3. มาเริ่มใส่ข้อมูลสำคัญกันเลย ข้อมูลที่เราต้องกรอกก็มีเพียงแค่ไม่กี่ช่องเท่านั้นครับ ผมได้ทำช่องให้เป็นสีเหลือไว้ให้แล้ว ถ้าช่องไหนไม่ใช่สีเหลืองก็ปล่อยเลยไม่ต้องไปทำอะไรทั้งนั้นครับ ไปเร่ิมใส่ข้อมูลพร้อมกันเลยครับ! Sheet : สรุป ส่วนที่ 1 ใส่ยอดหนี้คงเหลือปัจจุบัน ซึ่งสามารถดูจาก สลิปผ่อนบ้านเดือนล่าสุด ในแอพพลิเคชั่นของธนาคาร หรือสอบถามทางธนาคารก็ได้ ส่วนที่ 2 อัตราดอกเบี้ยหลังครบ 3 ปี ของสินเชื่อเดิม อันนี้ถ้าผ่อนมาเกิน 3 ปีแล้ว หลายธนาคารก็สามารถดูได้ในแอพพลิเคชั่นของธนาคารที่เราผ่อนบ้านอยู่ได้เลยครับ หรือดูจากใบเสร็จได้เลยครับว่าธนาคารคิดดอกเบี้ยเท่าไหร่ (ถ้าในสลิปไม่ได้บอก หรือคนที่ยังไม่ครบ 3 ปี ดูจากสัญญากู้ก็ได้ครับ) ในส่วนที่ 2 นี้ผมขอเน้นนะครับว่าให้ดูดอกเบี้ยหลังครบสัญญา 3 ปี แล้ว บางคนยังไม่ครบสัญญาแล้วนำดอกเบี้ยปัจจุบันมาเทียบแบบนี้จะไม่ถูกต้องครับ หากเราต้องการคำนวณว่าจะประหยัดได้เท่าไรถ้าเราครบกำหนดแล้วรีไฟแนนซ์ ส่วนที่ 3 ในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลของธนาคารใหม่ที่เราสนใจจะย้ายไปครับ โดยให้เราเอาดอกเบี้ย ปีที่ 1, 2, 3 และ ดอกเบี้ยบ้าานหลังจากปีที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งโดยปกติแต่ละธนาคารจะมีเขียนชี้แจ้งรายละเอียดดอกเบี้ยไว้อยู่แล้วครับ แต่จุดนี้ก็มีหลายคนที่หลงอยู่เยอะครับ บางคนมองแค่โปรดอกเบี้ยที่เขาเอามาโปรโมท ดอกเบี้ยน้อยๆ เพราะเอาแค่ดอกเบี้ยปีแรกมาโชว์ จนรู้สึกว่าถูกและไม่ได้มาดูดอกเบี้ยแยกแต่ละปี ก็ทำให้พลาดกันมาหลายคนแล้วครับ หากใครยังงงๆ ให้ดูภาพประกอบได้เลยครับ ? Sheet : ดอกเบี้ยบ้านธนาคารปัจจุบัน หลังจากที่เรากรอกหน้าสรุปเสร็จแล้วเราก็มาต่อกันที่ ชีทดอกเบี้ยบบ้านธนาคารปัจจุบัน กันครับ โดยในหน้านี้กรอกข้อมูลเพียงช่องเดียวเท่านั้นครับนั้นก็คือ ยอดผ่อนต่อเดือนของธนาคารปัจจุบัน แต่คุณจำเป็นต้องดูข้อมูลช่องนี้ดี ๆ นะครับ ยอดผ่อนนี้จะต้องเป็นยอดผ่อนหลังจากครบ 3 ปีแล้วนะครับ เพราะบางธนาคารที่เราผ่อนมา 3 ปีแรกจะให้เราผ่อนถู หลังจากปีที่ 3 เป็นต้นไปจะเป็นยอดผ่อนที่แท้จริงครับ ซึ่งยอดผ่อนนี้สามารถดูได้จากตัวสัญญากู้ซื้อบ้านเลยครับ และหลังจากกรอกข้อมูลแล้วเราจะเห็นดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายไปแต่ละเดือนเลยครับ เห็นดอกเบี้ยแล้วน้ำตาอาจจะไหลได้เลยครับ (T-T) Sheet : ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน มาถึงชีทสุดท้ายกันแล้วครับ นี้ก็กรอกข้อมูลอีกนิดเดียวโดยข้อมูลที่ต้องกรอก คือ ยอดผ่อนต่อเดือน แต่ในชีทนี้จะแยกละเอียดกว่าชีทดอกเบี้ยบ้านธนาคารปัจจุบันครับ เพราะเวลาที่เรารีไฟแนนซ์ไปที่ใหม่ ยอดผ่อนก็อาอจจะมีปรับลดลงตามยอดหนี้บ้านที่ลดลง หรือบางคนอาจจะเลือกผ่อนน้อย 3 ปีแรกได้เช่นกันซึ่งแต่ละปีก็อาจทำให้ยอดผ่อนนั้นไม่เท่ากันครับ ทีนี้หากเราต้องการที่จะทำการเปรียบเทียบระหว่าง 2 โปรโมชั่น ผมก็แนะนำให้เรายึดเลขผ่อนเดียวกับหน้าชีทดอกเบี้ยบ้านธนาคารปัจจจุบันเลยครับ ใส่ไปทั้ง 4 ปี เลย เพราะถ้าเรากรอกยอดผ่อนที่ต่างกันก็อาจจะทำการการคำนวณเรื่องความประหยัดคลาดเคลื่อนได้ครับ แล้วดูยังไง ว่ารีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนคุ้มที่สุด? ??หลังจากที่เรากรอกข้อมูลครบทุก Sheet แล้วก็ให้กลับมาที่หน้าสรุปครับ ผมได้ผูกสูตรคำนวณไว้ให้แล้วตรงที่ผมวงกลมสีแดงไว้ให้ตามภาพด้านล่างเลยครับ อันนี้จะเป็นการบอกว่าถ้าเรารีไฟแนนซ์ไปแล้วจะช่วยให้เราประหยัดเงินได้กี่บาท แล้วเราก็ค่อย ๆ ทำเปรียบเทียบไปทีละธนาคารครับ และขอย้ำว่ายอดเงินที่ประหยัดตรงนี้เป็นยอดประหยัด 3 ปี เท่านั้นนะครับ ข้อมูลในชีทนี้ทั้งหมดก็คำนวณเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นครับ เพราะผมมองว่าเราควรทำการลดดอกเบี้ยบ้านทุก 3 ปี ครับเพื่อที่เราจะสามารถประหยัดได้เยอะที่สุด ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564 ปิดบัญชีเงินกู้บ้าน ธ.ออมสิน หลังจากผ่อนมาราธอน 12 ปีด้วยกัน!ไปชมคลิปด้านล่างครับ หรือคลิกที่ Link นี้ https://bit.ly/3xCjvUh หมดยุคเว็บเพจแล้ว! เจอกันที่ youtube ในคลิป http://bit.ly/2lXimGI สอบถามมาในคอมเม้นท์ ถ้ามีเวลาผมจะพยายามไปตอบนะครับ อ้อ รบกวนกดติดตามช่องให้ด้วยนะครับ ถือว่า Take แล้ว ก็ต้อง Give ด้วย What's New? New version V.5.0G is available now !! <Latest updated on Sep 9, 2019 at 02.18 a.m.>
คลิปสอนการใช้งานโปรแกรมนี้(รบกวนกดติดตามช่อง Youtube ให้ด้วยครับ) 1. เปลี่ยนไฟล์ให้อยู่ในเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Microsoft Office 2016, เพิ่มกราฟเพื่อแสดงยอดเงินต้นคงเหลือ, ดอกเบี้ยและเงินต้นที่จ่ายในแต่ละเดือน, กราฟเปรียบเทียบหลายสถาบันการเงินกรณีรีไฟแนนซ์ (Updated at 02.18 a.m. on Sep 9, 2019) แผนภูมิแสดง เงินต้น ดอกเบี้ย และเงินต้นคงเหลือ เพื่อเห็นภาพรวมการผ่อนบ้านของเราได้มากขึ้น อัตราดอกเบี้ยในวันที่ไม่ตรงกับวันที่ชำระเงินงวดก็ได้(เพิ่มคอลัมน์สีเหลืองมาให้ใส่วันที่มีการเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย)รบกวนเพื่อนๆที่ผ่อนกับธอส. ทดสอบว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ โดยสามารถลองตัวโปรแกรมใหม่ในแท็บ 2 "คำนวณผ่อนบ้านแบบ ธอส.(Updated)" ตามรูปที่แนบมานี้ด้านบน** (Updated at 10.41 p.m. on Sunday October 19, 2014!!)3.