แมริออท หัวหิน pantip 2564

มาเริ่มเดินทางกันเลย ซึ่งครั้งนี้เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงประมาณ 09.00 น. ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงกว่าๆ จากกรุงเทพฯ ก็มาถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้วล่ะค่ะ มาถึงหัวหินแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปเช็คอินที่พักกันเลย อย่างที่บอกไปเราพักกันที่ Hua Hin Marriott Resort & Spa โรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาว ที่ตั้งอยู่ริมชายหาดหัวหิน เป็นโรงแรมที่เพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและทันสมัย 

เมื่อมาถึงก็ก็ขอยกกระเป๋าเข้าเช็คอินกันก่อน...ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วก็จะได้รับการต้อนรับจากพนักงานอย่างดีเลย พร้อมกับมี Welcome Drink เย็นชื่นใจให้เราได้จิบระหว่างรอเช็คอินห้องกันด้วย ระหว่างรอเช็คอินก็เดินชมบรรยากาศรอบๆ ล็อบบี้กันสักหน่อย ภายในล็อบบี้กว้างขวาง เพดานโปร่งสูง ด้านบนเพดานมีการฉลุเป็นดอกพิกุล ทำให้การดีไซน์บริเวณนี้ดูสบายตาและน่านั่ง ที่สำคัญล็อบบี้ของที่นี่มีล็อบบี้ เลาจน์ ให้ผู้เข้าพักมานั่งผ่อนคลายและทำงานด้วยนะคะ 

ถ้าเดินออกไปบริเวณนอกล็อบบี้ก็จะเจอกับที่นั่งโซฟาเบดที่ออกแบบให้อยู่กลางสระน้ำ สามารถมานั่งชิลมองวิวบรรยากาศของโรงแรมและวิวสระว่ายน้ำพร้อมวิวทะเลได้...รอไม่นานก็ได้เข้าห้องพักแล้วค่ะ ตัวห้องพักของที่หัวหิน แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา เค้ามีถึง 322 ห้อง แบ่งเป็น 9 รูมไทป์หลักๆ คือ Superior, Deluxe Sea view, Deluxe Pool Terrace, Deluxe Pool Access, Family Room, Junior Suite, Garden Suite, Ambassador Suite และ Presidential Suite

แต่ห้องพักที่เราจะพักใน 2 คืนนี้ เป็นห้อง Deluxe Pool Access ขนาด 39 ตร.ม. เป็นห้องพักเตียงคิงซ์ไซส์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีระเบียงส่วนตัวพร้อมทางลงสระว่ายน้ำลากูน 

ภายในห้องตกแต่งทันสมัยผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยนิดๆ เข้ามาแล้วรู้สึกสบายตาและอบอุ่น เพราะโทนสีต่างๆ ภายในห้องจะเน้นสีครีมและเทา เฟอร์นิเจอร์จะเน้นเป็นไม้ค่ะ พื้นที่ภายในแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และโซนนั่งเล่น นั่งทำงาน เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่ต้องพูดถึง มีครบทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชุดคลุม รองเท้าสลีปเปอร์ ร่ม ตู้เซฟ อุปกรณ์อาบน้ำของ THANN บลูทูธ เตารีดและที่รองรีด และมินิบาร์ 

พักผ่อน เก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาทานอาหารกลางวันกันเลย ซึ่งมื้อกลางวันของวันนี้เรามาทานอาหารกันที่ห้องอาหาร Amber Kitchen ห้องอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน เมนูอาหารก็เสิร์ฟหลาหลายทั้งอาหารไทย และอาหารนานาชาติ ในส่วนของโซนที่นั่งก็มีทั้งที่นั่ง Indoor และOutdoor เลย เลือกนั่งได้ตามใจชอบเลยนะ ซึ่งห้องอาหารนี้จะเปิดตั้งแต่ 06.00-23.00 น. 

