นิยายวาย คลุมถุงชน จบแล้ว ไม่ ติด เหรียญ

Part 4 ส่งตัวเจ้าสาว

   “ม๊า ทำไมต้องแต่งหน้าอั๊วะแบบนี้ด้วยเล่า น่าอายจะตาย”อั่งเปาบ่นบ่นกระปอดกระแปด

   เมื่อต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ตีสามตีสี่ขึ้นมาแต่งตัวด้วยชุดกี่เพ้าสีแดงเถือกปักดิ้นสีทองอร่าม ไหนจะยังมงกุฎแปลกๆมาสวมอยู่บนหัว กับผ้าคลุมหน้าสีแดงเอาไว้ให้เจ้าบ่าวเปิดเวลาทำพิธี

   ก็เข้าใจว่าเป็นตระกูลที่มีเชื้อสายจีน แต่ก็ไม่เห็นต้องให้เขาแต่งชุดแดงเข้าพิธีแบบนี้

   แล้วทำไมไอ้ลิงดำมันถึงได้ใส่ชุดไทยที่เป็นแบบโจงกระเบนเท่ๆอยู่คนเดียวล่ะ

   ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ พอบ่นเข้าหน่อยม๊าก็อ้างว่าชุดนี้ใส่มาตั้งแต่รุ่นอาม่ารุ่นอากง ก็เลยต้องยอมๆเขาไป

   แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะจบแค่นั้น ไหงถึงต้องแต่งหน้าเป็นลิงแสมตูดแดงเป็นงิ้วอย่างนี้ล่ะ

   แล้วไอ้แดงๆเป็นวงๆเท่าเหรียญสิบที่มันแต้มอยู่บนแก้มทั้งสองข้างนี่มันอะไร มันจะตลกเกินไปแล้ว

   “ลื้ออยู่เฉยๆเถอะน่า ตอนอั๊วะแต่งกะป๊าลื้ออั๊วแต่งเยอะกว่านี้อีก นี่แค่ชิลชิลอาตี๋เล็ก”

   นี่ขนาดชิลชิลขอม๊านะเนี่ย หน้ายังกับตูดลิงแสม ถ้าจัดเต็มนี่จะขนาดไหน

   ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าไอ้ลิงดำเห็นเขาในสภาพนี้แล้วจะหัวเราะเยาะเขาขนาดไหน

   “พายัพไหนเจ้าสาวแกวะ ฉันมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นหน้าเจ้าสาวแกเลย”เสียงถามของเพื่อนสนิททำให้พายัพหันไปขมวดคิ้วใส่เพื่อน

   ไม่รู้จะปรับอารมณ์เป็นอารมณ์ไหนดี จะว่าตื่นเต้นก็ตื่นเต้น รอที่จะเจอเจ้าสาวใจจะขาด

   “ประเพณีจีนเขาห้ามเจอหน้ากันอาทิตย์หนึ่ง ตอนนี้เก็บตัวอยู่”พายัพตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน

   อยากจะเจอหน้าน้องอังเปาใจแทบขาด ไม่เจอกันร่วมอาทิตย์ก็คิดถึงแทบขาดใจแล้ว อยากจะอยู่ร่วมหอลงโลงกันไวไว

   “ไม่รู้ว่าเจ้าสาวแกกับแกใครจะหล่อว่า เนอะมาตินเนอะ”รามิเรสหนุ่มชาวอิตาลีเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทองตาสีฟ้า
กระเซ้าเพื่อนสนิทในกลุ่มอย่างพายัพว่าที่เจ้าบ่าวที่กำลังกระวนกระวายใจอยากเจอเจ้าสาวเต็มแก่

   “แกก็ไปว่ามันรามี่ เผลอๆ แต่งไปเป็นเมียบ้านเขารึเปล่าก็ไม่รู้”มาตินหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนัยน์ตาสี
น้ำตาลพูดแหย่เพื่อนสนิท

   “เออ ไอ้มาติน แกไม่แต่งบ้างให้มันรู้ไป”พายัพหันไปบ่นใส่เพื่อนหนุ่มเนื้อหอม

   “ช่วยไม่ได้ ก็สาวๆมันเรียกร้อง เยอะจนเลือกไม่ถูกว่าจะแต่งกับคนไหน เลือกคนนั้นก็กลัวคนนี้จะเสียใจ อยู่แบบนี้ตื่นเต้น
กว่าเยอะ”มาตินตอบพลางยกยิ้ม เสยผมขึ้นมาแล้วขยิบตาใส่สาวเจ้าที่มาร่วมงานแล้วส่งสายตาทอดสะพานมาให้