ดูการอัพเดทสถานะการชำระเงินงวด ผ่อนบ้าน ธ.ออมสิน เป็นตัวอย่าง เทียบกับโปรแกรม Excel ที่ทำขึ้นมา ได้ทุกๆงวด ขอถือฤกษ์เปลี่ยนชื่อบทความเพื่อให้ทันสมัยและช่วยเหลือคนที่เป็นหนี้บ้านกันต่อไปครับ (ชื่อบทความเก่า : ถือฤกษ์งามยามดี ในวันได้บ้านใหม่ & วันปลดหนี้ เลยมอบโปรแกรมคำนวณเงินกู้ผ่อนบ้านมาให้เพื่อน)** **เพิ่มขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านและตัวอย่างเอกสารของจริง ณ วันทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดิน คลิก link นี้ -> http://athlons.blogspot.com/p/blog-page_50.html ** โปรแกรมคำนวณเงินกู้ผ่อนบ้าน (New version is available now Ver.5.0G) เกริ่นนำกันก่อนครับ ผมได้เข้ามาอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้บ้านตั้งแต่เดือนเมษายน 2548 ถึงวันนี้(30 พย. 2556) ก็ 9 ปีแล้วครับ ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ผ่านการกู้เงินซื้อบ้าน 2 หลัง(หลังที่ 2 ไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นเพราะต้องช่วยเหลือทางครอบครัว), เคยรีไฟแนนซ์ 2 ครั้ง หลังละ 1 ครั้ง, ขายบ้านหลังแรกไป 1 หลัง เคยจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะเนื่องจากถือครองไม่ครบ 5 ปี, เป็นลูกหนี้ทั้ง ธอส. และ ธ.ออมสิน หลังละ 1 ธนาคาร แบบเริ่มกู้ครั้งแรกจากธอส. และมารีไฟแนนซ์ไปธ.ออมสิน, เดินเข้าออกธนาคารมากกว่า 5 ธนาคารเพื่อขอสินเชื่อสำหรับบ้านครั้งที่ 2, เจอธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดและ TMB ปฏิเสธสินเชื่อของบ้านหลังที่ 2, ประเมินบ้านหลายธนาคารพร้อมกัน, ไปสำนักงานที่ดิน 5 ครั้งด้วยกันจากการทำนิติกรรมซื้อขายจำนองที่ดิน ฯลฯจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ได้ทราบได้รู้ในหลายๆเรื่อง และได้สงสัยการคิดดอกเบี้ยจนได้สอบถามการคำนวณจากเจ้าหน้าที่อย่างลึกซึ้ง จนเป็นที่มาของโปอรแกรมการคิดคำนวณดังกล่าวนี้ แต่การได้สัมผัสทั้ง 2 ธนาคาร ทำให้ทราบว่าแต่ละธนาคารนั้น มีการคิดคำนวณดอกเบี้ยไม่เหมือนกันอย่างมีนัยยะทีเดียว จึงเป็นที่มาให้ผม update หน้าเพจอีกครั้ง โดยจะมีการแยกการคำนวณดอกเบี้ยของแบบธอส. และแบบธนาคารออมสินไว้
ผมเองก็จ่ายเงินงวดผ่อนบ้านไปตามปกติแหล่ะครับ แต่ผ่านไปแต่ละปี เงินงวดมันเพิ่มขึ้นเพราะว่า ดอกเบี้ยที่ทำการตกลงกับธอส.ไว้นั้นเป็นแบบขั้นบันได คือ 3, 4, 5 % ต่อปี ใน 3 ปีแรก และพอหมด 3 ปีก็จะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว คราวนี้มีการขอลดดอกเบี้ยด้วย พอเดือน 8 ได้รับใบเสร็จมาเช็คดูความถูกต้อง ถึงกับอึ้งเลยครับ เพราะใบเสร็จในเดือน 8 ระบุวันที่จ่ายคือวันที่ 25-08-51 จ่ายเงินงวดไปทั้งสิ้น 20,200 บาท(ผมตัดบัญชีเงินเดือนและได้ใบเสร็จส่งมาทีหลังที่บ้าน ส่งมาช้ากว่า 1 สัปดาห์หลังจากจ่ายไปแล้ว) แต่ในใบเสร็จบอกว่า ตัดส่วนที่เป็นดอกเบี้ยไป 20,200 บาท ไม่มีเงินเหลือไปตัดเงินต้นเลย มิหนำซ้ำยังมีดอกเบี้ยคงเหลืออีก 8,751.60 บาท!!!