ผนังเบากับการแขวนของหนักๆโดย นิธิพันธ์ วิประวิทย์ แต่ถ้าเกิดต้องการแขวนของหนักมาก ๆ เช่นทีวีเครื่องใหญ่ ๆ หรือเครื่องปรับอากาศ อันนี้ไม่แนะนำให้ฝากความหวังไว้ที่พุกปีผีเสื้อนะครับ ควรจะยึดของหนัก ๆ แบบนี้เข้ากับโครงคร่าวในผนังเพื่อรับน้ำหนักโดยตรง แล้วถ้าผนังทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจะหาโครงคร่าวเจอได้อย่างไร? วิธีง่าย ๆ ให้ลองใช้เข็มเจาะผนังดูครับ ถ้าหากจิ้มไปแล้วทะลุแผ่นยิปซั่มสบาย ๆ แสดงว่าตำแหน่งนั้นไม่มีโครง ก็ลองเจาะที่ระยะ 5 ซม.ถัดไป ถ้าจิ้มแล้วติด ๆ เมื่อไหร่ สันนิษฐานได้ว่ามีโครงคร่าวผนังอยู่ตรงนั้นครับ โดยปกติโครงคร่าวผนังเบาจะมีระยะห่างประมาณทุก ๆ 40 – 60 ซม. ตามตั้งครับ ถ้าหาโครงได้ซักจุดสองจุด ก็สามารถขันสกรูเกลียวปล่อยยึดเข้ากับโครง จะรับน้ำหนักได้ดีกว่าจุดที่ยึดเข้ากับแผ่นยิปซั่มมากมาย ถ้าของหนักมาก ๆ อาจต้องใช้ทั้งพุกปีกผีเสื้อ และการขันสกรูเข้ากับโครงเข้าช่วยกัน ใช้จำนวนจุดยึดมากขึ้นก็มั่นใจได้มากขึ้น และถ้าให้ดี หากช่วงก่อสร้างรู้แล้วว่าจะแขวนของหนัก ๆ ไว้ที่จุดไหน ก็ให้ทำการเสริมโครงบริเวณที่จะแขวนของหนัก ๆ ไว้ตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง จะดีที่สุดเลยครับ เท่านี้ผนังเบาในห้องเรา ก็สามารถแขวนของหนัก ๆ ได้เรียบร้อยแล้ว จากใจ ZmyHome ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ บ้านหรือคอนโดของคนยุคใหม่ ต้องสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกพื้นที่อย่างคุ้มค่าแม้แต่บนผนังก็ด้วยเช่นกัน บ้านรุ่นใหม่มักจะต้องมีการติดงานศิลปะ, กรอบรูปติดผนัง, รูปภาพครอบครัว หรือผลงานเจ้าของบ้านไว้ที่ฝาผนังในห้องรับแขก, ห้องนอน, ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องน้ำ การเจาะ ยึด และแขวนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของบ้านต้องศึกษาให้ดี เพราะผนังที่ไม่ว่าเป็นผนังคอนกรีตทั่วไป, ผนังเบาแบบต่างๆ หรือผนังแบบติดตั้งกระเบื้องผนังห้องน้ำ ถ้าทำไม่ดีก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความเสียหายตามมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่อยากผนังพังจนช้ำใจเพราะการแต่งบ้านลองมาดูเทคนิคการใช้ผนังให้เหมาะสมด้วยการ เจาะ ยึด แขวนอย่างถูกต้อง ดังนี้ 1.เลือกพุกให้เหมาะกับผนัง พุก คือ ตัวรองน็อตที่จะถูกฝังเข้าไปในผนังหลังการเจาะเสร็จสิ้น จะช่วยยึดให้น็อตหรือตัวสกรูติดแน่นกับรูที่โดนเจาะมากยิ่งขึ้น โดยตัวพุกจะมีหลายขนาดและหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานที่หลากหลาย โดยพุกที่ถูกนำมาใช้ในงานเจาะผนังมากที่สุด คือ พุกพลาสติกหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าพุกตัวหนอน เหมาะกับงานเจาะเพื่อแขวนรูปภาพและงานยึดท่อขนาดเล็ก ส่วนพุกคอนกรีตบล็อกจะเป็นแบบคุณภาพขึ้นมาอีกนิดเพราะสามารถรองรับน้ำหนักของสิ่งที่แขวนหรือยึดได้ดีกว่าและมีความแข็งแรงกว่า นอกจากนี้ยังมีพุกคอนกรีตมวลเบาที่ใช้กับเหล่าผนังมวลเบาโดยเฉพาะ, พุกงานยิปซั่ม, พุกเหล็กเพื่องานยึดฝ้า และพุกตะกั่วเพื่องานกลางแจ้งที่จะต้องทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ 2.เลือกวิธีเจาะให้เหมาะกับผนัง ผนังเบาที่ทำมาจากสมาร์ทบอร์ด, ยิปซั่มบอร์ด หรือไฟเบอร์ซีเมนต์ ควรเจาะด้วยสว่านดอกเล็กเพราะเป็นเพียงผนังเบา ไม่จำเป็นต้องใช้ใหญ่มากเพราะผนังเบาจะเสียหายง่าย เพียงเจาะนิดเดียวก็ทะลุได้ง่าย นอกเสียจากเจาะไปโดนแผ่นโครงคร่าว โดยให้เจาะความลึก 5 เซนติเมตร และเว้นระยะห่างจากจุดเดิมประมาณ 40-60 เซนติเมตร ส่วนผนังปูนควรเลือกใช้ดอกสว่านเจาะปูนกับพุกเบอร์ 6 และเบอร์ 7 จากนั้นให้เจาะความลึกเท่ากับความยาวของพุก โดยนำพุกมาวัดกับดอกสว่านและใช้ปากกาหรือสีเมจิกมาขีดเส้นไว้เพื่อให้รู้ระยะในการเจาะที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 3.เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อุปกรณ์ที่ควรเตรียมในการเจาะ ยึด แขวน คือ สว่าน, ดอกสว่าน-ดอกสว่านเจาะปูน, พุกพลาสติก, พุกตะกั่ว หรือพุกที่เหมาะสมกับงานของคุณ นอกจากนี้ให้เตรียมไขควงสี่แฉก, ค้อน, ปากกา และสก็อตเทป รวมไปถึงอุปกรณ์เก็บกวาดหลังการเจาะที่จะมีเศษผนังหล่นลงมาเป็นจำนวนมาก สำหรับห้องน้ำที่มีกระเบื้องผนังห้องน้ำให้ใช้วิธีการเจาะที่เหมือนกับผนังปูน รวมไปถึงการใช้พุกก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่การเจาะกระเบื้องผนังห้องน้ำต้องใช้ความระมัดระวังสูง ไม่ควรกระแทกสว่านหนักจนเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจทำให้กระเบื้องแตกทั้งบานได้ง่าย แต่ควรเจาะเข้าไปลึกกว่าปกติเพราะต้องเจาะให้ผ่านเนื้อกระเบื้องด้วย นอกจากนี้ควรใช้เทปกาวแบบผิวด้านมาติดตรงจุดที่จะเจาะเพื่อป้องกันความลื่นในขณะเจาะ แค่นี้ ก็ปลอดภัย สบายใจได้แล้วแน่นอน |