ทะเบียนเกษตรกร คือข้อมูลของครัวเรือนผู้ประกอบการเกษตรที่แสดงถึงสถานภาพและการประกอบอาชีพการเกษตรของครัวเรือน เกษตรกรที่มีทะเบียนเกษตรกร สามารถเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือของรัฐบาล ได้รับความช่วยเหลือกรณีแปลงปลูกพืชเสียหายจากการประสบภัยพิบัติด้านพืช ตามระเบียบกระทรวงการคลัง และได้รับสิทธิต่างๆ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกร กับ กรมส่งเสริมการเกษตรสำหรับ
หากเป็นเกษตรกรรายเดิมที่ต้องการเพิ่มแปลงใหม่ จำเป็นต้องติดต่อขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่สำนักงานเกษตรอำเภอ แต่ถ้าเป็นเกษตรกรรายเดิมที่ใช้แปลงเดิม ติดต่อปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน นอกจากนี้เกษตรกรยังสามารถขึ้นทะเบียนผ่านมือถือด้วยแอพพลิเคชั่น DOAE Farmbook ที่กรมส่งเสริมการเกษตรพัฒนาขึ้นในระบบปฏิบัติการ IOS และ Android เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรแจ้งปรับปรุงข้อมูลในทะเบียนได้ด้วยตนเองผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ทั้งยังเป็นช่องทางรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ รวมถึงใช้ตรวจสอบสิทธิ์เกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการแก้ปัญหาของภาครัฐ ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป เกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้แล้ว หากไม่ไปแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรติดต่อกัน 3 ปี ก็จะสิ้นสภาพการเป็นเกษตรกร ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ รวมถึงการขอรับการสนับสนุน ช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน ในเวลาทำการตั้งแต่ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. วิธีใช้ แอป DOAE FARMBOOKดาวน์โหลด..คู่มือการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร
ดาวน์โหลด..แบบคําร้องทะเบียนเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สําหรับครัวเรือนเกษตรกร)
กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะหน่วยงานรับขึ้นทะเบียน กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียน ดังนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจพื้นที่การเกษตร ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม หลังปริมาณน้ำในหลายพื้นที่ลดลงเป็นปกติ เพื่อเร่งจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลัง โดยมีอัตราการช่วยเหลือครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ /พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ /ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ 4,048 บาทต่อไร่ เกษตรกรที่จะได้รับเงินเยียวยาต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย มีพื้นที่เสียหายจริง และอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือแล้ว ข้อมูลรายงานผลการสำรวจเบื้องต้น (ณ วันที่ 23 พ.ย. 65) พบว่า ภาพรวมพื้นที่เกษตรทั่วประเทศได้รับผลกระทบ มีจำนวน 65 จังหวัด คิดเป็นพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 5,595,011.75 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 3,683,924.50 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,818,243.50 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ 92,843.75 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 668,250 ราย ให้ความช่วยเหลือเสร็จสิ้นแล้ว 30 จังหวัด ด้วยงบประมาณท้องถิ่น อาทิ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และ แม่ฮ่องสอน ส่วนจังหวัดอื่น ๆ กรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด จะได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิขอรับการสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือรับบริการต่าง ๆ จากภาครัฐ เช่น กรณีการขอรับการช่วยเหลือเมื่อประสบภัยพิบัติต่าง ๆ2. เกษตรกรสามารถขอขึ้นทะเบียนได้ตามสถานที่ที่เป็นภูมิลำเนาในทะเบียนบ้าน หรือสถานที่ที่ประกอบการเกษตรก็ได้ แต่ต้องขึ้นทะเบียนที่ใดที่หนึ่งเพียงที่เดียว โดยในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรจะจำแนกเกษตรกรเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะการประกอบการเกษตร คือ ส่วนบุคคล และนิติบุคคล ซึ่งหลักฐานที่ต้องใช้ในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร คือ 2.1 การขึ้นทะเบียนเกษตรกรประเภทส่วนบุคคล หรือเกษตรกรทั่วไป หลักฐานที่ต้องใช้ คือ 1) บัตรประจำตัวประชาชน 2) ทะเบียนบ้านของผู้ขอขึ้นทะเบียนเกษตรกร 3) หลักฐานการถือครองที่ดิน 2.2 การขึ้นทะเบียนเกษตรกรประเภทนิติบุคคลหลักฐานที่ต้องใช้ คือ 1) บัตรประจำตัวประชาชน 2) ทะเบียนบ้านของผู้แทนนิติบุคคล 3) หนังสือรับรองนิติบุคคล 4) หนังสือมอบอำนาจให้เป็นผู้แทนนิติบุคคล 5) หลักฐานการถือครองที่ดิน 3. สถานที่รับขึ้นทะเบียนเกษตรกร ณ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ หรือสถานที่ที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย 4. การปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร คือ? การแจ้งปลูกพืชทุกรอบการผลิต และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลครัวเรือนผู้ประกอบการเกษตร เช่น เปลี่ยน / แก้ไข กิจกรรมการเกษตร หรือสมาชิกในครัวเรือน 5. หลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกร บุคคลในครัวเรือนคนใดคนหนึ่ง หรือหลายคนที่ประกอบการเกษตร ฐานทะเบียนเกษตรกรกำหนดให้ 1 ทะเบียนบ้าน = 1 ครัวเรือน (ตั้งแต่ ต.