จัด งาน แต่งงาน ใช้ งบ เท่า ไหร่

คู่รักหลายๆ คู่อาจกำลังสงสัยว่าอยากแต่งงานต้องมีงบเท่าไหร่? คนเราพอคบกันมาสักพัก ก็ถึงเวลาอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ใครว่าความรักอย่างเดียวเพียงพอ ไม่ต้องใช้เงินล่ะ งานแต่งงานนี่แหละใช้เงินบานเชียว แถมงานแต่งงานมีครั้งเดียวในชีวิต ใครก็อยากทำให้ดีที่สุดใช่มั้ยล่ะ แต่ติดที่ไม่ได้มีงบมากมายที่จะทำตามใจทุกอย่างได้ วันนี้เราเข้าใจและอยากมาแชร์วิธีเตรียมงบสำหรับจัดงานแต่งงาน ที่รับประกันว่าถูกใจสายประหยัดแน่

ขั้นตอนเตรียมงบจัดงานแต่งงาน

1. วางแผนขอบเขตงานทั้งคู่

เมื่อคู่รักมีแผนที่จะแต่งงานกันแล้ว อันดับแรกเลยที่ต้องทำสำหรับการเตรียมงบก็คือวางแผนขอบเขตงานแต่งของทั้งคู่ ลองคิดดูว่าต้องการจัดงานแบบไหน จัดงานแบบเล็กๆ มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท หรือจัดงานแบบใหญ่โต ซึ่งในข้อนี้จะรวมไปถึงการคำนวณจำนวนแขกในงานล่วงหน้าด้วย ลองตั้งไว้คร่าวๆ ว่าอยากเชิญแขกมางานประมาณกี่คน 100 คน หรือ 200 คน ก็แล้วแต่สะดวก เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเตรียมงบ

2. ออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ และเปิดบัญชีงานแต่งร่วมกัน

เมื่อมีแผนที่จะแต่งงานกันนั้น คู่รักทั้งสองคนก็ควรเริ่มต้นช่วยกันออมเงินตั้งแต่ยังเนิ่นๆ โดยการเปิดบัญชีร่วมกันเพื่อเก็บเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งโดยเฉพาะ และวิธีการออมเงินที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับทุกคนนั้น ก็คือหักจากเงินเดือนที่ได้ในแต่ละเดือน เก็บไว้ในจำนวนที่เท่ากัน เช่น ทั้งสองคนต้องมีเงินเก็บเดือนละ 5,000 บาท รวมกันเป็น 10,000 บาทต่อเดือน

3. หาสปอนเซอร์ถ้าเป็นไปได้

นอกจากเงินที่ว่าที่บ่าวสาวต้องเตรียมเองแล้ว เงินบางส่วนอาจมาจากการสนับสนุนของครอบครัวทั้งสองฝ่าย ซึ่งเงินในส่วนนี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีก็ถือเป็นเรื่องดี ช่วยลดภาระหน้าที่ไปได้เยอะ หรือจะเป็นการหาผู้สนับสนุนในรูปแบบช่วยเหลือในการจัดงาน เช่น หากมีเพื่อนเป็นออแกไนเซอร์หรือกราฟิกดีไซน์ เพื่อนก็อาจมีส่วนลดให้ ประหยัดไปได้อีกเยอะ

วิธีประหยัดงบ จัดงานแต่งงานแบบประหยัด

1. ลิสต์ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

หนึ่งในเคล็ดลับที่จะทำให้งบของคุณไม่บานปลาย ก็คือการลิสต์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงในกระดาษ ทั้งค่าชุด ค่าแหวนแต่งงาน ค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าตกแต่ง และค่าต่างๆ อีกมากมาย การลิสต์ค่าใช้จ่ายนี้จะช่วยให้ง่ายต่อการตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ไม่จำเป็นออก อย่างค่าดอกไม้หรือค่าตกแต่งในงานแต่งบางอย่าง และยังสามารถทำให้เราเลือกหาตัวเลือกที่ดีกว่าและถูกกว่าได้ เพราะเราได้เห็นเป็นเม็ดเงินที่เราจะต้องเสียไปนั่นเอง

