การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกครัวเรือนและธุรกิจ อย่างน้อยทุกคนจะต้องใช้อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า Router พวกมันมีแบบที่ใช้สาย และไร้สาย แต่ละอย่างมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้งานต้องมองดูถึงคุณสมบัติ และความเหมาะสมกับองค์กรที่จะนำมาใช้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนเหมาะกับเรา และมีอะไรที่เราควรต้องรู้อีกบ้างเกี่ยวกับเจ้า Router
ก่อนที่จะมี Router Wireless เราทุกคนล้วนใช้แบบมีสายหรือ Wired Routers มาก่อนทั้งนั้น หลักการทำงานคือการเชื่อมต่อผ่านสาย LAN เข้ากับอุปกรณ์ Modem เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบ นอกจากนี้มันยังทำหน้าที่คล้ายกับ HUB ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ภายในหน่วยงานได้อีกด้วย ในส่วนของ Wireless Routers เป็นการทำงานผ่านคลื่น Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่อกับ ISP จึงไม่จำเป็นต้องเชื่อมสาย Lan ระหว่าง Routers ไปยังคอมพิวเตอร์
การเชื่อมต่อแบบไร้สายช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ใช้ภายในบ้าน เพียงใส่รหัสผ่านที่ตั้งเอาไว้ก็พร้อมจะเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เน็ตได้ในทันที เมื่อเราพูดถึงประสิทธิภาพของทั้งสองประเภทนี้แล้ว Wired Routers มีประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัยมากสุด โดยมีแบนด์วิดธ์ตั้งแต่ 10 จนถึง 1000 Mbps เมื่อเทียบกับ Router Wireless ที่ต้องพึงพาตัวรับส่งสัญญาณ คุณภาพของสัญญาณจึงขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ของทั้งฝ่ายรับ และฝ่ายส่งสัญญาณ ทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้อยกว่ามาก รวมถึงปัจจัยด้านระยะทาง ยิ่งห่างออกจากตัวส่งสัญญาณเท่าไหร่คุณภาพยิ่งลดลงเท่านั้น
ในด้านของความปลอดภัย Wired Routers ถือเป็นอุปกรณ์เน็ตเวิร์คที่มีความปลอดภัยสูงสุดในบรรดาอุปกรณ์กลุ่มเดียวกัน ในขระที่ Wireless Routers สามารถถูกดักจับการสื่อสารไร้สายได้ขณะที่มันเดินทางไปมาระหว่างอุปกรณ์ แต่ในขณะที่มันไม่สามารถส่งสัญญาณได้ไกลมากนัก จึงไม่ได้อันตรายอย่างที่หลายคนคิด สิ่งที่น่ากังวลคือระบบ Firewall ของตัว Routers เองมากกว่า สิ่งที่ควรทำคือการตั้งค่า Firewall ให้ถูกต้องแค่นี้ระบบภายในของเราก็จะปลอดภัยจากผู้บุกรุกแล้ว
ในการเปรียบเทียบความง่ายในการติดตั้งระหว่าง Wired Routers กับ Wireless Routres ควรคำนึงถึงตัวเลือก ความสะดวกในการติดตั้งมากที่สุด Wired Routers จะต้องพึงพาสาย LAN เป็นหลักในการสร้างเครือข่ายดังนั้นห้องจะต้องเดินสายไฟระหลายสิบเมตรระหว่าง Routers ไปยังคอมพิวเตอร์ บางสำนักงานเลือกที่จะเดินไล่สายตามพื้น ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมักเลือกวางสายไว้บนเพดาน หากคุณต้องการใช้งานที่บ้านกับสมาชิกครอบครัว 3 – 4 คน Wireless Router เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ เนื่องจากไม่ต้องเดินสายให้ปวดหัวเพียงแค่เสียบปลั๊กก็พร้อมใช้งานได้ทันที
อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีหลายอย่าง แต่ที่เรารู้จักกันดีสุดก็คือ Router ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความครอบคลุมมากที่สุด ช่วยให้เราเข้าถึงอินเตอร์เน็ต สร้างเครือข่าย LAN ได้ในเวลาเดียวกัน ในขณะอุปกรณ์อื่น ๆ อย่าง Modem ช่วยให้เราต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตได้เพียงอย่างเดียว วันนี้เราจะพามาดูกับแบรนด์ยอดนิยมที่คนไทยเรานิยมซื้อมาใช้มากที่สุด จะมียี่ห้ออะไรกันบางที่คุ้นหูคุ้นตา ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยครับ
Asus
Asus ถือเป็นยีห้อที่มีชื่อเสียงในบ้านเราเป็นอย่างมา ที่เราเห็นสินค้าชัด ๆ ก็อย่างโน๊ตบุ๊ค จอคอมพิวเตอร์ มือถือ ที่สำคัญคืออุปกรณ์ทางด้านเน็ตเวิร์คที่ตอนนี้พวกเขาพัฒนาไปไกลจนสร้าง เร้าเตอร์ไร้สายความเร็ว 10 Gigabit ได้เป็นเจ้าแรกของโลก เรียกว่าเอาชาวเกมเมอร์ต้องเนื้อเต้นเป็นแถว แต่น่าเสียดายที่บ้านเรายังมีเน็ตไม่เกิน 1 Gigabit เลยด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามคนไทยเราชอบของใหม่ ๆ เลือกให้ Asus เป็นยี่ห้อที่ได้รับความไว้วางใจในประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องสงสัย
TP-link
บริษัทออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเน็ตเวิร์คโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมานานมาก และเป็นที่คุ้นหูกว่ายี่ห้ออื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีโซลูชั่นด้านความปลอดภัยอีกด้วยนะ อย่างระบบบ้านอัจริยะ กล้องวงจรปิด และอื่น ๆ อีกมากมาย จุดเด่นของ TP-link คือตัวอุปกรณ์มีความเรียบง่าย สวยงาม ใช้งานได้ง่าย ที่สำคัญคือราคาเป็นมิตรกับคนไทยอย่างมาก ถือว่าเป็นยี่ห้อที่คุ้มค่าสุดในปัจจุบันนี้
Huawei
หลายคนรู้จักกับยี่ห้อนี่จากโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้วหัวเว่ยเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคม และอุปกรณ์ด้านเครือข่ายที่ใหญ่สุดของประเทศจีน หัวเว่ยชูโรงด้วยการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความมีประสิทธิภาพของอุปกรณ์ภายใต้แบรนด์ เรามักจะเห็นผู้บริการอินเตอร์เน็ตหลายเจ้าเลือกใช้เร้าเตอร์ของหัวเว่ย เพื่อนำมาติดตั้งให้กับลูกค้าของตนเอง
D-Link
ยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมพอ ๆ กับ TP-Link อย่างมาก อาจจะเพราะว่าชื่อคล้าย ๆ จนทำให้สับสนได้ ตัวผมเองก็เคยสับสนกับสองยี่ห้อนี้เหมือนกัน D-Link เป็นบริษัทไต้หวันที่ตั้งขึ้นในปี 1994 เปลี่ยนชื่อมาจากบริษัท Datex Systems เป็นบริษัทด้านเครือข่ายแห่งแรกในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน และสามารถซื้อขายในตลาดหุ้น TSEC และ NSE ได้ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงมาก ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ของพวกเขามีต้นทุนการผลิตที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ในส่วนของคุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เผลอ ๆ อาจดีกว่าเสียด้วยซ้ำ นอกจากจะขายเร้าเตอร์แล้ว ยังมีโซลุชั่นอื่น ๆ เหมือนกับทาง TP-link อีกด้วยเช่นกัน
เป็นสายสำหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเข้าด้วยกัน หากเป็นระบบที่มีจำนวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่องก็จะต้องต่อผ่านฮับอีกทีหนึ่ง โดยสายสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อเครื่องในระบบเครือข่าย จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