จัดทำโดย นางสาวสมิตา วงศ์เฉลิมสุข เลขที่ 20 ห้อง 39 1. ประเทศไทย ทรัพยากรธรรมชาติของไทยคือ ข้าว ยางพารา ผักและผลไม้ต่าง เนื้อสัตว์ วัว สุกร เป็ด ไก่ สัตว์น้ำทั้งปลาน้ำจืด หอย จึงได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิต อาหารที่สำคัญของโลก และเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลกเป็นอันดับที่ 5 โดยมีข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญที่สุดของประเทศ และถือได้ว่าเป็นประเทศซึ่งส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยสัดส่วนการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 36 ของโลก การท่องเที่ยวทำรายได้ให้กับประเทศเป็นสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับสัดส่วนของหลายๆ ประเทศในทวีปเอเชีย (ราว 6% ของจีดีพี) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมายังประเทศไทยด้วยเหตุผลหลายประการ ส่วนใหญ่มาท่องเที่ยวตามชายหาดและพักผ่อน ถึงแม้ว่าจะมีความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตาม โดยแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน และจังหวัดเชียงใหม่ 2. ประเทศอินโดนีเซีย – ป่าไม้ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ
เป็นประเทศที่มีป่าไม้มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผลิตผลจากป่าไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็ง 3. ประเทศฟิสิปปินส์ –
เกษตรกรรม พืชเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ มะพร้าว อ้อย ป่านอบากา และข้าวเจ้า 4. ประเทศมาเลเซีย
– เกษตรกรรม ผลิตยางพาราที่สำคัญของโลก และข้าวเจ้าปลูกมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำทั้ง 2 ด้าน 5. สาธารณรัฐสิงคโปร์
การเพาะปลูก
ปลูกยางพารา มะพร้าว ผัก ผลไม้ แต่พื้นที่มีจำกัด สิงคโปร์เป็นประเทศที่เล็กที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติมากเหมือนประเทศอื่น แต่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี เพราะสิงคโปร์พัฒนาเศรษฐกิจด้านการค้า โดยเป็นประเทศพ่อค้าคนกลางในการขายสินค้าเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าปลอดภาษี ทำให้สินค้าที่ผ่านทางสิงคโปร์มีราคาถูก ปัจจุบันสิงคโปร์มีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และยังได้เข้าไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชาและพม่า สิงคโปร์มีประชากรน้อยจึงต้องพึงพาแรงงานจากต่างชาติในทุกระดับ สิงค์โปร์เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงให้ และมีฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินที่มั่งคั่งที่สุดประเทศนึงในโลก 6. บรูไน ดารุสซาลาม น้ำมันที่เป็นอุตสาหกรรมหลักที่นำเงินเข้าประเทศมากมายแล้ว บรูไนยังมีอุตสาหกรรมอย่างอื่นเช่น การผลิตอาหาร และเครื่องมือเครื่องใช้ การผลิตเสื้อผ้าเพื่อส่งออกไปยัง อเมริกาและ ยุโรป ยังรวมถึงการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ด้านอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม เสื้อผ้า สิ่งทอ และ ของตกแต่งจากไม้ วัสดุก่อสร้างต่างๆที่ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ อุตสาหกรรมของบรูไน ประสบปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน และ ช่างฝีมือมาช่วยในการผลิตสินค้าให้ทันความต้องการของตลาด จำเป็นต้องพึ่งแรงงานจากต่างประเทศเป็นหลักซึ่ง การเปิด ประชาคมอาเซียน นี้จะทำให้บรูไนได้ประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมไม่มากก็น้อย แต่ยังไงซะ สินค้าหลักของบรูไนก็ยังเป็นน้ำมันและ ก๊าซธรรมชาติซึ่งสร้างความมั่งคั่งเป็นอย่างมากให้กับพวกเขา ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาก็ได้เตรียมปรับตัวในด้านอื่นมากมายอย่างเช่น อุตสาหกรรมป่าไม้ อาหารทะเล แร่ธาตุต่างๆ รวมไปถึงการเกษตรกรรม เพื่อที่จะสามารถทดแทนน้ำมันที่ลดลงเรื่อยๆในระยะยาว เป็นทางเลือกทางเศรษฐกิจของประเทศในอีกทางนึง บรูไน มีทหาร กรูข่า ประจำการเพื่อดูแลความปลอดภัยของสายการผลิตน้ำมัน เป็นจำนวนหลายพันนายเลยทีเดียว นับว่าเป็นอีกประเทศที่มีแรงขับเคลื่อนในภูมิภาค อาเซียนเป็นอย่างดีกับการพัฒนาต่อเนื่องโดยไม่มีปัญหาด้านเงินทุนและ การจัดการ 7. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เกษตรกรรม อุตสาหกรรม 8. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทรัพยากรสำคัญของลาว ได้แก่ ไม้ ดีบุก ยิบซั่ม ตะกั่ว หินเกลือ เหล็ก ถ่านหินลิกไนต์ สังกะสี ทองคำ อัญมณี หินอ่อน น้ำมัน และแหล่งน้ำผลิตไฟฟ้า 9. สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เกษตรกรรม เป็นอาชีพหลัก เขตเกษตรกรรมคือบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี แม่น้ำสะโตง แม่น้ำทวาย-มะริด ปลูกข้าวเจ้า ปอกระเจา อ้อย และพืชเมืองร้อนอื่น ๆ ส่วนเขตฉาน อยู่ติดแม่น้ำโขงปลูกพืชผักจำนวนมาก ทำเหมืองแร่ ภาคกลางตอนบนมีน้ำมันปิโตรเลียม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขุดแร่ หิน สังกะสี และภาคตะวันออกเฉียงใต้ ทำเหมืองดีบุกทางตอนใต้เมืองมะริดมีเพชรและหยกจำนวนมาก การทำป่าไม้ มีการทำป่าไม้สักทางภาคเหนือ ส่งออกขายและล่องมาตามแม่น้ำอิรวดีเข้าสู่ย่างกุ้ง อุตสาหกรรม กำลังพัฒนา อยู่บริเวณตอนล่าง เช่น ย่างกุ้ง และ มะริด และทวาย เป็นอุตสาหกรรมต่อเรือเดินสมุทรที่ใหญ่ของพม่า เป็นประเทศกำลังพัฒนาขั้นต่ำ 10. ราชอาณาจักรกัมพูชา เกษตรกรรม อยู่บริเวณที่ราบภาคกลาง รอบทะเลสาบเขมร พืชที่สำคัญคือ ข้าวเจ้า ยางพารา พริกไทย |