลยีปกป้องเส้นผมของคุณจากความร้อน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ทำสีผม ไม่ว่าจะเป็นการกักฟอกสีผม ใช้โฟมเปลี่ยนสี หรือครีมเปลี่ยนสีผม เพราะผมของพวกคุณจัดอยู่ในสภาพผมที่อ่อนแอ แห้งเสียมาก ๆ ไม่เหมาะจะโดนความร้อน ดังนั้นคุณจะต้องหาไอเทมดูแลบำรุงเส้นผมและฟื้นฟูผมเสียอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยไม่ว่าจะเป็น แชมพูเคราติน, ครีมนวดผม, ทรีตเมนต์และมาสก์สำหรับผมแห้งเสีย, เซรั่มและน้ำมันบำรุงผม ,น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นรวมถึงเครื่องอบไอน้ำ-หมวกอบไอน้ำสิ่งเหล่านี้มีราคาไม่แพง แต่สามารถทำให้ผมของคุณไม่แห้งเสียมากกว่าเดิมค่ะ
|