เมนูอาหารที่เราทานกันมื้อนี้ก็หลากหลายมากๆ ทั้งอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น และอาหารอินเดีย ไล่ตามกันมาเลยมี Tuna Tataki, ปอเปี๊ยะผัก, ยำส้มโอ, แกงรันจวญ และปลาทอดสมุนไพร บอกเลยว่าทุกเมนูถูกรังสรรค์มาอย่างดี อร่อยและรสชาติเข้มข้นทุกเมนูเลย 

หลังจากทานอาหารคาวแล้วก็ขอต่อด้วยของหวานอย่าง Yogurt Panna Cotta และBrownie Sundae ตัวพานาคอตต้าทานแล้วสดชื่นมากๆ เพราะมีผลไม้สดมาเพิ่มความหวาน แถมด้านในตัวพานาคอตต้ายังมีซอสผลไม้รวมด้านในด้วย ส่วนบราวนี่นี่บอกเลยว่าเข้มข้น หนุบหนับ ได้รสช็อกโกแลตแบบเต็มคำ 

หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็ขอเดินดูบรรยากาศรอบๆ โรงแรมกันสักหน่อย เพราะหัวหิน แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นโรงแรมที่มีขนาดใหญ่และกว้างมากๆ เริ่มกับโซนใกล้ห้อง Amber Kitchen บริเวณนี้จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่เชื่มกับสระว่ายน้ำลากูน ความยาว 25 เมตร เป็นสระที่อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำโซนเด็ก และพูลบาร์ริมทะเล 

เดินกลับมาอีกหน่อยก็จะเจอกับสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่ (เข้าได้เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น) ซึ่งบรรยากาศโดยรอบก็บอกเลยว่าร่มรื่นและเขียวชอุ่มสุดๆ เดินเล่นกันได้ทั้งวัน 

เดินเล่นไปสักพักก็ถึงเวลาที่จะออกไปด้านนอกกันแล้ววว...ซึ่งช่วงเย็นของวันนี้เราจะไปนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกลับขอบทะเลกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูบรรยากาศพระอาทิตย์ตกลับทะเลกันเลยยยยย นั่งบนดาดฟ้าของเรือบอกเลยว่าชิลมาก

เรานั่งเรือประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า หลังจากพระอาทิตย์ตกลับทะเล ก็กลับขึ้นฝั่ง กลับโรงแรมพร้อมพักผ่อนนิดๆ หน่อยๆ พอเวลา 19.00 น. ก็ออกมาดินเนอร์ที่ห้องอาหาร Big Fish & Bar ห้องอาหารติดริมชายหาดที่พร้อมเสิร์ฟอาหารรสเลิศ เมนูอาหารก็จะเน้นเป็นอาหารซีฟู้ด ฟิวชั่น จากฝีมือเชฟผู้มากประสบการณ์ที่จะรังสรรค์เมนูหน้าตาหน้ารับประทานออกมาให้เราได้ชิมกัน ซึ่งอาหารทุกเมนูที่เสิร์ฟออกมาเป็นฝีมือของเชฟผู้เชียวชาญ ที่นั่งก็มีทั้งด้านในห้องแอร์ฉ่ำๆ เห็นวิวทะเลยามค่ำคืน หรือจะนั่งด้านนอกรับลมทะเลเย็นๆ ก็ได้ค่ะ 

สำหรับเมนูอาหารก็จัดเต็มให้สมกับเป็นมื้อเย็น ซึ่งอาหารจะเสิร์ฟเป็น Fine Dining ค่ะ มีด้วยกัน 4 เมนู มาถึงก็ขอรองท้องด้วยขนมปังกันก่อน กินไปสักแปปอาหารก็มาเสิร์ฟแล้วล่ะค่ะ เมนูแรกจะเป็น Del Casaro Truffle Burrata ที่จะมีวัตถุดิบคือมะเขือม่วง โหระพา และถั่วเม็ดสน ทานคู่กับ Burrata cheese (บูราต้าชีส) ทานเข้าไปปุ๊ปรู้สึกสดชื่นมากๆ มีกลิ่นหอมของใบโหระพา และรสชาติโดยรวมจะเบาๆ ทานได้เรื่อยๆ เมนูถัดมาเป็น Homemade Tagliolini & Sauteed Rock Lobster เป็นพาสต้าล็อบเตอร์ในซอสครีมนุ่มๆ ใครที่ชอบความครีมมี่เนี่ยบอกเลยว่าต้องติดใจเมนูนี้ 

