หมายถึง การจัดเตรียมสถานที่และตำแหน่งของวัสดุ โดยเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ การบรรจุหีบห่อ การเก็บรักษา ซึ่งต้องอาศัยวิธีการในการเลือกเครื่องมือและอุปกรณ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนย้ายวัตถุดิบเข้ามาในสายการผลิต ให้เหมาะสมกับลักษณะงานจนเป็นสินค้า หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป Show ปัจจุบันวิวัฒนาการอุตสาหกรรมการผลิตได้เจริญรวดเร็วไปอย่างมาก ในโลกของเทคโนโลยีการนำระบบขนถ่ายวัสดุมาใช้ในระบบการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเหมือนกัน ซึ่งผู้ประกอบการและวิศวกร ควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิต เพื่อนำมาสนับสนุนกระบวนการผลิตตั้งแต่การนำวัตถุดิบมายังโรงงาน ผ่านกระบวนการผลิต จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ไปยังคลังสินค้าหรือลูกค้า ซึ่งจำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่ หรือการขนย้ายทั้งสิ้น โดยจะต้องพิจารณาการขนถ่ายวัสดุให้เป็นระบบ และพยายามลดปัญหาการขนถ่ายให้หมดไป ทำอย่างไรให้การขนถ่ายวัสดุเป็นไปสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขนถ่ายวัสดุ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและโรงฝึกงาน ซึ่งเราจะทราบถึงวัตถุประสงค์ในการใช้อุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุ กฎทั่วไปของการขนถ่ายวัสดุ การเลือกชนิดอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุกับตัวแปรในการเลือก อุปกรณ์พื้นฐานในโรงงานทั่วไป ได้แก่สายพานลำเลียง (Conveyor) ปั่นจั่นและรอก (Cranes and Hoists) รถยก (Industrial Trucks) เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะทำให้เราสามารถนำไปใช้พิจารณาหาอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่เหมาะสมกับวัสดุที่เราจะขนถ่ายได้ในที่สุด วิธีการเคลื่อนย้ายวัสดุของโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ถึงแม้ว่าการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ และสินค้าคงคลังในระหว่างการผลิต รวมถึงการขนย้ายตัวสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วจะไม่ได้เป็นขั้นตอนการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าโดยตรง แต่การบริหารจัดการการเคลื่อนย้ายโดยการจัดระบบการขนถ่ายวัสดุที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่แต่ละโรงงานอุตสาหกรรมต้องหาวิธีการที่ดีที่สุด เพราะเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมมีสินค้า พื้นที่การผลิต พื้นที่เก็บวัสดุ สินค้า หรือกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ฉะนั้นการจัดระบบการขนถ่ายวัสดุจึงแตกต่างกันหรืออาจเหมือนกันได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ว่าเป็นวิธีไหนที่ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถบริหารกิจกรรมการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นธุรกิจควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมการขนถ่ายเนื่องจากการดำเนินการขนถ่ายอย่างไร้ประสิทธิภาพอาจก่อให้เกิดปัญหาการขนย้ายสินค้าโดยไม่จำเป็น ปัญหาสินค้าสูญหาย เสียหาย ปัญหาความพอใจของลูกค้าลดลง ปัญหาความล่าช้าในการผลิต ปัญหาคนงานและเครื่องจักรถูกปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ โดยไม่ได้ทำงาน ดังนั้นการขนถ่ายวัสดุ (Material Handling) เป็นเรื่องของกระบวนการผลิตขององค์กรที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างจริงจัง สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยเพื่อการบริหารในการผลิตของโรงงานให้เกิดประสิทธิภาพ เป็นรูปไดอะแกรมการทำงานโครงข่ายในการบริหารจัดการของการนับจำนวนในงาน Logistic เช่น นับจำนวนรถ นับจำนวนคน นับจำนวนสินค้า และอีกทั้งยังสามารถมี Feature เพิ่มเติม โดยการเขียนโปรแกรมและมี Soft ware รองรับในการจัดลำดับเหตุการณ์ต่างๆในการดูข้อมูลภายในองค์กรนั้นด้วยความสะดวก รวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย จากรูปแสดงถึงลักษณะอุปกรณ์ RFID ที่มีหัวอ่านพร้อมกับมีอุปกรณ์ไม้กั้นซึ่งแสดงผลดังนี้ รูปแสดงถึงลักษณะของ Soft ware ทั้งหมดที่มีการเก็บรูปภาพของรถขนส่งสินค้าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการอ่านทะเบียน หรือ การนับรถ โดยมี RFID Reader ใช้อ่านโดยรอบมากกว่า 8 หัวอ่านเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้น และยิ่งกว่านั้นระบบสามารถส่งข้อมูล DATA ทั้งหมดขึ้นไปสู่ห้อง Control ของหัวหน้าด้วย โอกาสที่จะเกิดขึ้นกับ RFID ในการช่วยบริหารจัดการต่อความเสี่ยง คือ