   “ฉันจะรอดูแกก็แล้วกัน ว่าคนอย่างมาติเนซคนนี้จะไหลไปได้ตลอดรอดฝั่ง”พายัพอดหมั่นไส้เพื่อนเพลบอยตัวดีไม่ได้

   “แน่นอนอยู่แล้ว”มาตินยักไหล่

   “สักวันเถอะน่า ได้มีผู้หญิงหอบลูกมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง หรือไม่ก็ตกหลุมรักผู้ชายจนกลายเป็นเสือสิ้นลายไปเลยคอยดูสิ”พายัพขู่แกมแช่ง

   “ให้มันจริงเถอะน่า ถ้ามีลูกขึ้นมาจริงๆนะ ฉันจะเอาใจใส่ดูแลอย่างกับไข่ในหินเลย แล้วถ้าได้มีเมียเป็นผู้ชายแบบแกนะ ฉันจะยกขึ้นหิ้งเทิดทูนกราบเช้ากราบเย็นเลย คอยดูสิ”มาตินพูดเสร็จก็หัวเราะร่วน

   “ฮ่าฮ่า แกระวังนะไอ้กอลิล่า ถ้าเป็นจริงขึ้นมาฉันจะขำให้ดู”รามิเรสตบไหล่เพื่อน

   “เออ ว่าแต่มาติน แกก็ด้วยรามี่ สักวันแกจะเจอคนที่กำราบความเจ้าเล่ห์ของแกได้ คอยดู”พายัพขู่เพื่อนเจ้าบ่าวอีกคน

   “เฮ้ย เกี่ยวไรกับฉันวะ ฉันไม่ได้เยอะแบบมาตินมันสักหน่อย”รามิเรสบุ้ยปาก

   “ระวังกันเอาไว้แล้วกัน นี่ก็ได้เวลาแล้ว ฉันไปรอเจ้าสาวก่อน”พายัพยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาก่อนจะตบไหล่เพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสองแล้วเดินไปยังโต๊ะจัดพิธียกน้ำชาไหว้ฟ้าดิน

   โดยที่รู้เลยว่าเพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสองกำลังขำอยู่กับคำทำนายที่กำลังจะเป็นจริงในไม่นานของเขา

   พายัพยืนรออยู่ตรงหน้าแท่นพิธีโดยมีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนั่งรอกันอยู่ครบแล้ว เหลือแต่เจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามาทางประตูห้องโถงโดยมีคุณนายของเฮียเล้งแม่เจ้าสาวเป็นคนประครอง

   พายัพใจเต้นแรงเมื่อเห็นเจ้าสาวในชุดสีแดงปักดิ้นทองค่อยๆเดินใกล้เข้ามา ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็ตื่นเต้นจนแทบจะรอไม่ไหว อยากจะกระโจนไปดึงตัวเจ้าสาวมาทำพิธีซะให้เสร็จๆแล้วจับเข้าหอมันซะเลย แต่ก็ทำไม่ได้

   พอเจ้าสาวเดินมาใกล้ก็ถึงได้ไปรับเจ้าสาวมาจากมือแม่ของเขา มือเจ้าสาวนิ๊มนิ่ม นิ่มจนอยากจะฟัดจูบลงไปแรงๆแต่ก็ต้องอดใจเอาไว้

   พอจูงเจ้าสาวมาก็ได้เวลาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก

   ใจมันเต้นตุ๊มตุ๊มต่อมต่อม มือแทบสั่นเวลาที่เปิดผ้าแดงออกมา

   แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอากลั้นขำแทบไม่ทัน ได้แต่อมยิ้มแก้มป่อง

   น้องอังเปาที่หน้าขาวอยู่แล้วโบ๊ะแป้งจนหนาหน้ายิ่งขาวเข้าไปใหญ่ คิ้วก็เขียนจนโก่งเป็นสะพานพระรามแปด แถมแก้มป่องทั้งสองข้างก็แต้สีแดงๆเป็นดวงกลมๆใหญ่ๆเอาไว้อย่างกับตูดลิง ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่พายัพนี่ขำไปแล้ว