เมนูที่ 3 เอาใจคนชอบทานปลา Fillet Of Red Snapper Pan-Fried เมนูปลากระพงแดง ที่เสิร์ฟพร้อมซอสสุดพิเศษ ที่มีส่วนผสมของถั่วแระ พริกหวานแดง และผักชีล้อม รสชาติจานนี้เบาๆ ไม่หนักมาก เนื้อปลาสด นุ่ม ~ เมนูสุดท้ายเป็นของหวานค่ะ ที่จะเสิร์ฟ 3 อย่าง ชื่อว่า Black Forest ที่จะมีของหวาน 3 เมนูหลักคือ โดนัทช็อกโกแลต ครีมบูเล่ และบราวนี่ ซึ่งทุกเมนูมีส่วนผสมของช็อกโกแลต ที่สำคัญตกแต่งออกมาจนไม่กล้ากินเลย

ทานอาหารเสร็จก็ถึงเวลาพักผ่อนกันแล้วววว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ 

DAY 2

วันที่ 2 เราตื่นเช้ามาด้วยความสดใส เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม...ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Amber Kitchen ใครยังไม่ได้ลิ้มลองอาหารเช้าของโรงแรมเครือ Marriot บอกเลยว่าต้องห้ามพลาด! เพราะอาหารเช้าของที่นี่หลากหลายมากๆ ทั้งสลัดบาร์ ขนมจีน ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ไส้กรอก เบคอน โยเกิร์ต หมูปิ้ง แซลมอนรมควัน ชีสหลากหลายรสชาติ เบเกอรี่ ขนมปัง ครัวซองต์ แพนเค้ก และไอศกรีม รวมถึงเครื่องดื่มก็มีให้เลือกเยอะมากทั้งน้ำผลไม้ นม และเครื่องดื่มอื่นๆ 

ทานอาหารเสร็จแล้วเราก็จะไปผ่อนคลายร่างกายด้วยการทำสปากันค่ะ เพราะที่นี่มีควอน สปา สปาที่จะทำให้เราผ่อนคลายด้วยทรีทเมนต์ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งนวดแผนไทย นวดน้ำมันหอม นวดหน้า และอื่นๆ อีกมากมาย  สำหรับตอนนี้เราขอตัวไปนวดก่อนน้า 

ใช้เวลานวดประมาณ 1.30 นาที ออกมาก็บอกเลยว่าผ่อนคลายสุดๆ เหมือนได้รีเฟรชร่างกายใหม่จริงๆ ค่ะ หลังจากสปาเสร็จ ก่อนจะไปทานมื้อเที่ยง เราจะพาไปดูฟิตเนส เอาใจสายออกำลังกาย ฟิตแอนด์เฟิร์มกันสักหน่อย เพราะฟิตเนสจะอยู่ข้างสปาเลย เปิด 24 ชั่วโมงด้วยนะ ภายในก็มีเครื่องออกกำลังกายครบเลย ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง โซนคาดิโอ หรือโซนเวท เทรนนิ่ง ก็มีให้ครบค่า

ดูเสร็จท้องก็เริ่มร้อง เราเลยตรงไปทานมื้อเที่ยงที่สยาม เบเกอรี่ ห้องอาหารสไตล์คาเฟ่ที่มาพร้อมกับสไตล์โมเดิร์นทันสมัย เมนูมีทั้งอาหารจานหลักหลากหลายเมนูทั้ง สลัด โปเกโบวล์ แฮมเบอร์เกอร์ แซนวิช สปาเก็ตตี้ และอื่นๆ อีกเพียบ รวมถึงมีขนมปัง เบเกอรี่และครัวซองค์ที่ทำสดใหม่ทุกวันบริการด้วยค่า สำหรับมื้อนี้เราเลือกทานเป็นโปเกโบวล์แซลมอนเทริยากิค่ะ รสชาติอร่อยถูกใจมากๆ 

ทานเสร็จแล้ว ก็ขอตัวไปเปลี่ยนชุด พักผ่อนในห้องสุดแสนสบายของเรากันสัก 2 ชั่วโมง เพราะเย็นนี้เราจะไปเล่น Surf Skate กันค่า...พักผ่อนกันพอสมควรก็ออกไปเล่นเซิร์ฟสเก็ตกันเล้ยยยย ซึ่งเย็นนี้เรามาเล่นกันที่ หัวหินสเก็ตพาร์ค ตรงโรงเรียนภัทราวดีที่ภายในจะมีสนามสเก็ต 3 สนาม สนามใหญ่ 1 สนาม และสนาม Pump track  2 สนามเล็กค่ะ 

