จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Show
คลื่นฟ้า (อังกฤษ: Skywave) คือ เทคนิคการส่งคลื่นวิทยุข้ามแนวขอบฟ้าของโลก โดยอาศัยคุณสมบัติการสะท้อนคลื่นวิทยุบางย่านความถี่ของบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ โดยปกติ การสื่อสารวิทยุระหว่างสถานีที่อยู่ห่างไกลกันมากๆ จะมีอุปสรรคจากความโค้งของผิวโลก ทำให้สถานีส่งไม่สามารถส่งคลื่นไปยังสถานีรับได้ในแนวตรง, แต่ด้วยคุณสมบัติของบรรยากาศโลกชั้นไอโอโนสเฟียร์ ที่อากาศแตกตัวเป็นประจุไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนคลื่นวิทยุบางย่านความถี่ ทำให้สามารถทำการส่งคลื่นวิทยุไปยังสถานีรับที่ไกลเลยเส้นขอบฟ้า ข้ามประเทศหรือข้ามทวีปได้ โดยอาศัยการสะท้อนจากบรรยากาศชั้นนี้แทน [1] การส่งวิทยุด้วยคลื่นฟ้า จะใช้ได้ดีในช่วงความถี่วิทยุคลื่นสั้น (3 - 30 MHz) จึงนิยมใช้ในสถานีวิทยุคลื่นสั้นทางไกล และใช้ในวงการวิทยุสมัครเล่น, ส่วนวิทยุคลื่นกลาง (300 KHz - 3 MHz) สามารถใช้การส่งผ่านคลื่นฟ้าได้เช่นกัน แต่ทำได้เฉพาะในสภาพบรรยากาศเวลากลางคืนเท่านั้น[1] ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี คลื่นวิทยุ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงความถี่วิทยุ[1] บนเส้นสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นวิทยุไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ใช้ในการสื่อสาร มี 2 ระบบคือ A.M. และ F.M. ความถี่ของคลื่น หมายถึง จำนวนรอบของการเปลี่ยนแปลงของคลื่นในเวลา 1 วินาที คลื่นเสียงมีความถี่ช่วงที่หูของคนรับฟังได้ คือ ตั้งแต่ 20 เฮิรตซ์ ถึง 20 กิโลเฮิรตซ์ (1 KHz = 1,000 Hz) ส่วนคลื่นวิทยุเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง อาจมีตั้งแต่ 3 กิโลเฮิรตซ์ ไปจนถึง 300 กิกะเฮิรตซ์ คลื่นวิทยุแต่ละช่วงความถี่จะถูกกำหนดให้ใช้งานด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ส่วนประกอบของคลื่น[แก้]
ระบบเอเอ็มสื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้าไปกับคลื่นวิทยุเรียกว่า "คลื่นพาหะ" โดยแอมพลิจูดของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นความถี่ของการซอย ในการส่งคลื่นระบบเอเอ็ม สามารถส่งได้ทั้ง "คลื่นดิน" ซึ่งจะเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงขนานกับผิวโลก และ "คลื่นฟ้า" ซึ่งจะไปสะท้อนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์แล้วสะท้อนกลับลงมา จึงไม่ต้องใช้สายอากาศตั้งสูงรับ ระบบเอฟเอ็มสื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้ากับคลื่นพาหะ โดยความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ในการส่งคลื่นระบบเอฟเอ็มส่งคลื่นได้เฉพาะคลื่นดินอย่างเดียว ถ้าต้องการส่งให้คลุมพื้นที่ต้องมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับต้องตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับคลื่นด้วย เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ เป็นผู้ค้นพบระหว่างการตรวจสอบทางคณิตศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1865 จากการสังเกตคุณสมบัติของแสงบางประการที่คล้ายกับคลื่นและผลการเฝ้าสังเกตกระแสไฟฟ้าและแม่เหล็ก จึงนำเสนอสมการที่อธิบายคลื่นแสงและคลื่นวิทยุในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เดินทางในอวกาศ ปี ค.