   พอเห็นเขาทำหน้าอมยิ้มน้องอังเปาก็ขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจใหญ่เลย แต่ทำไมมันถึงดูน่ารักน่าชังแบบนี้นะ ชักอยากจะพาเข้าหอไวไวแล้วสิ

   แล้วพิธีไหว้ฟ้าดิน และยกน้ำชาให้บรรดาญาติผู้ใหญ่ก็จบลง ตามด้วยพิธีรดน้ำสังข์ในแบบของไทย

   “เหนื่อยไหม”พายัพยกผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากมนมนให้เจ้าสาว

   “เหนื่อยสิ ลองมาตื่นตีสามมาแต่งหน้าเป็นตูดลิงดูไหมล่ะ”อังเปาตอบหน้าบูดเป็นตูดลิง แต่ยังไงก็น่ารักสำหรับพายัพอยู่ดี

   “เอาน่า เดี๋ยวก็เสร็จแล้วครับ”พายัพปลอบใจเมื่อพิธีตอนเย็นกำลังจะเริ่มขึ้น

   นึกเห็นใจเจ้าตัวแสบที่ทำท่าทำทางเหนื่อยเต็มทน

   ตอนนี้อังเปาอยู่ในชุดสูทสีเทาดูสะอาดตาค่อยยังชั่วใจขึ้นมาที่ไม่ได้ถูกจับใส่ชุดเจ้าสาวฟูฟ่อง

   ทั้งพิธีเช้า ทั้งพิธีเย็น เล่นเอาเจ้าตัวเหนื่อยไปเลย

   แต่ก็ดีใจยังไงไม่รู้ที่มีคนคอยปลอบคอยซับเหงื่อให้ อย่างน้อยวันนี้มันก็ไม่ได้แย่ทั้งวัน

   “เดี๋ยวให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวมาเล่าให้ฟังกันดีกว่าว่าเจอกันอย่างไรตอนไหน มีใครอยากฟังไหมครับ”พิธีกรพูดขึ้นทำเอาตี๋
เล็กของบ้านแทบจะขึ้นไปหักคอพิธีกร

   เดินไปทั่วงานจนปวดขาหมดแล้ว ไหนจะกล่าวนั่นกล่าวนี่ นี่ยังจะให้ขึ้นไปเล่าบนเวทีอีกเหรอว่าเจอกันตอนไหน ให้ตายก็
ไม่เล่าเด็ดขาด

   แต่จนแล้วจนรอดก็ถูกลากมาบนเวทีท่ามกลางเสียงเชียร์ของพี่พี่น้องๆและและลากของเจ้าบ่าวผิวเข้มหน้าหล่อ

   “อะไรเล่า อยากเล่าก็เล่าสิ”ตี๋เล็กเบือนหน้าหนีไมโครโฟนที่พายัพจงใจยื่นมายั่วโมโหเล่น

   แล้วก็ได้ผลเมื่อเจ้าตัวหันไปขู่ฟ่อๆใส่

   “จะว่าเจอกันตอนไหน หลายคนก็อาจจะไม่เชื่อนะครับ ตอนนั้นผมยังแค่อายุสิบสอง ยังคิดอะไรไม่ค่อยได้ตามภาษาของเด็กๆ”พายัพเริ่มเล่า

   ทำเอาเจ้าตัวแสบที่ยืดหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆหนไปมองตาโต

   นี่ตกลงจะเล่าเรื่องน่าอายให้คนอื่นฟังจริงๆรึไง

   พอหันไปมองค้อน มือใหญ่ๆก็ยกมาลูบหัวเขาทำอย่างกับเขาเป็นลูกแมวโชว์แขกที่มาร่วมงานให้เขาได้หัวเราะชอบใจซะงั้น มันน่านักไหมล่ะ ฝากไว้ก่อนเถอะ

   “ตอนแรกที่ผมเจอเขา ผมเห็นเขานั่งอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่น แวบแรกที่ผมเห็นผมก็คิดว่า คนอะไรตัวข๊าวขาว ก็เลยเดินเข้าไปมองใกล้ๆ ก็เห็นเด็กน่ารักๆแก้มป่องๆ แก้มเหมือนซาลาเปา”พายัพหยุดพูดแล้วหันมาหยิกแก้มป่องๆที่ยืนอยู่ข้างๆ
เรียกเอาคนทั้งห้องจัดเลี้ยงส่งเสียงโห่ชอบใจ

