อาหารกระป๋อง อยู่ได้นานแค่ไหน

เป็นวันที่บ่งบอกว่าอาหารนั้น ยังคงมีคุณภาพ และมีรสชาติที่ดีเหมือนเดิม จนถึงวันที่ระบุไว้ ยังคงคุณค่าทางอาหารครบถ้วน แต่หลังจากวันนั้นไป รสชาติ คุณภาพ และคุณค่าทางอาหาร จะลดลง ยังสามารถบริโภคได้โดยไม่มีอันตราย แต่อาจไม่ได้ประโยชน์จากอาหารนั้น ตามที่ระบุไว้บนฉลากอาหารได้

อาหารกระป๋อง อยู่ได้นานแค่ไหน

นอกจากอาหารแล้ว BBF ยังปรากฏในสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์ แสดงไว้คู่กับวันที่ผลิต ซึงปกติแล้ววันหมดอายุของเครื่องสำอางค์ จะต้องดูจากวันที่ผลิต และบวกเวลาไปอีก 2 ปี สำหรับเครื่องสำอางค์ประเภทครีม ส่วนเครื่องสำอางค์ประเภทแป้งนั้น หากเราไม่เปิดใช้งาน ก็สามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 5 ปีเลยทีเดียว

โดยทั่วไป ผู้ผลิตมักจะเลือกใช้คำว่า ควรบริโภคก่อน และจะกำหนดวันล่วงหน้าไว้ ระยะหนึ่งก่อนที่อาหารนั้น ๆ จะหมดอายุ หรือเสีย ดังนั้น วันที่ ที่ระบุหลังคำว่า ควรบริโภคก่อน คือ คำแนะนำให้ผู้บริโภครับประทานอาหารนั้น เพื่อความสด รสชาติ และสารอาหารในอาหารนั้น ๆ ก่อนที่มันจะเปลี่ยนแปลง หรือลดคุณภาพลง

ตัวย่อบน ฉลากผลิตภัณฑ์ มีอะไรบ้าง?

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้บริโภค ควรใส่ใจมันเป็นพิเศษ ก่อนเลือกซื้อสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร ยา หรือเหล่าเครื่องสำอาง คือ วันที่ผลิต วันหมดอายุ โดยข้อมูลที่แสดงวันผลิต และวันหมดอายุนั้น จะแสดงเป็นลักษณะของตัวย่อไว้บนบรรจุภัณฑ์ตามที่ต่าง ๆ เช่น ก้นขวด ฝาขวด หรือข้างขวด เป็นต้น ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่รู้ว่าตัวย่อเหล่านั้น มีความสำคัญ และมีความหมายอย่างไร ดังนี้

อาหารกระป๋อง อยู่ได้นานแค่ไหน

➤ MFG/ MFD 

หมายถึง วันที่ผลิต ย่อมาจาก (Manufacturing date/ Manufactured Date)

➤ EXP/ EXD 

หมายถึง วันหมดอายุ ย่อมาจาก (Expiry Date/ Expiration Date)

➤ BB/ BBE/ BBF 

หมายถึง ควรบริโภคก่อนวันที่ ย่อมาจาก (Best Before/ Best Before End/ Best Before Use)

➤ Reg. No. 

หมายถึง เลขที่ทะเบียนยา (ย่อมาจากคำว่า registered number) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
เป็นผู้ออกให้ ตัวอักษร A B C บอกว่าเป็นยาสำเร็จรูปแผนปัจจุบัน

  • A คือ ยาสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ
  • B คือ ยาสำเร็จรูปที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แล้วมาแบ่งบรรจุภายในประเทศ
  • C คือ ยาสำเร็จรูปที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ (ไม่มีการแบ่งบรรจุภายหลัง)

อาหารกระป๋อง อยู่ได้นานแค่ไหน

ส่วนตัวเลขที่ใช้นำหน้าอักษร A B C ซึ่งมี 1 และ 2 มีความหมาย ดังนี้

  • 1. คือ ยาเดี่ยว (มีตัวยาสำคัญตัวเดียว)
  • 2. คือ ยาสูตรผสม (มีตัวยาสำคัญหลายตัว)

➤ Batch. No. 

