โลชั่นน้ำของ d program มีหลายสูตรน่าใช้ไปหมด ซึ่งปูเป้มีสูตรที่ชอบและพูดถึงบ่อยมาก เคยรีวิวไปแล้วสองสูตร แต่ก็มีคนที่ถามบ่อย ๆว่าแล้วสูตรอื่นล่ะ? มันต่างกันอย่างไร เขาควรจะเลือกใช้แบบไหนดี? ส่วนตัวปูเป้มีวิธีในการเลือกใช้ในแบบของตัวเอง และอยากเอามาแชร์และหวังว่าจะช่วยให้คนที่เข้ามาอ่านสามารถนำไปปรับและเลือกใช้กับตัวเองได้ง่ายขึ้นจ้า ส่วนผสมพื้นฐานที่มีใน d program Lotion MB ทุกสูตร ผลิตภัณฑ์สกินแคร์พื้นฐานของ d program แบ่งเป็น 5 กลุ่ม 5 สี ซึ่งเมื่อเราดูส่วนประกอบจะพบว่า เขาจะมีส่วนผสมของ Complex พื้นฐานที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ความแข็งแรงผิว ปรับสุมดุลผิวที่เหมือนกันยืนพื้นในทุกสี โดยในแต่ละสีจะมีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เบาหรือข้นต่างกัน และส่วนผสมสำคัญแยกเฉพาะแต่ละสูตรไปอีก ปูเป้หยิบข้อมูลสำคัญมาสรุปตรงนี้เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพว่าโดยพื้นฐานแล้วผลิตภัณฑ์ทุกสูตรมีคุณสมบัติพื้นฐานอะไรบ้าง? DP Complex – ประกอบไปด้วย Erythritol กับ Glycerin ที่ช่วยเสริม Skin Barrier ผ่านกลไกเสริมการพัฒนาตัวของ CE หรือ Cornified Envelopes และ Xylitol มีข้อมูลจากการศึกษาของชิเซโด้แลปที่ตีพิมพ์เอาไว้ชี้ว่าส่วนผสมของ Xylitol ยังช่วยยับยั้งการสร้างสาร Glycocalyx ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของไบโอฟิลม์ที่ S. aureus ผลิตออกมาเพื่อยึดเกาะและอาศัยบนพื้นผิวหนัง ผลก็คือช่วยปรับสมดุลของ Microbiota ได้ และยังมี Trehalose ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวได้ดีอีกด้วย Yeast Extract Complex – ส่วนผสม Saccharomyces Ferment Lysate Filtrate ในผลิตภัณฑ์ d program สูตรใหม่นี้เคลมว่าช่วยเพิ่มสัดส่วนของ S. epidermidis ที่ดีกับผิว โดยที่ไม่เพิ่ม S. aureus ที่ก่อการอักเสบให้กับผิว จึงช่วยให้ผิวมีสมดุลของ Microbiota ที่ดี ซึ่งเป็นจุดขายใหม่ของผลิตภัณฑ์ d program Lotion MB (และ d program Emulsion MB) ที่เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา จากข้อมูลว่าในผิวที่แข็งแรงและผิวที่อ่อนแอนั้นมีความหลากหลายของสายพันธุ์ของแบคทีเรียประจำถิ่นของผิวที่ต่างกันไป โดยระบุว่า ในผิวที่บอบบาง อ่อนแอ ระคายเคืองง่าย หรือมีการอักเสบนั้น จะมีปริมาณของแบคทีเรีย Staphylococcus aureus (S. aureus) ในสัดส่วนที่สูงกว่า Staphylococcus epidermidis (S. epidermidis) นอกจากนี้ยังพบว่าผิวที่มีสัดส่วนของ S. epidermidis ที่สูงจะมีความชุ่มชื้นที่มากกว่ากลุ่มที่มีแบคทีเรียตัวในสัดส่วนที่น้อยกว่าด้วย สมดุลของแบคทีเรียบนผิว ในสัดส่วนที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื้นมากขึ้น และมีปัญหาผิวจากการอักเสบน้อยลง เขาจึงเรียก Staphylococcus epidermidis (S. epidermidis) ว่า Beauty Microbiome นอกจากนี้ในทุกสูตรยังมีส่วนผสมของ Tranexamic Acid – ช่วยลดความหยาบกร้านของผิวและมีคุณสมบัติในการลดความหมองคล้ำผ่านกลไกต้านการอักเสบ และกดการทำงานของ Endothelin-1 (ET-1) ที่ไปกระตุ้น กระบวนการผลิตเม็ดสีเมลานิน และ Dipotassium Glycyrrhizate ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ได้จากรากชะเอมเทศช่วยต้านการระคายเคือง เลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับผิว + เลือกสารบำรุงที่ตอบโจทย์ผิว ผลิตภัณฑ์ของ d program จะมีเนื้อสัมผัสหลัก ๆ ที่แบ่งเป็น 2 เนื้อคือแบบ Light ที่มีความบางเบา (สีส้มเบาสุด สีฟ้าจะเคลือบผิวมากขึ้นอีกนิดเดียว) และแบบ Rich ที่มีเนื้อเข้มข้น โดยสีชมพูและสีขาวมีความฉ่ำใกล้เคียงกัน ส่วนสีม่วงจะมีความเข้มข้นที่สุด) หลังจากเลือกเนื้อที่ตรงกับผิวและสภาพอากาศที่เราต้องใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว ก็ไปเลือกว่าเราต้องการดูแลเรื่องไหนเป็นพิเศษเพื่อหาส่วนผสมที่มาตอบโจทย์ ปูเป้ทำเป็นแผนภาพที่เข้าใจง่าย ๆ ตามด้านล่างนี้เลยครับ เหตุผลที่ปูเป้มักแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์โดยดูเนื้อสัมผัส ความเข้มข้นที่เหมาะกับสภาพผิว (มัน-แห้ง) และสภาพอากาศของพื้นที่อาศัยอยู่ (ร้อน – หนาว / ชื้น – แห้ง) เอาไว้ก่อน เพราะส่วนตัวมีแนวคิดว่าต่อให้ส่วนผสมดีแค่ไหนแต่เนื้อไม่เหมาะกับผิว ให้ความรู้สึกในการใช้ที่ไม่ดีจนไม่อยากใช้ ก็คงไม่มีประโยชน์ และไม่มีความสุขเนอะ และเมื่อเลือกเนื้อที่ต้องการแล้วเราก็ไปเลือกส่วนผสมที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่เราต้องการดูแลโดยเฉพาะได้ ซึ่งปูเป้จะมีสรุปส่วนผสมสำคัญตามด้านล่างนี้
|