   “พอเห็นอย่างนั้นก็เลยเข้าไปตีสนิทด้วย ไปเล่นด้วย ไปไปมามาก็กลายเป็นสนิทกัน เล่นด้วยกันตลอด แล้วใครจะไปคิดล่ะว่า จู่ๆเจ้าตัวจะมาบอกผมว่า อุ๊บ”ยังไม่ทันได้พูดตี๋เล็กก็กระโดดตะปบปากพูดมากไม่ให้ได้พูดอะไรให้อายคนอื่นไปมากกว่านี้

   เล่นเอาคนที่รอฟังโห่กันเสียงดังเข้าไปอีก

   “อาตี๋เล็ก ลื้อจะปิดปากผัวลื้อทำไม ม๊าอยากฟัง ม๊าไม่รู้มาก่องเลยว่าพวกลื้อเคยเจอกัง”ม๊าส่งเสียงแว๊ดๆมาจากหน้าเวที

   “นั่นสิ ไม่เหงเคยบอกอั๊วะ”เฮียเล้งเสริม ทำเอาอั่งเปามุ่ยหน้ายอมปล่อยมือออกจากปากเจ้าบ่าว

   “หึหึ นั่นแหละครับ แล้วเด็กแก้มซาลาเปาขาวขาวคนนั้นก็ขอผมแต่งงาน ทำเอาผมอึ้งไปเลย”พูดจบเสียงเฮก็ดัง ต่างก็ประทับใจกับเรื่องที่เจ้าบ่าวเล่า

   “พูดมากน่าไอ้ลิงดำ”อังเปาพึมพำหน้าแดง

   “พอวันรุ่งขึ้น เจ้าตัวก็หายไป ไม่มาโรงเรียนอีกเลย เพราะเข้าใจผิด เห็นผมไปจับมือกับเด็กผู้หญิงคนอื่น เขาก็เลยโกรธไม่มาโรงเรียนอีก ตั้งแต่วันนั้นจะว่ายังไงดี เสียเซ้ลล่ะมั้งที่โดนขอแต่งงานได้วันเดียวก็โดนทิ้ง ตั้งแต่นั้นมาก็คอยตามหาตลอด
แต่ก็ไม่เจอ พอมาเจออีกทีก็ตอนที่พ่อบอกว่าจะพามาดูตัว ถ้าวันนั้นผมปฏิเสธการดูตัวไป ผมคงไม่มีวันสุขแบบวันนี้ ผมเชื่อว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราสองคนมาเจอกัน ตอนนี้ผมได้มาทวงสัญญาที่เขาให้ไว้ว่าจะแต่งงานกับผม แล้วผมก็ได้ในสิ่งที่ผมต้องการมาทั้งชีวิต นั่นคือได้แต่งงานกับเขา ต้องขอบคุณโชคชะตาครับ ที่นำพาเรามาพบกัน”

   พูดจบเสียงโห่ร้องของคนในห้องจัดเสียงก็ดังขึ้นด้วยความประทับใจจากเรื่องที่ได้ยิน

   แต่นั่นมันก็ไม่เท่าเจ้าสาวตัวแสบยืนเม้มปากอยู่ข้างๆ น้ำตาคลอจวนจะไหลแหล่มอไหล่แหล่ ทำเอาพายัพต้องความเจ้าตัวเข้ามากอดปลอบยกใหญ่

   “ไอ้บ้า”อังเปาทุบอกเจ้าบ่าวไปทีหนึ่ง พลางเช็ดน้ำตาที่จวนจะไหลลงมาออก

   “จูบเลย จูบเลย จูบเลย จูบเลย”เสียงเชียร์จากแขกที่มาร่วมงานทำเอาเจ้าสาวหน้าเหลอหลา

   แต่ก็ไม่ทันซะแล้วเมื่อเจ้าบ่าวยกมือทั้งสองข้างประครองหน้าเจ้าสาวเอาไว้แล้วประกบจูบโชว์แขกผู้มาร่วมงาน

   พอได้ฤกษ์ได้ยามญาติๆพร้อมกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็พากันมาที่ห้องสวีทของโรงแรมเพื่อมาส่งตัวเจ้าสาว

   ต่างฝ่ายต่างก็อวยพร ต่างก็ร่วมยินดีแล้วทยอยกันออกไปทั้งให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอยู่นั่งมองหน้ากันอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ

   ตี๋เล็กมองเตียงกลีบกุหลาบอย่างกระดากใจ จะทำยังไงดีหากไอ้ลิงดำมันหน้ามือลุกมาปล้ำเขา

   “เป็นอะไรไป เงียบเชียว ปกติเห็นบ่นเอาบ่นเอา”

   “มะ ไม่ใช่สักหน่อย แค่เหนื่อยต่างหาก”

   ใครบอกล่ะ ไอ้เหนื่อยมันก็ทนได้อยู่หรอก แต่ไอ้อยู่ในห้องสองต่อสองกับไอ้ลิงดำนี่สิ ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรเขาบ้าง

   “อาบน้ำกันไหม”อีกฝ่ายชวน

   “มะ ไม่ อาบก่อนเลย”ตี๋เล็กปฏิเสธ

   “’งั้นพี่อาบก่อนนะ”

   แล้วเจ้าบ่าวก็อาบน้ำอาบท่าอยู่พักใหญ่จนออกมาทั้งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอาไว้รอบเอวจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่แล่นเอา
ตาแทบถลน

   รู้อยู่หรอกว่าไอ้ลิงดำมันหล่อ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าหุ่นมันจะดีแบบนี้ ไม่รู้ว่ามันเอาเวลาตอนไหนไปเข้าฟิสเนส หรือว่ายังไง ทำไมมันถึงได้ดูดีอย่างนี้

   อย่าว่าแต่เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้เลย ไอ้ลิงดำมันทำงานอะไร หรือชอบอะไรเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่มันดันรู้เรื่องราวเขาหมดเลย

   ว่าแล้วมันก็น่าน้อยใจ เลยคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำบ้าง

   “อย่าอาบนานล่ะ”เสียงกระเส่าบอกมาทำให้ตี๋เล็กสะดุ้งเฮือก

   สั่งแบบนี้หมายความว่าไง หมายถึงอย่าอาบน้ำนานนะเดี๋ยวเป็นหวัด หรือว่าอย่าอาบน้ำนานนะ รอทำลูกอยู่

   แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

   “ผ่านไปชั่วโมงกว่าที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องน้ำจนโทรศัพท์แบทหมดเพื่อถ่วงเวลารอให้ไอ้ลิงดำมันหลับ

   ร่างสูงโปร่งของอังเปาค่อยๆแง้มประตูห้องน้ำออกมา พอมองลอกออกมาก็เห็นว่าไฟในห้องปิดแล้วเลยถอนหายใจ

   ย่องออกมาเบาเบา พลางมองไปที่เตียงนอนที่มองไม่ค่อยถนัดเพราะว่ามันมืด

   “กะแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้”สิ้นเสียยังไม่ทันได้ตกใจดี ร่างทั้งร่างก็ถูกอุ้มจนลอยแล้ววางลงบนเตียงตามด้วยร่างกายสูง
ใหญ่คร่อมทับกันไม่ให้หนีไปไหน

   อังเปาตกใจตาโต ดันอกล่ำๆเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ ทั้งตัวมีผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เหมือนกันจนรู้สึกได้ถึงผิวหนังของอีกฝ่ายที่กำลังแนบชิดกัน

   “จะ จะทำอะไรน่ะ”ถามไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ

   “กำลังจะปั๊มลูกไงล่ะ”พายัพตอบเสียงกระเส่า

   เริ่มซุกหน้าเข้ากับลำคอขาวๆหอมกรุ่นครีมอาบน้ำ

   “อื้อ ดะเดี๋ยว”ห้ามไปก็เท่านั้น

   ร่างกายมันก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา

   ไม่ได้รู้เลยว่าน้ำชาที่ยกดื่มตอนก่อนจะส่งตัวเสร็จนั้นมันมีอะไรผสมอยู่ด้วยฝีมือของญาติผู้ใหญ่ตัวดีทั้งหลาย

   “อือ”ยิ่งโดนจูบยิ่งโดนลูบก็ยิ่งรู้สึกร้อนไปทั้งตัว

   “เป็นเด็กดีนะครับ”เสียงกระซิบดังข้างหูทำเอาอารมณ์ยิ่งเตลิดเข้าไปใหญ่

   ถ้าเป็นปกติที่โดนพูดเหมือนเป็นเด็กคงจะโมโหแล้วทึ้งตัวไอ้ลิงดำไปแล้ว แต่นี่อะไร

   ยอมให้มันทั้งกอดทั้งจูบ แล้วก็กอดมันตอบด้วยเนี่ยนะ

   “อือ พะ พายัพ”แถมเรียกชื่อมันด้วย

   นี่เขาเป็นอะไรเนี่ย

   “อืม คนเก่ง”เสียงทุ้มพร่ากระซิบข้างหูพร้อมกับมือร้อนๆกอบกุมเอาแท่งเนื้อของเขาแล้วรูดเบาเบา