กิจกรรมที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ และกระจายสินค้า เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเชิงเวลา และประหยัดต้นทุน โดยปัจจัยสำคัญจะต้องนำระบบโลจิสติกส์ที่เป็นกายภาพไปสู่ระบบที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่า e-Logistics มาประยุกต์ใช้ในด้านการบริหารจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง (Warehouse and Inventory Management)โดยเทคโนโลยีที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในระยะนี้ น่าจะได้แก่ การนำระบบ RFID มาใช้ในการควบคุมสินค้าคงคลัง การขนส่งทางไกล รวมไปถึงการกระจายสินค้า เช่น ระบบการกระจายสินค้าในร้านค้าปลีกประเภทเมกะสโตร์ ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ เนื่องจาก RFID ซึ่งเป็นนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้ทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้า การแทรคกิ้ง (Tracking) การจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งเชื่อมโยงกับซอฟท์แวร์ก็สามารถเติมเต็มจำนวนของสินค้าที่เรียกว่า e-Fulfillment หรือนำไปใช้ในกระบวนการผลิต ที่เรียกว่า Lean และระบบการส่งมอบแบบ Kanban ซึ่งเป็นระบบการผลิตที่มีสินค้าคงคลังต่ำRFID เป็นระบบอัจฉริยะภายใต้ Nano Technology ที่กำลังจะมีบทบาทเข้ามาแทนที่ระบบบาร์โค้ด โดยระบบนี้จะใช้ระบบคลื่นของความถี่วิทยุ มาช่วยในการอ่านรหัสและข้อมูลของสินค้าหรือข้อมูลของฉลากได้โดยไม่ต้องมีการสัมผัส ในขณะที่สินค้ายังเคลื่อนไหวพร้อมกันได้คราวละหลายชิ้น (Tag) โดย RFID จะสามารถอ่านข้อมูลได้รวดเร็ว ด้วยความเร็วสูง และยังสามารถอ่านค่าของสินค้านั้นได้แม้จะอยู่ในระยะไกล โดยส่วนประกอบใน RFID จะมีส่วนประกอบหลักๆ สำคัญ คือ Tag หรือฉลาก ซึ่งจะติดอยู่กับตัวสินค้า โดยฉลากหรือ Tag จะมี Transceiver ซึ่งจะเป็นเครื่องอ่าน (Reader) โดยหน้าที่หลักของเครื่องอ่านจะสามารถเชื่อมต่อด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งมีทั้งการรับ-ส่งสัญญาณวิทยุและส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ในการถอดรหัสสินค้าDecoding ทั้งนี้ RFID จะส่งเสริมต่อประสิทธิภาพของ VMI หรือ Vendor Managed Inventory คือ การจัดการควบคุมปริมาณการรับสินค้าจากคู่ค้าให้สอดคล้องกับการผลิตและการส่งมอบ ทำให้ช่วยลดต้นทุนและทำให้การส่งมอบเป็นแบบ Real Time โดยระบบนี้สามารถเชื่อมโยงไปสู่การสั่งซื้ออัตโนมัติ ทำให้ลดเวลาและภาระในการจัดซื้อหรือ Reorder ในการลดสินค้าคงคลัง นับว่า RFID จะเป็นนวัตกรรมใหม่ของอนาคตในการแก้ปัญหาและหรือหาคำตอบ (Solution) ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน ทำให้ระบบโซ่อุปทานโลจิสติกส์กลายเป็นเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็น “e-supply chain” อย่างแท้จริง จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี RFID จะมีความจำเป็นต่อการบริหารการจัดการซัพพลายเชนของภาคอุตสาหกรรมการผลิต (IndustriesSector)ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ RFID- เทคโนโลยีที่มากกว่าการติดตามยานพาหนะ การแก้ปัญหาประสิทธิภาพ และต้นทุนของกิจกรรมการขนส่งสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งกลยุทธที่ได้รับความนิยม คือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในระบบบริหารจัดการการขนส่งสินค้าใหเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้อง และมีต้นทุนที่ประหยัดที่สุดซึ่งในปัจจุบันนอกจาก GPS หรือ GPRS แล้ว RFID ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการประยุกต์ใช้งานลักษณะนี้เป็นอย่างมาก เพราะ RFID Tag ระบุถึงรายละเอียดขอสินค้าแต่ละชิ้นได้อย่างเฉพาะเจาะจง พร้อมด้วยคุณสมบัติที่อ่านได้หลายทิศทาง เก็บข้อมูลได้จากหลาย Tag ในการอ่านครั้งเดียวก็สามารถนับจำนวนและติดตามสินค้าไปอย่างรวดเร็ว ทำไมต้องใช้ RFID แทนระบบ GPS หรือ GPRS ?? เนื่องจาก GPS