มาถึงก็นี่เลย เรียนวิธีการขึ้นลงบอร์ดกันก่อน เพราะว่าเราเนี่ยไม่มีพื้นฐานใดๆ มาเล่นที่นี่ก็จะมีครูสอนให้ค่ะ ว่าแบบเราควรจะเล่นด้านไหน วางเท้ายังไง เล่นยังไงให้ไม่เกิดอุบัติเหตุ บอกตามตรงว่าตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ เพราะกลัวล้ม แต่พอรู้เทคนิคแล้วก็เล่นได้สบายๆ เลย เอาเข้าจริงเล่นไปเล่นมาก็เหนื่อยเหมือนกันนะ เหงื่อนี่ท่วมตัวเลยค่ะ 555555 

เล่นกันจนฟ้าเริ่มมืด ก็ถึงเวลากลับโรงแรมไปทานดินเนอร์ริมทะเลกันแล้ว ค่ำคืนนี้เราทานริมชายหาด ทรายนุ่มๆ เลย สำหรับอาหารวันนี้ก็เป็นอาหารไทย และซีฟู้ดสดๆ ค่ะ มีทั้งยำวุ้นเส้น พล่ากุ้ง สลัดไก่ย่างสับปะรด ต้มข่าหอยเชลล์ ชุดเนื้อและทะเลย่าง ที่จะมีเนื้อเซอร์ลอยด์ออสเตรเลียย่าง ไก่ย่าง กุ้งลายเสือย่าง ปลาหมึกย่าง เสิร์ฟพร้อมผักย่างและมันบด 

ส่วนของหวานจะเสิร์ฟข้าวเหนียวมะม่วงที่มาพร้อมกับไอศกรีมมะพร้าว หวาน สดชื่น กินด้วยกันคือตาเป็นประกาย อร่อยสุดๆ และอีกหนึ่งอย่างเป็นครีมบูเล่ครีมชีสมะพร้าว เมนูนี้ก็อร่อยถูกใจเรามากๆ ทานไปแล้วชอบเลยขอเบิ้ลอีกสัก 1 จาน :) 

ทานอาหารเสร็จแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนของคืนวันสุดท้ายที่หัวหิน แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปากันแล้ว คืนนี้เราเลยขอนอน เก็บบรรยากาศเตียงนุ่มๆ ให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้มาเจอกันค่ะ 

DAY 3

สำหรับวันสุดท้ายกับที่ Hua Hin Marriott Resort & Spa เช้านี้ก็มาทานมื้อเช้าสุดแสนอร่อยกันที่ห้องอาหารแอมเบอร์ คิทเช่นเหมือนเดิม แต่วันนี้เรากินอาหารเช้าหลากหลายมากๆ เรียกได้ว่าชิมเกือบทุกอย่าง 

ทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปเก็บกระเป๋า พร้อมโบกมือลาวันพักผ่อนอันแสนพิเศษนี้แล้วล่ะค่ะ แต่ก่อนจะตรงกลับกรุงเทพฯ เราไปแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารคุณจ๋า ร้านอาหารทะเลริมคลองขุดยี่สาร จังหวัดสมุทรสงคราม ที่บอกเลยว่าเป็นร้านเด็ด ร้านดัง ใครมาแถวนี้ต้องแวะมาชิม เมนูที่สั่งก็หลากหลายเลยทั้งปลาทูทอด หอยจ๊อปูทอด หลนปู น้ำพริกกะปิ+ใบชะคราม และอื่นๆ อีกเพียบ ทุกเมนูอร่อยจนเรากินเกลี้ยงเลยค่ะ ทานเสร็จก็ถึงเวลากลับกรุงเทพฯ จริงๆ แล้ว 

สำหรับทริปนี้ก็สนุกและได้พักผ่อนจริงๆ เรียกได้ว่าหายเหนื่อยเลย เพราะ Hua Hin Marriott Resort & Spa โรงแรมที่เราไปพักเนี่ย เรียกได้ว่าสะดวกสบาย ครบวงจรมากๆ แถมบริการก็ดี เป็นกันเองมากๆ