(ตามกรอบสีแดง) ผมก็เลยไม่นิ่งนอนใจ โทรไปแจ้งจนท.ทางสาขาถึงสิ่งผิดปกติ เขารับเรื่องไว้ และจะส่งเรื่องต่อไป ผมก็สบายใจมานิดหนึ่ง แต่พอเวลาผ่านไป 1 เดือน มาดูใบเสร็จเดือน 9 ซึ่งมันก็เป็นเหมือนเดิม!!! คือเงินงวดทั้ง 19,000 บาท(ผมทำเรื่องขอลดดอกเบี้ยเงินงวดเลยลดลง) ไปตัดดอกเบี้ยทั้ง 19,000 บาท!!! ไม่มีเงินเหลือไปตัดเงินต้นเลย และก็ยังมีดอกเบี้ยคงค้างอยู่อีก 3,394.88 บาท!!! และอีกเดือนคือเดือน 10 แม้ว่าจะมีเงินไปตัดเงินต้น แต่ก็ยังไม่ถูกอยู่ดี ความผิดพลาดจากธนาคารทั้งหมดนี้ ทำให้ผมตัดสินใจลองทำโปรแกรม excel ขึ้นมาดู เพื่อที่จะตรวจสอบการคำนวณดอกเบี้ยว่าถูกต้องหรือไม่ ผมจะไม่เชื่อการคำนวณจากฝั่งของธนาคารแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะแม้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์คำนวณออกมา มันก็เกิด error ความผิดพลาดขึ้นได้ จึงเป็นที่มาของการทำโปรแกรมนี้ครับ วิธีการใช้งานโปรแกรม excel นี้ โปรแกรมนี้จะแบ่งออกเป็น 4 sheets ด้วยกัน แยกได้ดังนี้ 1.คำนวณเงินงวด 2.คำนวณผ่อนบ้านแบบ ธอส. 3.คำนวณผ่อนบ้านแบบ ธ.ออมสิน 4.เปรียบเทียบหลายธนาคาร
ดังนั้น เงินงวดในปีแรกจึงออกมาเป็น 4,100 บาท/เดือน ซึ่งตรงตามความเป็นจริงตามใบเสร็จของจริงด้านล่าง ใบเสร็จรับเงิน แจ้งเงินงวดหรือยอดชำระต่อเดือน 4,100 บาท
ข้อมูลที่ต้องป้อนคือ 1.วันที่เริ่มทำสัญญา = 3 เม.ย. 52 2.อัตราดอกเบี้ย = 4.75 % (ตามความเป็นจริงไม่ต้องบวก 1 เพิ่มแต่อย่างใด) 3.วันที่ชำระงวดแรก = วันที่ 25 พ.ค. 52 4.เงินส่งต่องวด = 4,100 บาท เมื่อใส่ข้อมูลจนครบ จะพบว่า ในวันที่ 25 พ.ค. 52 จะต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ย = 2,459.59 บาท และได้กราฟดังข้างบน กล่าวคือ ถ้าผ่อนชำระด้วยอัตราแบบนี้ทั้งเงินงวดและดอกเบี้ย ก็จะไปสิ้นสุดที่เดือนที่ 274 ครับ จากใบเสร็จที่ผมไปชำระด้านบน แม้ว่าไปชำระเพียง 713 บาท และชำระวันที่ 23 พ.ค. 52 ก็ตาม แต่ดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็เท่ากับ 713 + 1746.59 = 2,459.59 บาท ซึ่งเท่ากันเป๊ะๆกับโปรแกรมด้านบนที่คำนวณให้ไว้ครับ