2. ดำเนินการล่วงหน้านานๆ

การดำเนินการล่วงหน้านานๆ ก่อนจัดงานจริงก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบ่าวสาวจะมีเวลาและโอกาสได้เลือกมองหาสิ่งที่ดีและคุ้มค่ามากขึ้น อย่างสถานที่จัดงาน ต้องลองเฟ้นหาสถานที่ที่เหมาะกับคุณ ไม่ต้องเว่อวังมากนัก หรือหาร้านอาหารธรรมดาๆ ที่ราคาไม่แพงมาก แต่ยังไงก็ต้องอร่อยนะ

3. แยกงบประมาณแต่ละส่วนให้ชัดเจน

การแยกงบประมาณแต่ละส่วนให้ชัดเจนจะทำให้บ่าวสาวควบคุมงบประมาณได้ง่ายขึ้น อย่างแบ่งตามรูปแบบงาน เช่น งานแบบจีนต้องมีพิธียกน้ำชา งานแต่งแบบไทยต้องมีถือประตูเงินประตูทอง และงานเลี้ยงตอนเย็นอีก ก็ต้องแยกกัน คิดเป็นงบคนละส่วนไปเลย

4. ไม่ต้องจัดงานใหญ่มาก

การควบคุมขนาดของงานเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น จริงๆ แล้วคุณอาจไม่จำเป็นต้องจัดงานให้ใหญ่โตเลย เพราะงานเล็กๆ ที่มีแต่คนสำคัญในชีวิต จัดงานแบบเรียบง่าย ตกแต่งง่ายๆ ก็เก๋และน่าประทับใจไม่แพ้งานใหญ่เลย หลายๆ คู่ก็เลือกจัดธีมงานที่ทะเล จัดที่สวน ถึงเล็กแต่รับรองว่าอบอุ่น

5. หาสถานที่ที่มีแพ็กเกจสุดคุ้ม

คู่รักสายประหยัดอาจลองมองหาสถานที่จัดงานที่สามารถดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่มได้เลย เรียกว่ามาเป็นแพ็กเกจได้เลยยิ่งดี เพราะส่วนใหญ่สถานที่แบบนี้มักจะมีส่วนลดให้เสมอ อีกทั้งยังง่ายต่อการติดต่อและควบคุมไว้สำหรับการดูแลความเรียบร้อยต่างๆ

แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่สุดในชีวิต แต่ก็ไม่ควรทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการแต่งงาน ควรใช้จ่ายอย่างพอประมาณตามกำลังที่มี เพื่อที่จะสามารถนำเงินที่เหลือไปตั้งตัวสร้างครอบครัวได้ และสำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีจัดการงบงานแต่งแบบประหยัดอยู่ล่ะก็ ลองทำตามเทนนิคที่ให้ไว้นะ รับรองว่างบไม่บานปลาย ใครก็มีงานแต่งในฝันได้

Report

Say Hi-i-i! ว่าที่บ่าวสาวขาเม้าท์ทั้งหลาย เดี๊ยนเชื่อว่าหลายคนคงตามหาคำตอบให้กับคำถามนี้มาสักพัก บางคนเสิร์ชอินเทอร์เน็ตและพบกับข้อมูลไกด์ค่าใช้จ่ายที่ทำไว้ตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว แต่พอมาถึงปีนี้ผ่านเงินฟุ้งเงินเฟ้อมาตั้งเท่าไหร่ เห็นทีจะใช้เรทราคาเดิมไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่าเดี๊ยนอยากจะชวนมาปรับฐานราคากันสักนิด ดูสิว่าในยุคนี้สมัยนี้ควรมีเงินขั้นต่ำเท่าไหร่ถึงจะสามารถจัดงานแต่งได้แบบไม่ลำบาก

“จัดมาตามความเหมาะสม” เป็นประโยคที่ฝ่ายชายคงจะได้ยินบ่อย ซึ่งความเหมาะสมที่ว่าอาจขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ (ของว่าที่พ่อตาแม่ยาย) อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ได้รวยเป็นเศรษฐีมีเงินถัง สินสอดตามความเหมาะสมในยุคนี้ก็อยู่ที่ 100,000 บาท (เฉพาะเงินสด) มากกว่านี้ได้ แต่ให้ต่ำกว่านี้คงจะไม่เหมาะ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นการให้เกียรติฝ่ายเจ้าสาวด้วย