ศ. 1887 เฮนริค เฮิร์ตซ ได้สาธิตสมการของแมกซ์เวลล์ว่าเป็นความจริงโดยจำลองการสร้างคลื่นวิทยุขึ้นในห้องทดลองของเขา หลังจากนั้นก็มีสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย และทำให้เราสามารถนำคลื่นวิทยุมาใช้ในการส่งข้อมูลผ่านห้วงอวกาศได้ นิโคลา เทสลา บิดาแห่งวงการวิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้า เป็นผู้ประดิษฐ์และค้นพบสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ เครื่องวัดความเร็วติดรถยนต์ การกระจายเสียงผ่านวิทยุ และวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า กูลเยลโม มาร์โกนี เป็นผู้ให้กำเนิดวิทยุโทรเลข นิโคลา เทสลา และกูลเยลโม มาร์โกนี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประดิษฐ์ระบบที่นำคลื่นวิทยุมาใช้ในการสื่อสาร การทำงานของเครื่องรับวิทยุมีอยู่หลายแบบ โดยมีการทำงานตั้งแต่ง่าย ๆ ไม่ซับซ่อน จนถึงซับซ้อนมาก และแบบที่ซับซ้อนมากก็ต้องมีความสามารถในการรับสัญญาณได้ดีกว่าด้วย แต่บทความนี้จะกล่าวถึงเครื่องรับวิทยุที่ใช้กันในวงการ R/C จะเป็นแบบที่เรียกว่า Super Heterodyne เพื่อไม่ให้บทความยาวเกินไป การรับคลื่นวิทยุ[แก้]วิทยุจะแยกเอาสัญญาณคลื่นเสียงออกจากคลื่นพาหะ แล้วขยายสัญญาณเสียงให้มีพลังงานมากขึ้น ส่งเข้าสู่ลำโพงเสียง นิโคลา เทสลา และกูลเยลโม มาร์โกนี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประดิษฐ์ระบบที่นำคลื่นวิทยุมาใช้ในการสื่อสาร[1][2] [3] สำหรับชื่อคลื่นวิทยุความถี่ จำนวนความถี่ การใช้งานในประเทศไทย มีดังนี้
การเรียกขนาดของความถี่ บางครั้งอาจเรียกตามความยาวคลื่น ซึ่งหาได้จากความเร็วคลื่นหารด้วยความถี่ เช่น คลื่นวิทยุเอฟเอ็ม ความถี่ 100 MHz ความยาวคลื่นจึงเท่ากับ 3 เมตร การทราบขนาดความยาวคลื่นมีประโยชน์สำหรับการเลือกรับคลื่นวิทยุต่าง ๆ เนื่องจากบางครั้งจะเรียกคลื่นวิทยุตามความยาวคลื่น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์สำหรับการเลือกใช้ขนาดแผงสายอากาศที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไป แผงสายอากาศจะใช้ขนาดประมาณ 1 ใน 4 ของความยาวคลื่น วิทยุเอเอ็มและเอฟเอ็ม หมายถึงระบบการผสมคลื่นเสียงเข้ากับคลื่นวิทยุ ดังนี้
คลื่นวิทยุ: สายอากาศ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
http://region4.prd.go.th/techno_it/index.php?option=com_content&view=article&id=42:2009-12-21-07-38-08&catid=54:2009-12-14-06-28-10&Itemid=13[ลิงก์เสีย] ความถี่ในย่าน MF คลื่นความถี่จะแพร่จายออกไปในลักษณะใดรูปแบบการแพร่กระจายคลื่นของสายอากาศ ส่งผลต่อการลดทอนสัญญาณ สายอากาศที่มีการแพร่กระจายคลื่นแบบ Vertical polarisation จะมีการลดทอนน้อยกว่า การแพร่กระจายคลื่นแบบ horizontally polarisation บางครั้งอาจจะดี มากกว่า 10 dB วิทยุกระจายเสียงในย่าน MF (วิทยุ AM) จะใช้การแพร่กระจายคลื่นแบบ Vertical polarisation แต่ว่าโครงสร้างของ ...
ย่านความถี่ใดเหมาะแก่แพร่กระจายคลื่นแบบคลื่นดิน(Homogenous media) และคลื่นส่วนหนึ่งสามารถแพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศและเกิดผล กระทบในระบบการสื่อสารต่างๆ มากมาย แสดงดังภาพที่ 4.1 ส่วนใหญ่ความถี่ที่ใช้งานที่มีการ แพร่กระจายของคลื่นดินอยู่ในช่วงความถี่ตั้งแต่ 3 kHz ถึง 30 MHz ซึ่งได้แก่ ย่านความถี่ต่ำมาก (VLF) ย่านความถี่ต่ำ (LF) และย่านความถี่ปานกลาง (MF) เป็นต้น โดย ...
การส่งคลื่น FM ใช้การแพร่กระจายคลื่นแบบใดระบบเอฟเอ็มสื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้ากับคลื่นพาหะ โดยความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ในการส่งคลื่นระบบเอฟเอ็มส่งคลื่นได้เฉพาะคลื่นดินอย่างเดียว ถ้าต้องการส่งให้คลุมพื้นที่ต้องมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับต้องตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับคลื่นด้วย
คลื่นวิทยุแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้างคลื่นวิทยุมีกี่ประเภท อะไรบ้าง. 1. Low Frequency (LF) ... . 2. High Frequency (HF) ... . 3. Ultra High Frequency (UHF) ... . 4. Microwave Frequency.. |