ไฮ ไล่ ท์ แมนยู กับ คริสตัล พา เล ซ

เผยแพร่: 19 ม.ค. 2566 05:02   ปรับปรุง: 19 ม.ค. 2566 05:02   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ วันที่ 18 มกราคม คู่ที่น่าสนใจ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังฟอร์มดีบุกเยือน คริสตัล พาเลซ

เกมนี้ ปีศาจเเดง ประเดิมใช้งาน เวาต์ เวกฮอร์สต์ กองหน้าตัวใหม่ที่ยืมตัวมาจากเบิร์นลี่ย์ลงสนามเป็นตัวจริง ส่วนทีมเยือน ยังใช้นักเตะชุดเดิมๆ มี วิลฟรีด ซาฮา เป็นตัวทีเด็ด

เล่นมาถึงนาทีที่ 42 แมนยู ได้ประตูออกนำ 1-0 คริสเตียน อีริคเซ่น รับบอลในเขตโทษก่อนตบเข้ากลางถึง บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ยืนเดี่ยวๆ ตั้งป้อมซัดด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือ เเละจบครึ่งเเรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังมีโอกาสน้อยทั้งคู่ เเต่ไฮไลท์สำคัญคือนาทีที่ 81 คาเซมิโร่ กองกลางตัวเก่งทีมปีศาจเเดงโดนใบเหลือง ซึ่งทำให้เขาสะสมใบเหลืองครบโควต้า 5 ใบ เกมหน้าศึกหนักพบอาร์เซน่อลจะลงสนามไม่ได้

เกมทำเหมือนจะจบลงด้วยชัยชนะของทีมเยือน เเต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คริสตัล พาเลซ มาได้ประตูตีเสมอจากลูกฟรีคิกสุดสวยของ ไมเคิ่ล โอลิเซ่

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มครบ 90 นาทีเสมอกันไป 1-1 เเบ่งกันไปทีมละ 1 คะเเนน แมนยูพลาดโอกาสเเซงแมนซิตี้ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง อยู่อันดับ 3 ตามเดิม

• แมนยู
• พรีเมียร์ ลีก
• คริสตัล พาเลซ

กำลังโหลดความคิดเห็น

ผลการแข่งขันปรากฎว่าเป็นทางฝั่งทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 44 จากจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดมาในเขตโทษด้านซ้ายก่อนป้ายมาที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยืนโล่งๆ ยิงหนีมือผู้รักษาประตูเข้าไป

อย่างไรก็ตามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+1 ทางฝั่งเจ้าบ้านได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ปั่นฟรีคิกระยะ 20 หลาหน้ากรอบเขตโทษด้านขวา บอลข้ามกำแพงเลี้ยวเช็คคานชนิดที่ ดาบิด เด เคอา เข้าไปอย่างสุดสวย

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 เมื่อคืนวันพุธที่ 18 ม.ค. 66 มีแข่ง 1 คู่ "อินทรีผงาด" คริสตัล พาเลซ อันดับ 12 ของตาราง เปิดสนามเซลเฮิร์สต์ พาร์ค รับการมาเยือนของ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 ของตาราง

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 16 แมนยูฯ น่าขึ้นนำ จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซากา เปิดบอลจากฝั่งขวามาให้ ลุค ชอว์ ซัดเน้นๆ บอลพุ่งหลุดเสาออกไปนิดเดียว

ถัดมา 6 นาที แมนยูฯ ได้ลุ้นอีกครั้ง แอนโทนี กระดกบอลข้ามหัว บิเซนเต กวยตา โกลของพาเลซ ไปแล้ว แต่บอลดันหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย

แมนยูฯ ลุยต่อ นาทีที่ 31 ลุค ชอว์ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากรอบเขตโทษ เวาท์ เวกฮอร์สต์ โหม่งข้ามคานไปตกบนตาข่าย

จากนั้นนาทีที่ 40 พาเลซ ได้ลุ้นจากลูกยิงของ ออดซอน เอดูอาร์ แต่ ดาบิด เดเคอา ปัดออกไปได้หวุดหวิด

ถึงนาทีที่ 43 แมนยูฯ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ คริสเตียน อีริคเซน หักย้อนมาให้ บรูโน เฟอร์นันเดส ซัดด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 75 พาเลซ เกือบตีเสมอ เมื่อเปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ มาร์ค เกฮี โฉบมาโหม่ง แต่ เด เคอา ยังไว เซฟออกไปได้

จากนั้นนาทีที่ 80 แมนยูฯ ได้ข่าวร้าย คาเซมิโร ไปพลาดโดนใบเหลือง หลังทำฟาวล์ใส่ วิลฟรีด ซาฮา ทำให้ดาวเตะชาวบราซิลจะถูกแบนในเกมลีกนัดถัดไปที่จะเจอกับ อาร์เซนอล

เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+1 คริสตัล พาเลซ ตีเสมอเป็น 1-1 จากลูกฟรีคิกสุดสวยของ ไมเคิล โอลิเซ

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม แมนยูฯ มีเพิ่มเป็น 39 คะแนน ขึ้นมาอันดับ 3 ส่วน พาเลซ มีเพิ่มเป็น 23 คะแนน รั้งอันดับ 12

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม

คริสตัล พาเลซ: บิเซนเต กวยตา (GK), นาธาเนียล ไคลน์, คริส ริชาร์ด, มาร์ค เกฮี, ไทริก มิทเชลล์, วิล ฮิวจ์ส, ชีค ดูกูเร, ไมเคิล โอลิเซ, ออดซอน เอดูอาร์, ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตตา และ วิลฟรีด ซาฮา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ดาบิด เด เคอา (GK),อารอน วาน-บิสซากา, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, คาเซมิโร, แอนโทนี, คริสเตียน อีริคเซน, บรูโน แฟร์นันด์ส มาร์คัส แรชฟอร์ด เวาท์ เวกฮอร์สต์