ปุ่ม โทร ยังคงถูกปิดใช้งานหลังจากที่คุณพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ที่จะโทรหรือไม่ อาจมีข้อผิดพลาดในสิ่งที่คุณพิมพ์ ตรวจสอบว่าหมายเลขโทรศัพท์อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งคือ + (รหัสประเทศ) (รหัสภูมิภาค ถ้ามี) คุณต้องใช้รูปแบบนี้สําหรับหมายเลขโทรศัพท์ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ หมายเหตุ:
ต่อไปนี้คือตัวอย่างของรูปแบบหมายเลขโทรศัพท์ ประเทศ ที่จะโทร ภูมิภาคที่จะโทร รูปแบบหมายเลขโทรศัพท์ สหรัฐอเมริกา เรดมอนด์ +(1)(425) 555-0100 หรือ +14255550100 สหราชอาณาจักร ลอนดอน +(44)(20) 1234 5678 หรือ +442912345678 สาธารณรัฐประชาชนจีน ปักกิ่ง +(86)(10) 1234 5678 หรือ +861012345678 สาธารณรัฐสิงคโปร์ ไม่สามารถใช้งานได้ +(65) 1234 5678 หรือ +6512345678 ถ้าคุณพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ในรูปแบบที่ถูกต้องแล้วแต่คุณยังเห็นว่าปุ่ม โทร ถูกปิดใช้งานอยู่ ให้ตรวจสอบว่าคุณมีปัญหาอื่นๆ หรือไม่ คุณป้อนอักขระที่ไม่ถูกต้องร่วมกับตัวเลขหรือไม่ คุณสามารถใช้ได้เฉพาะ -, (, ) และช่องว่าง คุณได้พิมพ์เครื่องหมายบวก (+) ตรงกลางของตัวเลขใช่หรือไม่ คุณสามารถใส่เครื่องหมายบวกได้ที่จุดเริ่มต้นของหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น ตามที่แสดงในรูปแบบด้านบน ที่อื่นทําให้หมายเลขไม่ถูกต้อง Lync Web App จะละเว้นช่องว่าง (, ) และ - อักขระที่คุณพิมพ์เมื่อ Lync Web App แปลหมายเลขโทรศัพท์ อักขระเหล่านี้แม้ว่าจะไม่จําเป็น แต่ก็สามารถใช้ได้เนื่องจากจะช่วยให้คุณพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ในรูปแบบที่คุ้นเคย ตัวเลขที่ถูกแปลความโดยไม่มีอักขระพิเศษ จะแสดงภายใต้ หมายเลขที่จะโทร เลือก โทร เพื่อโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ ปุ่ม โทร จะถูกปิดใช้งานถ้าคุณพิมพ์อักขระที่ไม่ถูกต้องในหมายเลขโทรศัพท์ หรือใช้รูปแบบที่ไม่ถูกต้องสําหรับหมายเลขโทรศัพท์ หลังจากที่คุณแก้ไขข้อผิดพลาดในหมายเลขโทรศัพท์แล้ว ปุ่ม โทร จะเปิดใช้งาน จากคำถามที่ว่า ควรจะเขียนเลขหมายโทรศัพท์บนนามบัตรหรือโบชัวร์อย่างไร ให้ตรงตามมาตรฐาน ซึ่งถ้าคุณยังเขียนเป็น 02-xxx-xxxx หรือ (02) xxx xxxx ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว การ เพิ่มเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานทั่วประเทศจาก 7 หลักเป็น 8 หลัก ในปี พ.ศ. 2544 นั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ เพื่อใช้ในนามบัตร โบรชัวร์ หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ ทีโอทีได้แนะนำรูปแบบการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) เพื่อให้เป็นที่เข้าใจได้ง่าย ตรงตามมาตรฐานสากล โดยมีแนวทาง ดังต่อไปนี้ เลข หมายโทรศัพท์ในประเทศ ให้เขียนเลขศูนย์นำหน้า ตามด้วยเลขหมาย 8 หลัก ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Trunk prefix + Subscriber numbers เช่น 0 2345 6789 หรือ 0 5345 6789 เลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับ ต่างประเทศ ให้เขียนรหัสประเทศตามด้วยเลขหมายโทรศัพท์ ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Country code + Subscriber numbers เช่น +66 2345 6789 หรือ +66 5345 6789 หลายคนอาจจะมีปัญหากับการเขียนเลขหมายระบบใหม่ เพราะเคยชินกับระบบเดิมอยู่ แต่ก่อนเราเขียน (02) 345 6789 เพื่อแยกรหัสพื้นที่ ออกจากเลขหมายโทรศัพท์ ในเมื่อระบบเลขหมาย 8 หลัก ไม่มีรหัสพื้นที่แล้ว การที่เรายังคงเขียนเป็น 02 345 6789 