   “อะ งือ ทำอะไรน่ะ”ถามไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ

   ความรู้สึกเสียวซ่านมันก่อตัวจนแทบระเบิดออกมา ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย

   รู้สึกดีจนเหมือนกับตัวลอยได้

   ชอบที่โดนจูบไปทั้งตัว ชอบที่โดนกอดโดนลูบไล้ ทำไมถึงได้รู้สึกชอบอะไรที่มันน่าอายๆแบบนี้ไปได้

   มือและเท้ามันทั้งจิกทั้งเกร็งจนแทบบ้า

   ทำไมไอ้ลิงดำมันถึงได้เก่งขนาดนี้ มันทำเอาเขารู้สึกชอบเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

   “อะ อื้อ”ส่งเสียงร้องเบาเบาเมื่อช่อองทางข้างหลังรู้สึกว่ามันมีอะไรสอดเข้ามาเบาเบา แต่มันก็รู้สึกแน่นแล้วก็เสียดๆ

   มันขยับเข้าออกแล้วก็เพิ่มเอามาอีกทำให้ยิ่งอึดอัดแต่ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมา รู้สึกดีจนต้องกอดอีกฝ่ายเอาไว้แล้วได้แต่คราง
อย่าพอใจทั้งที่ตาคอยปรือมองอีกฝ่ายยามที่สายตาคมกริบนั้นมองมา

   แค่โดนมองก็รู้สึกว่าร่ากายมันเหมือนกับถูกเผาด้วยสายตานั้นๆจนแทบจะมอดไหม้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ

   “อะ โอ้ย จะเจ็บ”พอนิ้วที่สอดเข้ามาได้ที่ก็ถูกถอนออกไปทำให้ต้องมองค้อนอีกฝ่าย แต่ก็ต้องมุ่ยหน้าเมื่อถูกแทนที่ด้วยอะไรที่ใหญ่กว่าแล้วก็ร้อนเอามากๆ

   ถึงได้ผวาตัวเข้าไปกอดร่างกายใหญ่โตกว่าแน่น แล้วก็กัดฟันเข้ากับไหล่หนาหนา

   จนขอร้อนๆนั่นมันเข้ามาได้หมด แล้วขยับเข้าออก แรกๆก็รู้สึกอึดอัดจนดิ้นทุรนทุราย แต่หลังก็รู้สึกดีจนด้านหน้ามันอึดอัดอยากจะปล่อยออกมาใจจะขาด แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้

   ยิ่งสิ่งนั้นมันกระแทกเข้ามาแรงเท่าไรก็ยิ่งร้องเสียงดังผวาเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น

   เป็นอย่างนี้ไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่ไอ้อนุญาตให้ปล่อยออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกกระแทกเข้ามาทำให้รู้สึกเหมือนขึ้น
สวรรค์นับครั้งไม่ถ้วน

   จนทั่งเหนื่อยทั้งเพลียจากที่เป็นอยู่ทุนเดิมแล้ว ทำให้รอบสุดท้ายปล่อยเสร็จแล้วก็สลบไปเลย ทิ้งให้อีกฝ่ายขยับต่อเพราะยังทำภารกิจค้าง

      ตื่นมาอีกทีก็รุ่งเช้าแล้ว ทั้งปวดทั้งเมื่อยตัวจนอยากจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   พอมองไปข้างๆตัวก็เจอไอ้ลิงดำมันนอนเปลือยอกอยู่ถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นมามองดูตัวเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อเหมือนกัน

   ใจมันเต้นตุ๊มๆต่อมๆภาวนาว่าให้มีอะไรใส่ปิดเปาน้อยอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยเถอะ แต่พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างตัวแสบอย่างเขาอยู่แล้ว

   นอกจากเปาน้อยจะนอนตายหมดสภาพแล้ว พายัพยักษ์ยักษ์ผงาดรับอรุณขู่ๆฟ่อฟ่อเป็นเชิงทักทายว่าเอาอีกไหม เล่นเอาแทบลมจับ

