วิธีที่นิยมและได้รับความนิยมมากที่สุดในการสำรองข้อมูล iPhone คือการใช้บริการ Apple iCloud ดั้งเดิม การใช้ iCloud ผู้ใช้สามารถอัปโหลดเอกสารสื่อและไฟล์ทั้งหมดบนอุปกรณ์ iOS ไปยังพื้นที่ออนไลน์และดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นบนอุปกรณ์อื่นได้อีกครั้ง บริการนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนรหัสผ่านและการตั้งค่าส่วนบุคคลโดยเป็นหลักทำให้สามารถสร้างอุปกรณ์ใหม่ได้ Show ในการดำเนินการนี้ผู้ใช้จะต้องใช้บริการ Wi-Fi แม้ว่าจะไม่มีคำพูดอย่างเป็นทางการจาก Apple ว่าเหตุใดจึงไม่ได้ให้บริการแก่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ก็หมายความว่าผู้ใช้จะไม่พบค่าโทรศัพท์มือถือที่หนักสำหรับการสำรองข้อมูลทั้งหมด แม้ว่าจะไม่สามารถทำการสำรองข้อมูลเต็มรูปแบบได้ แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถสำรองไฟล์และสื่อบางอย่างได้ ไดรฟ์ iCloudไดรฟ์ iCloud เป็นชื่อสำหรับบริการเก็บข้อมูลออนไลน์ของ Apple ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงไฟล์จากอุปกรณ์ Apple ทั้งหมดของคุณได้ แม้ว่าจะไม่สามารถดำเนินการสำรองข้อมูลแบบ iCloud เต็มรูปแบบ แต่ผู้ใช้สามารถอัพโหลดไฟล์และสื่อบางอย่างไปยังไดรฟ์ iCloud จากอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ Wi-Fi PRO TIP: หากปัญหาเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป / โน้ตบุ๊คคุณควรลองใช้ซอฟต์แวร์ Reimage Plus ซึ่งสามารถสแกนที่เก็บข้อมูลและแทนที่ไฟล์ที่เสียหายได้ วิธีนี้ใช้ได้ผลในกรณีส่วนใหญ่เนื่องจากปัญหาเกิดจากความเสียหายของระบบ คุณสามารถดาวน์โหลด Reimage Plus โดยคลิกที่นี่รวมวิธีการสำรองข้อมูล iPhone ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อ โน้ต รูปถ่ายและแอปและการตั้งค่าต่าง ๆ ฉบับอัปเดตปี 2021 สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ๆ (รุ่นเก่าก็ทำตามได้) รวมวิธีการสำรองข้อมูลต่าง ๆ บน iPhone (อัปเดตปี 2021)ในบทความนี้ทีมงานได้รวบรวมวิธีการสำรองข้อมูล, รูปภาพ, แอปและการตั้งค่าต่าง ๆ เหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่ออัปเดต iOS และสำรองข้อมูลเอาไว้ก่อนที่จะทำ iPhone ไปส่งซ่อมนั่นเอง การสำรองข้อมูล iPhone ทำได้หลายวิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 สำรองข้อมูลขึ้นผ่าน iCloudสิ่งที่สามารถสำรองข้อมูลไว้บน iCloud ได้แก่
ข้อดี
ข้อจำกัด
วิธีการสำรองข้อมูล iPhone ด้วย iCloud ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะที่ Apple ID ของเราด้านบนสุด > iCloud > สำรองข้อมูล iCloud (iCloud BackUp) > เลื่อนเปิดการสำรองข้อมูล iCloud เมื่อเปิดใช้งานแล้วให้หมั่นเข้าไปเช็คว่าเราสำรองข้อมูลไปล่าสุดตอนไหน ก่อนที่จะทำการอัปเดต iOS หรือนำเครื่องไปซ่อม ก็ให้เข้าไปกดสำรองข้อมูล โดยแตะที่ “สำรองข้อมูลตอนนี้” แล้วรอจนกว่า iPhone ของเราจะทำการสำรองข้อมูลจนเสร็จ (ระหว่างนั้นจะมีบอกว่าจะใช้เวลาประมาณกี่นาทีในการสำรองข้อมูล) วิธีที่ 2 สำรองข้อมูล iPhone ด้วยเครื่อง Mac (MacBook, iMac, Mac mini)สำหรับวิธีนี้ สิ่งที่ต้องมีคือ
เสียบสาย lightning เข้ากับเครื่อง Mac เพื่อทำการเชื่อมต่อ และระหว่างการสำรองข้อมูลจะต้องเสียบสายทิ้งไว้ตลอด จากนั้นเข้าไปที่ Finder จะเห็นชื่อ iPhone ของเราอยู่ที่เมนู Locations ที่ด้านซ้ายมือ ให้แตะไปที่ชื่อ iPhone ของเรา จากนั้น สังเกตที่ส่วนของการ Backups แล้วให้เลือก “Back up all of the data on your iPhone to this Mac” (คือการสำรองข้อมูลทุกอย่างใน iPhone มาไว้ในเครื่อง Mac ของเรา) > จากนั้นกดที่คำว่า “Back Up Now” จากนั้นจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาว่าจะให้ทำการสำรองข้อมูลแบบเข้ารหัสหรือไม่ ให้เลือก “Don’t Encrypt” > รอจนกว่าจะทำการสำรองข้อมูลเสร็จ วิธีที่ 3 สำรองด้วยโปรแกม iTunes ผ่านคอมพิวเตอร์ที่เป็น Windowsหากคอมพิวเตอร์ของเรายังไม่มีโปรแกรม iTunes ให้ดาวน์โหลดมาไว้ในเครื่องก่อน เข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรม iTunes สำหรับ Windows ได้ที่ : https://support.apple.com/th-th/HT210384 จากนั้นเปิดโปรแกรม iTunes ขึ้นมาแล้วเสียบสาย Lightning เข้ากับคอมพิวเตอร์ > ปลดล็อค iPhone เข้าไปที่หน้า Home จากนั้นจะมีหน้าต่างให้เรายอมรับการเชื่อมต่อ > ให้แตะที่คำว่า “เชื่อถือ” บน iPhone กลับมาที่ iTunes > คลิกที่สัญลักษณ์รูป iPhone เล็ก ๆ ตามรูป จะเข้าไปเจอกับหน้า Summary ที่บอกข้อมูล iPhone ของเรา ที่เมนู Backups ให้เลือกที่คำว่า “This Computer” (เพื่อสำรองข้อมูลทั้งหมดใน iPhone มาไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้) > จากนั้นให้กด “Back Up Now” จากนั้นแตะที่คำว่า “Don’t Encrypt” เมื่อขึ้นแบบนี้ให้รอจนกว่าจะสำรองข้อมูลเสร็จ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีสำรองข้อมูล iPhone สามารถเลือกใช้วิธีตามที่สะดวก แนะนำให้ทำการสำรองข้อมูล iPhone อยู่บ่อย ๆ และก่อนทำการอัปเดต iOS ก็อย่าลืมสำรองข้อมูลก่อนทุกครั้ง เพื่อความอุ่นใจและป้องกันข้อมูลสำคัญสูญหายได้ค่ะ |