ใครที่บอกว่าราคาต่ำกว่า 15 บาทก็มี เดี๊ยนไม่ขอปฏิเสธค่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่าของแบบนี้คุณภาพตามราคาล้วนๆ ถ้าอยากให้การ์ดออกมาดูดีราคา 15 บาทนี้ถือว่าตอบโจทย์ รูปแบบสวยงาม กระดาษคุณภาพดี เทคนิคการพิมพ์ไว้ใจได้ ถ้าอยากฉลุลาย ปั๊มนูน ปั๊มทองก็บวกราคาเพิ่ม ที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเชิญแขกกี่คน แนะนำว่าสั่งเพิ่มจากจำนวนแขกสัก 30% เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อน

3. ค่าของชำร่วย ≥ 10 บาท/ชิ้น

ของชำร่วยมีหลายแบบหลายราคา แหล่งซื้อหาก็มีให้เลือกเยอะทั้งร้านในโซเชียลเน็ตเวิร์กและตลาดใหญ่อย่างสำเพ็ง ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 10 บาทขึ้นไป บางคนอยากได้ของที่ดูไม่เหมือนใคร มีรูปลักษณ์และหีบห่อสวยงามก็สามารถสั่งทำพิเศษได้ เช่นเดียวกับการ์ดที่ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนแขก และอย่าลืมสั่งเผื่อเหลือเผื่อขาดด้วย

4. ค่าสถานที่ ≥ 20,000 บาท

สถานที่มีให้เลือกตามระดับความหรูหรา ราคาย่อมเยาในงบประมาณห้าหลักเหมาะกับงานที่แขกไม่เยอะ สถานที่ไม่ใหญ่มาก เช่น ร้านอาหาร ในสวน หอประชุม และตามสโมสร ส่วนใครที่คิดจะจัดงานในห้องบอลรูมตามโรงแรม เดี๊ยนก็ต้องขอบอกว่าราคาระดับคำว่าหมื่นคงหายากมาก-ก-ก! (พลิกแผ่นดินกันหลายตลบเชียวแหละ) เพราะส่วนใหญ่แล้วโรงแรมมักจะมาให้คุณเลือกเป็นแพ็คเกจแบบครบครัน บวกลบค่าใช้จ่ายโดยรวมแล้วก็ทะลุหลักแสนชัวร์!

เดี๊ยนขอบอกไว้ก่อนว่าราคาหมื่นต้นๆ เหมาะกับคนที่อยากได้เพียงภาพนิ่งไว้ตกแต่งงานและไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมีวิดีโอพรีเซนเทชั่น เพราะถ้าอยากได้ทั้งภาพนิ่ง วิดีโอพรีเซนเทชั่น แถมด้วยโลเคชั่นถ่ายตามต่างจังหวัดก็ต้องบวกราคาเพิ่มขึ้นไปอีก และแน่นอนว่าถ้าเป็นทีมงานชื่อดังที่มีโปรดักชั่นดีๆ คุณภาพล้นเลนส์อย่างที่ดาราบ้านเราเขาทำกัน แบบนั้นราคาเหยียบหลักแสน (เผลอๆ เป็นล้าน) เชียวนะ

6. ค่าอาหาร ≥ 300 บาท/หัว

อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ของการจัดงานแต่งงาน มีให้เลือกทั้งแบบค็อกเทล บุฟเฟต์ ซิทดาวน์ดินเนอร์ และโต๊ะจีน ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับเมนูอาหาร คุณภาพ และความอร่อยเลื่องชื่อของแคเธอริ่งแต่ละเจ้า แน่นอนว่าถ้าแขกเยอะก็ต้องสั่งเยอะเช่นเดียวกับการ์ดและของชำร่วย

หากว่าเป็นเพียงแค่การเช่าอุปกรณ์ของตกแต่งมาจัดวาง ราคาก็อยู่ที่หลักพันปลายๆ อีกทั้งยังมีค่าดอกไม้ต่างๆ นานา ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสายพันธุ์ที่จะทำให้จำนวนเงินทะลุหลักหมื่นแบบไม่ยากเย็น ส่วนใครที่ไม่มั่นใจในฝีมือและต้องการมืออาชีพ แน่นอนว่านอกจากค่าวัสดุตกแต่งแล้ว ยังมีค่าจ้างของทีมงานบวกเข้าไปอีก แต่ก็นั่นแหละค่ะ แลกมากับความสวยงามและความสบายอกสบายใจ