นั้นก็อาจทำให้เข้าใจผิดไปได้บ้าง แม้ว่าผลลัพธ์ของการโทรนั้นไม่แตกต่างกัน แต่ในการพูด คุณสามารถที่จะบอกเบอร์โทรของคุณเป็น “ศูนย์สอง สามสี่ห้า หกเจ็ดแปดเก้า” ได้เหมือนเดิม ก็ไม่มีใครว่าอะไร ที่จริงแล้ว บ้านเราก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของ ITU เสียทั้งหมด รูปแบบบางอย่างเราก็ยังคงใช้ตามนิยมที่ทุกคนเข้าใจ เช่น การเขียนเบอร์โทรที่ประกอบด้วยหลายเลขหมาย (Multiple numbers) นั้น มาตรฐาน ITU-T Recommendation E.123 แนะนำให้ใช้เครื่องหมายทับ (/) ระหว่างตัวเลข เช่น * เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2123 4567 / 3456 7890 / 4567 8901 แต่ เราแทบจะไม่เคยเห็นรูปแบบนี้ในประเทศไทยเลย ที่นิยมใช้และเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป จะใช้เครื่องหมายขีด “-” ระหว่าง เลขหมายที่ติดกัน หรือคั่นด้วย “,” สำหรับเลขหมายที่ไม่ติดกัน เช่น * เลขหมายติดกัน 0 2123 4567-9 หรือ 0 2123 4567-71 การเขียนเลขโทรศัพท์ตามแบบใหม่นี้ยังมีข้อดีคือ เลขหมายของคนกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะมีรูปแบบเหมือนกันทั้งประเทศ เช่น เลขหมายของชาวกรุงเทพฯ 0 2345 6789 กับเลขหมายของชาวเชียงใหม่ 0 5345 6789 ถือเป็นการลดช่องว่างระหว่างเมืองกรุงกับภูมิภาคได้อีกระดับหนึ่ง มาตรฐาน ITU E.123 แนะนำให้มีการแบ่งกลุ่มตัวเลขของหมายเลขโทรศัพท์ โดยใช้ สัญลักษณ์ช่องว่าง (Spacing symbols) เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและความสะดวกในการบอกกล่าว สัญลักษณ์ที่ควรใช้ที่สุดก็คือ ช่องว่าง (space) หรือการเว้นวรรค ไม่ควรใช้เครื่องหมายอื่นอย่างเช่น เครื่องหมายขีด “-” โดยเฉพาะเลขหมายระหว่างประเทศ เพราะอาจสร้างความสับสนได้ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้รวมกับเลขหมายที่ต่อเนื่องกัน เช่น 0-2123-4567-8 หรือ 0-2123-4567-70 ด้วยเหตุนี้ เราควรใช้ “ช่องว่าง” ในการแบ่งกลุ่มตัวเลขเท่านั้น ใครที่เคยเขียนเบอร์โทรเป็น 02-123-4567 นั้นก็ควรเปลี่ยนมาเขียนเป็น 0 2123 4567 ซึ่งถูกต้องกว่า เครื่องหมายวงเล็บ ( ) นั้นใช้แสดงว่า ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใช้ในการโทร ดังเช่น รหัสพื้นที่ (02) สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งแต่ก่อนสามารถโทรถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องกดรหัส 02 ก่อน เราจึงสามารถเขียนเลขหมายเป็น (02) 123 4567 หรือ (053) 123 456 ได้ เพื่อแสดงให้ทราบว่าถ้าอยู่ในพื้นที่เดียวกันไม่ต้องกดรหัสพื้นที่ แต่หลังจากการเปลี่ยนระบบเลขหมายโทรศัพท์จาก 7 หลักมาเป็น 8 หลัก ทำให้ในปัจจุบัน เราต้องกดรหัสพื้นที่ก่อนเสมอ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) ในเลขหมายโทรศัพท์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกต่อไป เครื่องหมายบวก “+” เป็น International prefix symbol ที่ใช้นำหน้ารหัสประเทศ และแสดงให้ทราบว่าเลขหมายโทรศัพท์ที่ตามมานั้นเป็นเบอร์โทรระหว่างประเทศ สำหรับตัวเลข “66” นั้นก็คือ รหัสประเทศ(Country code) ของไทยนั่นเอง ในการกดเบอร์โทรไปต่างประเทศด้วยเครื่องโทรศัพท์ธรรมดา เราไม่ต้องกดเครื่องหมายบวก “+” แต่ถ้าโทรออกด้วยโทรศัพท์มือถือ เราถึงจะสามารถกดเครื่องหมายบวก “+” ได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นการโทรระหว่างประเทศ เลข 0 ซึ่งเป็น Trunk prefix นี้จะถูกละเว้นไป นั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับการโทรระหว่างประเทศ เป็น +66 2345 6789 และไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) และเครื่องหมายขีด (-) ในเลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะสร้างความสับสนได้ง่าย สำหรับ เบอร์ต่อนั้น ITU แนะนำให้เขียนโดยใช้คำว่า “ext.” ซึ่งย่อมาจาก extension ตามด้วยเลขหมาย เช่น 0 2345 6789 ext. 1234 แต่ของไทยเรานั้นใช้คำว่า “ต่อ” แทน จึงเขียนได้เป็น 0 2345 6789 ต่อ 1234 บางทีก็เห็นใช้เครื่องหมายชาร์ป (#) แทนอย่าง 0 2345 6789 # 1234 ก็เป็นที่เข้าใจได้เช่นกัน จาก หลักการเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับสิ่งพิมพ์และสื่อต่างๆ ซึ่งได้แก่ การแบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง การใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข, การเลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ และการใช้ “+66” สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ เราจึงมีแนวทางการเขียนเบอร์โทรศัพท์ดังนี้ เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับโทรในประเทศ การ เขียนเลขหมายโทรศัพท์อย่างถูกต้องนั้น อาจจะดูแปลกในตอนแรก หากเราลองฝืนใจทำตามคำแนะนำไปสักระยะหนึ่ง ไม่นานก็จะรู้สึกดีขึ้น ที่เราเขียนเบอร์โทรได้ตรงตามมาตรฐาน ไม่ทำให้คนอื่นสับสน สำหรับเลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ ไม่ควรเขียน (662) 3456789 เพราะไม่ควรใช้วงเล็บ และขาดเครื่องหมาย + สำหรับติดต่อในประเทศ ไม่ ควรเขียนเป็น (081)-234-5678, (081) 234 5678, (081) 234 5678, 081-234-5678, 081 234 5678, 08-1234-5678, (08) 1234 5678 เพราะไม่ควรใช้เครื่องหมายขีด (-) และวงเล็บ ( ) ในเลขหมาย เนื่อง จากเครื่องหมายขีดนั้นอาจทำให้สับสนเมื่อใช้กับเลขหมายที่ต่อเนื่องกัน ส่วนเครื่องหมายวงเล็บนั้น มีความหมายว่า ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บนั้นไม่จำเป็นต้องกด เมื่อโทรในพื้นที่เดียวกัน สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ ไม่ ควรเขียนเป็น +66 (0) 8 1234 5678, +66 (08) 1234 5678, +6608 1234 5678, +66 08 1234 5678, +66-08-1234-5678 เนื่องจากมาตรฐาน ITU ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องหมายขีด (-) และวงเล็บ ( ) ในเลขหมายระหว่างประเทศ ต้อง ยอมรับว่าการเขียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใหม่นั้น ขัดกับความรู้สึกพอสมควร จากเดิมที่เคยบอกเบอร์โทรว่า “ศูนย์หนึ่ง สองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด” เมื่อต้องเปลี่ยนมาพูดว่า “ศูนย์แปด หนึ่งสองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด” ก็รู้สึกไม่ถนัด เพราะคนส่วนใหญ่ยังเคยชินกับเลขหมายเดิม หลายๆคนจึงยังคงพูดว่า “ศูนย์แปดหนึ่ง สองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด” ที่จำได้ง่ายกว่า สรุป ว่าคุณจะพูดอย่างไรก็คงไม่มีใครมาว่าอะไร แต่ถ้าเป็นการเขียนลงในนามบัตร หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ การเขียนเลขหมายในรูปแบบใหม่ก็เป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้คนอื่นๆรวมถึงชาวต่างชาติเข้าใจระบบเลขหมายโทรศัพท์ของเราได้อย่าง ถูกต้อง และยังแสดงถึงความเป็นสากลของหน่วยงานคุณอีกด้วย เลขหมายโทรศัพท์ในประเทศ เลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ จาก มาตรฐาน E.123 ของ ITU ยังได้แนะนำวิธีการเขียนที่อยู่อีเมล (Electronic Mail Address) และที่อยู่เว็บ (Web Address) ไว้ด้วย เลยถือโอกาสแนะนำให้ทราบในที่นี้ด้วย เพื่อที่จะได้เขียนควบคู่ไปกับเลขหมายโทรศัพท์ ได้อย่างถูกต้องเช่นกัน |