หมายถึง เลขที่ครั้งที่ผลิต ถ้ายามี Batch. No. เหมือนกัน แสดงว่า ผลิตออกมาครั้งเดียวกัน

อาหารกระป๋อง อยู่ได้นานแค่ไหน

➤ L & C. No 

หมายถึง เลขที่ครั้งที่ผลิตและควบคุมคุณภาพ ย่อมาจาก (lot and control number) มีความหมายคล้ายกับ Batch. No.

ซึ่งข้อมูลของผลิตภัณฑ์นี้ จะแสดงเป็นลักษณะตัวย่อไว้บนบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ฝาขวด ก้นขวด หรือข้างขวด

ส่งท้ายสักนิด!

อายุโดยประมาณของอาหารแต่ละประเภท

ของในตู้เย็นของเราอาจจะมีมากเกินไป และก็เป็นการยากที่เราจะจำวันหมดอายุของสินค้าแต่ละชิ้นได้อย่างแม่นยำ ฉะนั้นเราอาจจะเลือกจำอายุคร่าว ๆ ของสินค้าแต่ละประเภท ดังนี้

  • ไข่ ไข่ที่เก็บในที่แห้ง และเย็นอุณหภูมิ 3-5 องศาเซลเซียสจะอยู่ได้นานประมาณ 3-5 สัปดาห์
  • อาหารกระป๋อง อาหารกระป๋องมักจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีนับจากวันที่ผลิต
  • ขนมปัง หากเราเก็บขนมปังไว้ในอุณภูมิปกติ จะสามารถอยู่ได้ 3-5 วัน แต่ถ้าเก็บในช่องแช่แข็ง จะอยู่ได้ 2 สัปดาห์
  • ซีเรียล หากยังไม่เปิดกล่องและแช่เย็นไว้ จะสามารถเก็บซีเรียลไว้ได้นานถึง 6 เดือนถึง 1 ปี แต่หากเราพบว่าสีสัน หรือรสชาติของเซีเรียลเปลี่ยนไปก็ให้หยุดรับประทานไปเลย

อาหารที่หมดอายุแล้วก็ยังรับประทานได้

ไม่แนะนำให้รับประทานอาหารที่หมดอายุ แต่ถ้าหากเรารู้ไว้ก่อน เผื่อเผลอตัวทานเข้าไป จะได้พออุ่นใจได้ว่า อาจจะไม่ส่งผลเสียมากเท่าไร เช่น

  • ขนมกรุบกรอบ หากขณะที่เราเปิดรับประทานแล้วมีกลิ่นหืนขึ้นมา เราก็สามารถพรมน้ำมัน และนำไปอบ ขนมกรุบกรอบก็ยังสามารถกลับมากรอบและสามารถรับประทานได้ แต่หากหมดอายุนานเกินไปแล้วก็ทิ้งไปเลยจะปลอดภัยกว่า 
  • โยเกิร์ต คือ นมที่ผ่านการหมักด้วยจุลินทรีย์ โดยหากโยเกิร์ตหมดอายุไป ก็ยังสามารถรับประทานต่อได้อีกช่วงเวลาหนึ่ง
  • ไข่ ผลิตภัณฑ์ประเภทไข่ หากเราเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำ ก็จะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าวันหมดอายุที่กำหนดไว้
  • นม เมื่อเราเก็บนมไว้ที่อุณภูมิต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ก็จะทำให้อายุของนมนั้นยาวนานขึ้น
  • ช็อกโกแลต สำหรับช็อกโกแลต เมื่อเก็บไว้นานระยะหนึ่งอาจจะเกิดคราบขาว ซึ่งอาจจะเป็นไขมันจากขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลต ก็สามารถรับประทานได้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับบทความที่เรานำมาฝากกัน ไม่ว่าอาหารบางชนิด จะสามารถรับประทานได้แม้จะเลยวันหมดอายุแล้ว หากไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานก็ให้ทิ้งไป จะเกิดผลดีมากกว่านั่นเอง