8. ค่าชุดเจ้าบ่าว – เจ้าสาว ≥ 10,000 บาท

ชุดเจ้าบ่าว – เจ้าสาวมีให้เลือกมากมายหลายราคา ลำพังเพียงแค่ชุดเจ้าบ่าวคงไม่ได้มากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับนางเอกของงานอย่างเจ้าสาวต้องพิถีพิถันกันอยู่พอสมควร ซึ่งราคาเช่าก็มีให้เลือกตั้งแต่หมื่นต้นๆ ไปจนถึง 8-9 หมื่น แต่ถ้าคิดจะตัดมาใส่แล้วเก็บไว้เป็นของตัวเอง เดี๊ยนคงต้องขอบอกว่าราคาทะลุหลักแสนได้เลยนะเธอ

9. ค่าช่างแต่งหน้า – ทำผม ≥ 5,000 บาท

ข้อเท็จจริงที่ว่าที่เจ้าสาวส่วนใหญ่ยังไม่รู้เกี่ยวกับราคาช่างหน้าช่างผมก็คือ คิดราคาเป็นรอบงานเช้า – งานเย็น เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ว่าถ้าคุณมีงบขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000 บาท นั่นหมายความว่าคุณต้องหาช่างที่ราคางานเช้า 2,500 งานเย็น 2,500 ซึ่งเรทราคาขึ้นอยู่กับฝีมือและความโด่งดังของช่างแต่ละคน หรือในบางครั้งราคานี้อาจเป็นเพียงแค่ค่าแต่งหน้าเจ้าสาวอย่างเดียว ไม่รวมค่าทำผมและค่าเพิ่มความหล่อให้เจ้าบ่าว ช่างบางคนอาจเสนอราคาแบบเบ็ดเสร็จหน้า-ผมทั้งงานเช้างานเย็น พร้อมแต่งหน้าทำผมให้เจ้าบ่าว พ่อแม่ และเพื่อนเจ้าสาว ซึ่งราคาก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่พอคิดเลขดีๆ แล้วก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะ

10. ค่าช่างภาพ ≥ 15,000 บาท

ใครที่กำลังมองหาช่างภาพงานแต่งต้องเข้าใจสักนิดว่า ราคาของช่างภาพบางเจ้าคิดเป็นรอบเช่นเดียวกับช่างแต่งหน้า – ทำผม หรือบางเจ้าก็คิดเป็นชั่วโมง เช่น 5 ช.ม., 7 ช.ม., 10 ช.ม. เป็นต้น โดยจำนวนช่างภาพขึ้นอยู่กับราคา และแน่นอนว่าถ้าคุณต้องการทีมช่างภาพแบบฟูลออพชั่น มีทั้งช่างภาพพิธีการ ช่างภาพวิดีโอ และช่างภาพแคนดิด ราคาก็มีสิทธิทะลุหลักแสนต้นๆ ไปจนถึงแสนปลายๆ

รู้หรือไม่ว่าราคาวงดนตรีงานแต่งแปรผันตามจำนวนนักดนตรีและเครื่องดนตรี ในราคาขั้นพื้นฐานไม่เกินหลักหมื่นมักจะเป็นวงดนตรีแบบทรีโอที่บรรเลงเพลงรักเพราะๆ เนิบๆ ฟังสบาย แต่ถ้าอยากได้วงดนตรีแบบครบเครื่อง คุณภาพเท่ากับจัดคอนเสิร์ตราคาก็แพงขึ้นไปอีก เดี๊ยนขอบอกว่าบางวงราคาทะลุหลักแสนก็มีให้เห็น

แจกแจงรายละเอียดราคาขั้นต่ำขององค์ประกอบงานแต่งให้ดูไปเรียบร้อยแล้ว เดี๊ยนบวกคร่าวๆ ให้คุณได้รู้ว่า ถ้าคุณจะแต่งงานทั้งทีก็ควรจะมีงบประมาณขั้นต่ำ 175,500 บาท แต่ต้องบอกก่อนว่าราคานี้ไม่รวมค่าอาหาร ค่าของชำร่วย และค่าการ์ดนะจ๊ะ เพราะสามอย่างที่ว่ามานี้ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกของคุณ ยังไงก็ลองประเมินจำนวนแขกที่จะเชิญแล้วบวกเลขเพิ่มเข้าไปนะคะ

เรื่อง : B2B ขี้เม้าท์

ภาพเปิด : Narakorn Photography