สมมติว่าชำระไม่เกินวันที่ทำสัญญาในแต่ละเดือนนะครับ ยกตัวอย่างของจริงสำหรับบ้านหลังที่ 2 ที่ผมรีไฟแนนซ์ไปธนาคารออมสินดังนี้ครับ ทำสัญญาในวันที่ 17 เม.ย. 55 แล้วพอสิ้นเดือนเม.ย. 55 คือวันที่ 28 เม.ย. 55 ก็ไปชำระแล้ว(ในที่นี้ชำระตรงกับเงื่อนไขคือ ชำระก่อนวันที่ 17 ของเดือนถัดไปคือเดือนพ.ค. 55) ดอกเบี้ยก็จะคิดจากวันที่ 17 เม.ย. 55 ถึงวันที่ 28 เม.ย. 55 รวมเป็น 11 วัน ก็จะต้องชำระดอกเบี้ย = อัตราดอกเบี้ย / 100 * 11 วัน / 365 * ยอดเงินต้นจากวันที่ 17 เม.ย. 55 = 3.45 / 100 * 11 / 365 * 579,000 = 602 บาท ตามโปรแกรมที่คำนวณออกมาด้านล่าง เมื่อใส่ข้อมูลจนครบ จะพบว่า ในวันที่ 28 เม.ย. 55, 25 พ.ค. 55, 22 มิ.ย. 55 และ 25 ก.ค. 55 จะต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ย = 602 บาท, 1,466.93 บาท, 1,512.44 บาท และ 1,772.26 บาท ตามลำดับ และได้กราฟดังข้างบน กล่าวคือ ถ้าผ่อนชำระด้วยอัตราแบบนี้ทั้งเงินงวดและดอกเบี้ย ก็จะไปสิ้นสุดที่เดือนที่ 148 ครับ เรามาลองดูข้อมูลในใบเสร็จจริงๆว่า ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือน เม.ย., พ.ค., มิ.ย. และ ก.ค. 55 นั้นเท่ากับในตัวโปรแกรมที่คำนวณมาหรือไม่ ซึ่งผมแสดง 4 ใบเสร็จด้วยกัน โดยชำระวันที่ 28 เม.ย. 55, 25 พ.ค. 55, 22 มิ.ย. 55 และ 25 ก.ค. 55 ตามลำดับดังนี้ใบเสร็จวันที่ 28 เม.ย. 55 ดอกเบี้ย = 602 บาท ใบเสร็จวันที่ 25 พ.ค. 55 ดอกเบี้ย = 1,466.93 บาท ใบเสร็จวันที่ 22 มิ.ย. 55 ดอกเบี้ย = 1,512.43 บาท ใบเสร็จวันที่ 25 ก.ค. 55 ดอกเบี้ย = 1,772.26 บาท โดยจะพบว่า ทุกเดือนดอกเบี้ยที่คำนวณได้ ตรงกับใบเสร็จที่คิดดอกเบี้ยจริง จะมีเฉพาะวันที่ 22 มิ.ย. 55 ที่ผิดไปจากใบเสร็จจริงแค่ 0.01 บาทเท่านั้น ซึ่งเกิดจากการปัดเศษทศนิยม ดังนั้น โปรแกรมนี้แม่นยำเที่ยงตรงยอมรับได้ครับ ง่ายดายมั้ยครับ
บ้านหลังที่ 2 ที่กำลังกู้ธอส.อยู่ ใกล้ครบ 3 ปีในช่วงเดือนเมษายน 55 ที่จะถึงแล้ว ผมเลยหาธนาคารที่จะรีไฟแนนซ์ หาหลายธนาคารแค่ดูดอกเบี้ยคร่าวๆก็รู้แล้วว่า ธ.ออมสินนั้นยังคงความคุ้มค่าอีกเช่นเคย ช่วงนั้นเขาออกดอกเบี้ย 3.45% คงที่ 3 ปี ซึ่งถือว่าคุ้มมาก ซึ่งคำนวณคร่าวก็รู้ว่าถูกอยู่แล้วไม่ต้องใส่สูตรอะไร เพราะดอกเบี้ยของธอส.ตอนนั้นมาลอยตัวมาถึง 5.25% แล้ว แพงมากๆ คราวนี้เลยลองเข้าสูตรดูครับว่าจะประหยัดไปได้กี่บาท อย่าลืมว่า นอกจากดอกเบี้ยที่ถูกลงแล้ว เราต้องดูค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรีไฟแนนซ์ด้วยนะครับ เพราะถ้ารวมไปแล้ว และดูในระยะเวลา 3 ปี บางทีผลลัพธ์อาจออกมาไม่คุ้มก็ได้ครับ งั้นลองมาดูกัน ผมขอเริ่มจากค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ก่อนนะครับ สำหรับกรณีผมรีฯ จากธอส.ไปธ.ออมสิน มีค่าใช้จ่าย 3 ฝ่ายหลักๆ คือ 1.ค่าธรรมเนียมจากธนาคารต้นทาง 2.ค่าธรรมเนียมจากธนาคารปลายทาง 3.ค่าธรรมเนียมจากสำนักงานที่ดิน 1.