   “ตื่นแล้วเหรอครับ เด็กดี”เสียงแหบทักทายก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวเขา

   แต่มันไม่ใช่เรื่องนั้นที่จะต้องมาใส่ใจ

   นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่เขาเสียตัวให้ไอ้ลิงดำมันแล้วใช่ไหม

   ไม่จริงน่า เจ็บปวดใจที่สุด เป็นไปไม่ได้

   ภาพต่างๆที่เกิดขึ้นได้ไหลเวียนเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็วทำเอาตี๋เล็กหน้าแดงก่ำ

   “ไอ้บ้าเอ๊ย”ว่าแล้วก็หยิบหมอขึ้นมาตีใส่ไอ้เจ้าบ่าวงี่เง่าทันที

   แต่นั่นมันก็สะเทือนไปถึงลำไส้ใหญ่ทำเอารู้สึกได้เลยว่าเมื่อคืนดุเดือดกันแค่ไหน

   “เป็นอะไรไหมครับ”พายัพถามเมื่อเห็นภรรยานิ่วหน้าบอกว่ากำลังเจ็บอยู่

   “ไม่ต้องมายุ่งเลย ไอ้ลิงดำ ไอ้งี่เง่า ไอ้ อะ อะ ไอ้บ้า”พอเหลือบไปเห็นพายัพยักษ์ใหญ่ผงาดดันผ้าห่มจนนูนขึ้นมาก็ถึงกับไปต่อไม่ถูก

   เพราะชีวิตมันได้ถูกลิขิตมาแล้วว่าเกิดมาคู่กัน

   ต่อให้หนียังไงก็หนีไม่พ้น

      “จะไปไหน นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านสักหน่อย”อังเปาโวยวายเมื่อพายัพขับรถมาในเส้นทางที่คุ้นตา

   เจ้าตัวนั่งมองเส้นทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน ทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเบาะที่มีหมอนอิงรองก้นอย่างดีกันกระแทก

   “ก็ไม่ได้พากลับบ้านนี่ครับ”

   “แล้วจะพาไปไหน ไม่ไปไหนทั้งนั้น เจ็บตูด ไม่อยากไปไหน พากลับบ้านเดี่ยวนี้”

   “เดี๋ยวก็รู้เอง”พายัพยิ้มมุมปาก

   ไม่นานก็ขับรถมาจอดหน้าบ้านสองชั้นหลังใหญ่ที่พึ่งจะตกแต่งเสร็จหมาดเพื่อให้ทันวันแต่ง

   “พามานี่ทำไม บ้านใคร”

   อังเปาพอรถเข้ามาจอดในบ้านที่ไม่คุ้นตา แต่ก็สวยถูกใจถามขึ้นมา

   “เรือนหอของเราไง”พายัพยิ้ม

   “อะ อะไรนะ เรือนหอ ได้ยังไง ไหนไม่เห็นมีใครเคยบอกอะไรเลย”พอได้ยินดังนั้นก็โวยวายแทบจะทันที

   “เคยบอกไปแล้วแต่ไม่เห็นจะสนใจว่าอะไรนี่ครับ”พายัพบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

   “ไม่เห็นจะรู้เรื่อง ไม่เอา ไม่อยู่ จะกลับบ้าน”

   “กลับได้ยังไง แต่งออกมาแล้วก็ต้องอยู่บ้านสามีสิ”

   “อะ อะไร ใครเป็นสามีใคร พูดให้ดีดีนะ ไอ้เฉาก๊วย กลับบ้านเดี๋ยวนี้ อยู่ไม่ได้ ของใช้เสื้อผ้าจิปาถะอยู่บ้าน เพราะงั้นกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

   “ใครบอกล่ะว่าไม่มีของใช้ ของอื่นๆของอังเปาทั้งหมดป๊ากับม๊าอังเปาขนมาไว้ให้หมดแล้ว ไม่เชื่อก็ลองไปดูสิ”

   “อะไรนะ”

   หมายความว่าไง ใครจะไปเชื่อ ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย

   ถึงได้เดินเข้าบ้านไปสำรวจพอก้าวแรกเข้าไปในบ้านก็เจอรูปแต่งงานบานเบ้อเริ้มแขวนอยู่ตรงทางเข้าพอดีเปะ นั่นไม่พอ ของใช้ต่างๆก็ถูกขนเอามาไว้อย่างดิบดีเรียบร้อยโรงเรียนเฮียเล้ง

