ไม่ใช่ทุกงานที่เราทำทำให้เรามีความสุขเนื่องจากลักษณะซ้ำซากเร่งด่วนความจำเป็นความถี่ระยะเวลาหรือความน่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นการลากตัวเองไปทำงาน / โรงเรียนทุกเช้าหรือทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์เรามักจะทำงานที่อาจไม่เป็นที่พอใจหรือไม่พอใจเรา โดยปกติแล้วแรงภายนอกหรือแรงจูงใจภายนอกเป็นแรงผลักดันให้เราทำภารกิจดังกล่าวให้สำเร็จ รางวัลเช่นเงินคำชมและชื่อเสียงผลักดันแรงจูงใจของเราอย่างสุดขั้ว Show อย่างไรก็ตามแรงจูงใจภายนอกไม่ได้แปลว่าเราไม่เต็มใจที่จะทำอะไรบางอย่าง เราเพียงแค่แสวงหารางวัลภายนอกจากสิ่งนั้น ตัวอย่างเช่นคน ๆ หนึ่งอาจชอบการเขียน แต่พยายามทำเงินให้ได้มากขึ้น ประเด็นที่น่าสังเกต: การเสนอรางวัลภายนอกสำหรับบางสิ่งที่ให้รางวัลโดยเนื้อแท้แล้วสามารถลดแรงจูงใจหรือที่เรียกว่าผลกระทบที่มากเกินไป ตัวอย่างแรงจูงใจภายนอก
3 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเพิ่มผลผลิต Daniel H. Pink ในหนังสือ Drive: The Surprising Truth About What Motivates Us พูดถึงสถานะการพัฒนาของเศรษฐกิจดิจิทัลและผู้นำสามารถใช้วิธีการจูงใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาเสนอหลักการสามประการในการเพิ่มผลผลิต: ความเป็นอิสระความเชี่ยวชาญ (หรืออีกทางหนึ่งคือความสามารถ) และวัตถุประสงค์ การแยกข้อเสนอของเขาออกจากบริบทในสถานที่ทำงานเพื่อทำให้เป็นสากลฉันจะพูดถึงผลกระทบของแรงจูงใจภายในและภายนอกต่อหลักการทั้งสามนี้ เอกราชหมายถึงปริมาณของความคิดสร้างสรรค์และการควบคุมที่เรายึดถือในการแสดงออกของแต่ละบุคคลโดยไม่มีอิทธิพลจากภายนอก เป็นตัวกำหนดความเป็นอิสระของเราในการตัดสินใจเลือกและตัดสินใจแนวทางการดำเนินการในอนาคต แรงจูงใจภายในและภายนอก: มีทางเลือกที่สามหรือไม่? พวกเขายังสรุปว่า“ การควบคุมที่มากเกินไปความท้าทายที่ไม่เหมาะสมและการขาดความเชื่อมโยง…ขัดขวางแนวโน้มที่เกิดขึ้นจริงและแนวโน้มขององค์กรที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและปัจจัยดังกล่าวไม่เพียงส่งผลให้ขาดความคิดริเริ่มและความรับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังอยู่ในความทุกข์ด้วย” พูดง่ายๆคือความท้าทายที่ไม่สามารถคาดเดาได้และการปลดปล่อยอารมณ์สามารถลดทอนความสามารถตามธรรมชาติของแต่ละบุคคลและส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้อย่างปลอดภัยว่าแรงจูงใจเชิงบวกเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเหนื่อยกับจิตใจร่างกายหรืออารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนที่ทำงานหรือในวงสังคมผู้บังคับบัญชาต้องมั่นใจว่างานที่ได้รับมอบหมายจะต้องมีแรงจูงใจในเชิงบวกในลักษณะที่รับประกันความมุ่งมั่นความสนใจและประสิทธิผล ดังนั้นประเภทของแรงจูงใจจึงไม่มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพตราบเท่าที่ไม่ขัดขวางหลักการสามประการของการเพิ่มผลผลิต จตุรภัทร ประทุม. (2559). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา.การศึกษาเรื่องการจูงใจจะไม่สมบูรณ์ ถ้าเราไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของสิ่งจูงใจ สิ่งล่อใจ คำว่าสิ่งจูงใจ (Incentive) เป็นองค์ประกอบที่อยู่ภายนอก อาจเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ได้ สิ่งจูงใจเป็นตัวกำหนดทิศทางของพฤติกรรม กล่าวคือ พฤติกรรมที่ได้รับการจูงใจอาจเป็นการกระทำเพื่อมุ่งเข้าหา หรือหนีออกห่างจากสิ่งจูงใจนั้นก็ได้ ดังนั้น ถ้าเป็นสิ่งที่คนเราอยากได้ หรืออยากเข้าใกล้ เรียกว่า สิ่งจูงใจทางบวก (Positive Incentive) เช่น อาหาร ปริญญาบัตร คำสรรเสริญ เป็นต้น สิ่งที่คนเราไม่ต้องการหรืออยากหลีกเลี่ยง เรียกว่า สิ่งจูงใจทางลบ (Negative Incentive) ได้แก่อาหารที่เราไม่ชอบเสียงหนวกหูอากาศเสียคำกล่าวหาการลงโทษ ประเภทและลักษณะของแรงจูงใจ ประเภทแรงจูงใจ 8. ความต้องการขับถ่าย (Plimination) การขับถ่ายเอาของโสโครกออกจากร่างกายเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นจะเกิดเป็นพิษภายในร่างกายและทำให้คนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ความต้องการทางกาย ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากแรงขับดังกล่าวข้างต้น นักจิตวิทยาส่วนมากถือว่าแรงขับเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาดุลยภาพของสภาวะภายในร่างกาย ที่เรียกว่า โฮมีโอสเตชีส (Homeostasis) เมื่อร่างกายอยู่ภาวะเสียสมดุลความเครียดก็จะเกิดขึ้นและจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะได้รับการลดแรงขับเหล่านั้นให้ความเครียดลดน้อยลงหรือหายไป แรงจูงใจทางสังคม (social Motive or Secondary needs) แรงจูงใจทางสังคม (social Motive or Secondary needs) แรงจูงใจในความปลอดภัย (Security) ในสังคมปัจจุบัน และโดยเฉพาะสังคมที่สลับซับซ้อน บุคคลจะต้องพึ่งพิงเกี่ยวข้องกับคนอื่นและสถานการณ์อื่น ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของตน ซึ่งหมายความถึงว่า ความมั่นคงปลอดภัยของตนอาจจะสูญเสียไปโดยไม่ใช่ความผิดของตน หรือไม่ใช่เรื่องที่ตนจะเรียกร้องกลับคืนมาได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ความรู้สึกว่าปลอดภัยและมั่นคงจึงเป็นความต้องการของมนุษย์ แรงจูงใจนี้แต่ละคนมีมากน้อยต่างกันไป บางครั้งเราจะเห็นได้ว่า ความต้องการที่จะรู้สึกได้ว่ามั่นคงมีความสำคัญต่อการทำงานมากกว่า ค่าจ้าง ฐานะ และความต้องการอื่น ๆ ทฤษฎีการจูงใจ ทฤษฎีลดแรงขับ (The drive reduction theory) ทฤษฎีการตื่นตัว (Arousal Theory) ทฤษฎีการกระตุ้น ข้อใดเป็นแรงจูงใจที่เกิดจากเหตุผล2. แรงจูงใจทีเกิดจากเหตุผล (Rational Buying Motives) เป็นแรงจูงใจทีเกิดจากการพินิจพิจารณาของ ผู้ซื้ออย่างมีเหตุมีผล ก่อนการซื้อสินค้าหรือบริการนั้น 3. แรงจูงใจทีเกิดจากอารมณ์ (Emotional Buying Motives) เป็นการเลือกจุดมุ่งหมายตามหลักเกณฑ์ ความรู้สึกส่วนตัวหรือดุลพินิจส่วนตัว
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ มีอะไรบ้างบุคคลที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะมีลักษณะพิเศษ คือ มีความรับผิดชอบต่อตนเองสูง และความพยายามทำงานให้ สำเร็จ มีความท้าทายและกล้าเสี่ยง เลือกทำสิ่งที่ยากพอเหมาะกับความต้องการของตนเอง มีความกระตือรือร้น ขยันขันแข็ง ในการกระทำสิ่งแปลกใหม่ ชอบที่จะทำงานท่ามกลางปัญหามากกว่าหนีแล้ววิ่งไปหาโอกาส มีแผนการระยะยาว บวกกับมี ทักษะใน ...
ความสําคัญของการจูงใจในการทํางานมีอะไรบ้าง– การสร้างแรงจูงใจช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของพนักงาน เพราะการเปลี่ยนแปลงทำให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้ชีวิต คนที่มีแรงจูงใจในการทำงานสูง จะทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หากไม่สำเร็จก็จะหาข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไข ซึ่งทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงการทำงาน จนในที่สุดทำให้เจอแนวทางที่เหมาะสมที่แตกต่างไปจากแนวเดิม
การจูงใจมีอะไรบ้างสรุปได้ว่าแรงจูงใจ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือแรงกร คือแรงจูงใจทางร่างกายและแรงจูงใจทางสังคม โดย แรงจูงใจทางร่างกายเกิดจากความต้องการที่ได้รับการกระตุ้นจากภายในร่างกาย ได้แก่ ความต้องการอาหาร น้ำ อากาศ ส่วนแรงจูงใจทางสังคมจะเกิดหลังจากการเรียนรู้ในสังคม อันเป็นความต้องการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
|