ค.56 เป็นต้นมา) ต้องประกอบกิจกรรม ดังนี้ - การทํานาหรือทําไร่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ รวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป - การปลูกผัก หรือการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ หรือการเพาะเห็ด หรือการปลูกพืชอาหารสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 งานขึ้นไป - การปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น หรือการปลูกสวนป่า หรือปลูกป่าเศรษฐกิจแบบสวนเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจํานวนต้นตั้งแต่ 15 ต้นขึ้นไป - การปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้นแบบสวนผสม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจํานวนต้นตั้งแต่ 15 ต้นขึ้นไป - การเลี้ยงแม่โคนม ตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป - การเลี้ยงโค หรือกระบือ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป - การเลี้ยงสุกร แพะ หรือแกะ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ตั้งแต่ 5 ตัวขึ้นไป - การเลี้ยงสัตว์ปีก ตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป - การเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน - การทํานาเกลือสมุทร บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป - การปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน - การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่นๆ หมายความว่า การเลี้ยงผึ้งพันธุ์ผึ้งโพรง ชันโรง ครั่ง จิ้งหรีด ด้วงสาคูไส้เดือนดิน ชีวภัณฑ์และอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกันประกอบการเกษตร อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ที่กําหนดตามและมีรายได้ตั้งแต่ 8,000 ต่อปีขึ้นไป 6. ทะเบียนเกษตรกรมีข้อมูลอะไรบ้าง? ทะเบียนเกษตรกรมีข้อมูล 9 หมวด ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานครัวเรือน สมาชิกครัวเรือนและการเป็นสมาชิกองค์กร การถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร การประกอบกิจกรรมการเกษตร แหล่งน้ำ เครื่องจักรกลการเกษตร หนี้สิน รายได้ และการเข้าร่วมโครงการภาครัฐ 7. การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ครัวเรือนเกษตรกร 1 ครัวเรือน ขอขึ้นทะเบียนได้ 1 คน โดยต้องยื่นแบบ ทบก. 01 ณ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก หลังปลูกพืช 15 วัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูล ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และติดประกาศในชุมชน 3 วัน และขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่จะยืนยันข้อมูลในระบบ เท่ากับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรจะเสร็จสมบูรณ์ 8. การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเกษตรกร ตรวจสอบข้อมูลบุคคล กับกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบข้อมูลเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กับกรมที่ดิน และ สปก. ตรวจสอบทางสังคมผ่านการติดประกาศข้อมูลในชุมชน หากมีการคัดค้าน มีคณะทำงานระดับหมู่บ้านตรวจสอบพื้นที่วัดพิกัดที่ตั้งแปลง-วัดพื้นที่วาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล เพื่อป้องกันการขึ้นทะเบียนซ้ำซ้อน (ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 10 ล้านแปลง) 9. เมื่อใดต้องปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เมื่อมีการเพาะปลูกพืชทุกรอบ และเมื่อต้องการเปลี่ยนข้อมูลของครัวเรือนผู้ประกอบการเกษตร จะต้องมีการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ทั้งนี้หากเป็นเกษตรกรายใหม่ แปลงใหม่ หรือรายเดิม แปลงใหม่ ต้องยื่นแบบ ทบก.01 ณ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก หลังปลูกพืช 15 วัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูล ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และติดประกาศในชุมชน 3 วัน และขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่จะยืนยันข้อมูลในระบบ เท่ากับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรจะเสร็จสมบูรณ์สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถปรับปรุงผ่านแอพพลิเคชัน Farmbook ได้เลย 10. การสิ้นสุดสถานภาพในทะเบียนเกษตรกร - เสียชีวิต - เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ - แจ้งยกเลิกประกอบการเกษตร - แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร - ไม่มีการปรับปรุงสถานภาพเลย ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี (เริ่มใช้ตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป และมีผลย้อนหลังสำหรับผู้ไม่มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2560) |