   ไม่มีปรึกษาลูกคนเล็กสักคำ นี่มันอะไรกัน จะมีใครสนใจฟังเขาบ้างไหมเนี่ยยยยยยยยย

   “ของก็มาครับแล้ว ขาดแต่คนเข้าอยู่ เราไปดูเตียงของเรากันข้างบนดีกว่านะ”

   พูดจบเจ้าตัวก็ถูกอุ้มขึ้นพาดบ่าทันที

   “เดี๋ยวสิ อะไรเนี่ย จะบ้ารึไง ปล่อยนะเว้ย ไอ้ลิงดำ ไอ้บ้าเอ้ย”

   ได้แต่โวยวายแต่ก็โดนอุ้มขึ้นไปชั้นบนของบ้านเรียบร้อยแล้ว

   ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเจออะไร

   สุดท้ายก็มานอนหน้ามุ่ยขยำผ้าห่มอยู่บนเตียงอย่างเจ็บใจ แถมเจ็บตูด เสื้อผ้าก็ไม่รู้ว่ากระจายไปทางไหน

   ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจใส่คนข้างๆที่ยิ้มเผล้อย่างสบายใจสบายพายัพยักษ์ไปเรียบร้อย

   “โกรธเหรอครับ”ถามไปแต่ก็ดึงเอาตี๋เล็กจอมขี้งอนขึ้นมานั่งบนตัก

   “เอ้ยอะไรเล่า ปล่อยซี่”พอโดนอุ้มขึ้นมานั่งตักก็ถึงกับรู้ว่าพายัพยักษ์มันไม่ยอมตายจริงๆ

   แถมยังผงกหัวสะกิดตูดเขาอีก

   “นี่ โกรธเหรอครับ”

   “เออ โกรธ”

   “หายงอนนะครับ เดี๋ยวเย็นนี้พาไปกินข้าวที่บ้าน”

   “เออ”ได้แต่นั่งนิ่งๆเพราะกลัวพายัพยักษ์จะกัดตูดเอา

      “พายัพ”เรียกเสียงเบาหลังจากที่กอดกันอยู่พักใหญ่

   “ว่าไงครับ”

   “ถามอะไรหน่อยสิ”

   “อือ ถามได้เลย ถามเยอะๆก็ได้”พายัพตอบพร้อมกับหอมแก้มป่องๆไปฟอดใหญ่

   “อยากรู้ว่าทำงานอะไร ไม่เคยบอกเลยล่ะ”

   “อยากรู้เหรอ”

   “ก็เออน่ะสิ ใครจะไม่อยากรู้ว่าผัว เอ้ย คนที่อยู่ด้วยกันทำงานอะไร”

   “หึหึ อยากรู้ทำไงครับ”พายัพยิ้มเจ้าเล่ห์หันแก้มให้เจ้าตัว

   “เออ ดีแต่ได้ น่าเบื่อ”ถึงจะพูดอยากนั้นแต่ก็ยอมกดจมูกลงบนแก้มของอีกฝ่าย

   “งั้นดูนี่นะ”พายัพพูดจบก็เอื้อมหยิบนิตยสารที่อยู่หัวเตียงมาส่งให้เจ้าตัวขี้สงสัย

   “เอามาให้ทำไม”อังเปาหน้ามุ่ย

   “ก็ดูเอาสิ”พายัพพยักหน้าให้มองที่หน้าปก

   พอเจ้าตัวเห็นก็อ้าปากเหวอ พึ่งจะรู้ว่าสามีเป็นนายแบบ มิน่าหุ่นถึงได้ดีขนาดนี้

   ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในงานเลี้ยงถึงได้มีคนมาร่วมงานเยอะแล้วก็กล้องอีกหลายสิบตัว

   ตกลงเขาได้สามีเป็นนายแบบคนดังใช่ไหมเนี่ย ทำไมชีวิตมันถึงได้ดูวุ่นวายขนาดนี้

            จบแล้ว ฟินน่าเร่ เอาฮาอย่างเดียว  ในช่วงที่คิดอะไรไม่ออก

กดบวกกดเม้น กดอะไรก็แล้วแต่ ขอบคุณจ้าที่คอยติดตาม

มีใครเห็นตัวละครคุ้นๆโผล่มาบ้างน้อ จะมีใครจำได้บ้าง