ค่าธรรมเนียมจากธนาคารต้นทาง ---> ธอส. 1.1 ค่าทำนิติกรรมจากธอส. = 800 บาท 2.1 ค่าบริการสินเชื่อ = 1,000 บาท 2.2 ค่านิติกรรมสัญญา = 1,000 บาท 2.3 ค่าตรวจหลักประกัน = 1,000 บาท 2.4 ค่าประกันอัคคีภัย = 2,192.50 บาท 2.5 ค่าอากรแสตมป์ = 5 บาท 3.ค่าธรรมเนียมจากสำนักงานที่ดิน 3.1 ค่าธรรมเนียมต่างๆ(ค่าจดจำนอง + อื่นๆ) = 5,790+75+25+20+20 = 5,930 บาทรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้ของผม = 11,927.50 บาท A) นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาใส่ช่องตรงกลางตัวอักษรสีส้ม ที่เขียนว่า "ค่าใช้จ่ายต่างๆในการรีไฟแนนซ์ไปธนาคาร 1" ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราจะไม่ทราบตัวเลขแบบนี้เป๊ะๆนะครับ ประมาณการไปก่อนครับ เพราะยังไม่ได้เสียเงินจริง แค่จะประเมินคร่าวๆก่อน B) ในส่วนของเงินส่งต่องวด ให้เราใส่จำนวนเงินงวดของธนาคารเดิมไปก่อนครับ เพื่อจะได้เปรียบเทียบกันได้ ส่วนของธนาคารอื่นๆ ผมจะให้มันเท่ากับเงินงวดของธนาคารเดิมไม่งั้นถ้าไม่เท่ากันจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ครับ ในที่นี้คือ 4,100 บาท / เดือน
D) อัตราดอกเบี้ย ใส่ข้อมูลดอกเบี้ยจริงของธนาคารปัจจุบัน(5.25%) ไปอีก 3 ปี และของธนาคารที่จะรีไฟแนนซ์ไปคือธนาคารออมสิน(3.45%) ไปอีก 3 ปี สุดท้าย เราจะได้เห็นตัวเลขที่คอลัมน์ "ผลต่างดอกเบี้ย" ช่วงเดือนแรกคือเดือนที่ 1 จะติดลบ 11,070.90 บาท แต่ถ้าธนาคารที่เลือกจะรีไฟแนนซ์ไปคุ้มค่าจริง เมื่อผ่านไปหลายๆเดือนเราจะเห็นตัวเลขในคอลัมน์นี้ติดลบน้อยลง จนในที่สุดจะกลับมาเป็นตัวเลขบวกครับ ในตัวอย่างที่แสดงจะกลับมาเป็นบวกที่เดือน 14 ได้ 246.98 บาท และพอครบ 3 ปีก็จะได้ตัวเลขบวกที่ 19,359.62 บาท นั่นหมายความว่า ถ้าเลือกธนาคารออมสินด้วยอัตราดอกเบี้ยนี้ ผู้รีไฟแนนซ์จะประหยัดดอกเบี้ยไปทั้งสิ้น 19,359.62 บาท ควรเลือกรีไฟแนนซ์แทนที่จะใช้บริการธนาคารเดิมครับ!!! โปรแกรมนี้ผมทำขึ้นมาเอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักอยู่ 2 ประการคือ 1.เพื่อเป็นเครื่องมือให้เราได้บริหารเงินที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เวลาไหนควรผ่อนปกติ เวลาไหนควรโปะ และถ้าโปะด้วยเงินเท่านี้ จะเหลือระยะเวลาผ่อนอีกกี่ปี 2.เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าในหลายๆสถาบันการเงิน กรณีให้ดอกเบี้ยมาแตกต่างกัน จะได้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจว่าสถาบันการเงินแบบไหนที่เลือกกู้ หรือรีไฟแนนซ์ไปแล้วจะคุ้มค่าสุดสุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านได้ประโยชน์จากโปรแกรมชุดนี้นะครับ ข้อสำคัญ การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐรองจากการไม่มีโรคภัยใดๆนะครับ |