หรือ GPRS สามารถทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่มีข้อจำกัดในความแม่นยำในระยะขอบเขตการอ่าน มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง และที่สำคัญ คือ ระบบเหล่านี้ไม่สามารถทำงานได้เมื่อยานพาหนะไม่อยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง อีกทั้งยังไม่สามารถติดตามสถานะสินค้าระดับหน่วยย่อยได้ กล่าว คือระบบ GPS หรือ GPRS จะทำงานได้ดีและให้เห็นสถานะระดับยานพาหนะในระหว่างการขนส่งเท่านั้น แต่พอเมื่อยานพาหนะเข้าพื้นที่ทำงานแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถรู้ไ้ด้เลยว่าสถานะการทำงาน ณ เวลานั้นของยานพาหนะและตัวสินค้าเองเป็นอย่างไร ซึ่ง ณ จุดนี้เองที่ระบบ RFID เพื่อการบริหารและติดตามกิจกรรมขนส่งภายในพื้นที่การทำงาน รับ-ส่งสินค้ามีความสำคัญ การใช้ RFID Reader กับ RFID Tag ในการกระจาย ขนส่ง สินค้า อันดับแรกสินค้าที่ถูกบรรจุในลังจะทำการติด RFID Tag และเมื่อรวบรวมสินค้าเสร็จก่อนนำสินค้าขึ้นรถบรรทุกก็จะสามารถเข็นลังที่มีสินค้าผ่านเครื่องอ่าน RFID ก็จะรู้ข้อมูลสินค้าทั้งหมดจากนั้นจึงขนเข้าไปในรถบรรทุกเพื่อรอการขนส่งออกจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังสาขาย่อย ซึ่งรถบรรทุกก็จะมี RFID Tag กำกับรายคันเช่นกันเมื่อขับถึงประตูเข้าออกก็จะมีเครื่องอ่าน RFID นับจำนวนรถบรรทุกด้วยเช่นกันซึ่งในขณะที่สาขาย่อยที่รอรับสินค้า ก็จะมีเครื่องอ่าน RFIDของรถบรรทุกที่ทางเข้า-ออก และมีเครื่องอ่าน RFID ที่ตัวสินค้าที่อยู่ในลังเพื่อยืนยันการรับคำสั่งของสินค้าไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น RFID Vehicle Queue Management (VQM) จุดเด่นของระบบ VQM ประโยชน์ของ VQM กลุ่มบริษัทที่เหมาะสมกับระบบ VQM ตัวอย่างงาน Tracking RFID ที่ใช้ในหน่วยงาน Venus Gas โดยเทคโนโลยีที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในระยะนี้ น่าจะได้แก่ การนำระบบ RFID มาใช้ในการควบคุมสินค้าคงคลัง การขนส่งทางไกล รวมไปถึงการกระจายสินค้า เช่น ระบบการกระจายสินค้าในร้านค้าปลีกประเภทเมกะสโตร์ ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ เนื่องจาก RFID ซึ่งเป็นนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้ทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้า การแทรคกิ้ง (Tracking) การจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งเชื่อมโยงกับซอฟท์แวร์ก็สามารถเติมเต็มจำนวนของสินค้าที่เรียกว่า e-Fulfillment หรือนำไปใช้ในกระบวนการผลิต ที่เรียกว่า Lean และระบบการส่งมอบแบบ Kanban ซึ่งเป็นระบบการผลิตที่มีสินค้าคงคลังต่ำ ผลกระทบต่อสินค้าที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิระหว่างขนส่ง การประยุกต์ใช้ RFID ร่วมกับการขนส่ง ระบบ VIIS (Vehicle Identification and integration system ) VIIS ช่วยจัดการรถบรรทุกขนส่งประเภทต่างๆที่เข้ามาในพื้นที่โรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีจุดเด่น คือ ระบบขนถ่ายวัสดุมีความสำคัญอย่างไรช่วยลดปริมาณความสูญเสียของวัสดุ ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง ลดแรงงานที่ทำการขนถ่ายโดยตรง และลดจำนวนพนักงานที่ไม่จำเป็นลงออกบ้าง
ข้อใดคือความสำคัญของการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บอุปกรณ์1. จงบอกความสำคัญของการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บอุปกรณ์ (จ) เฉลย : เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตซึ่งส่วนใหญ่วัสดุ-อุปกรณ์ต่างๆ จะถูกจัดเก็บไว้ในแต่ละสถานที่แตกต่างกัน ไปตามลักษณะประเภทหรือความมีอันตรายของวัสดุ-อุปกรณ์
องค์ประกอบที่สำคัญของการขนถ่ายมี 4 อย่างอะไรบ้างในระบบการขนถ่ายวัสดุ ควรค านึงถึงองค์ประกอบที่ส าคัญ 4 ประการ คือ - การเคลื่อนที่ (Motion) - เวลา (Time) - ปริมาณ (Quantity) - เนื้อที่ (Space) การขน ถ่ายวัสดุ การ เคลื่อนที่
อุปกรณ์ขนถ่ายมีไว้ใช้สําหรับอะไรอุปกรณ์ขนถ่าย คือ. การเคลื่อนที่ (Motion)การเคลื่อนย้ายวัสดุจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง. เวลา (Time)เป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของการเคลื่อนที่. ปริมาณ (Quantity)ปริมาณวัสดุที่ต้องเคลื่อนที่ ต้องสัมพันธ์กับความ ต้องการ และเหมาะสมกับค่าใช้จ่าย. |