ด้วยความที่เทคโนโลยีในสมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก จึงกลายมาเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทต่อวงการ และเริ่มขยายวงกว้างเข้าสู่วงการการศึกษามากกว่าแต่ก่อน วันนี้ทางเว็บไซต์ของเราจึงมีเครื่องมือเด็ดๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนมาฝาก จากการรวบรวมข้อมูลของเฟสบุ๊คเพจ ครูภาษาไทย: ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ซึ่งบางแอปพลิเคชั่นก็มีให้โหลดเฉพาะใน App Store หรือ PLAY STORE เท่านั้น
1. Kahoot-สร้างข้อคำถาม/แบบฝึกปรนัย -ใช้สมาร์ทโฟนของนักเรียนเป็นรีโมทกดตัวเลือก -สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
2. Plicker-สร้างข้อคำถาม/แบบฝึกปรนัย -ใช้โค้ดเฉพาะจากเว็บไซต์พิมพ์ในกระดาษโดยการหมุนตัวเลือก A B C D ในโค้ดแทนการเลือกตอบ -ใช้มือถือสแกนเพื่อตรวจคำตอบ -สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
3. Classdojo-ช่วยเช็กชื่อนักเรียน หรือประมวลผลคะแนนพฤติกรรม หรือตรวจสอบการมาสาย -ส่งข้อความติดตามนักเรียน หรือแจ้งผู้ปกครอง
4. Nearpod-สร้างบทเรียนออนไลน์ -สร้างคำถามให้ผู้เรียนตอบหลังจากจบคลาส
5. Zipgrade-ใช้กระดาษคำตอบจากเว็บไซต์ให้นักเรียนฝนคำตอบด้วยดินสอ 2B -ใช้มือถือสแกนเพื่อตรวจคำตอบ -ประมวลผลคะแนนรายบุคคล
6. Prezi-สร้างการนำเสนอออนไลน์ -สร้างความน่าตื่นเต้นในการนำเสนอ
7. Recap-ใช้เป็นพื้นที่ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน -อัปโหลดวิดีโอถามตอบได้ตลอดเวลา
8. Voxer-ทำหน้าที่คล้ายวิทยุสื่อสาร -ใช้บันทึกเสียงโต้ตอบ -ใช้ในกิจกรรมที่ต้องประสานงานกัน
9. Piktochart-สร้างสื่อการเรียนการสอน โดยเฉพาะสื่อ Infographic -มีรูปภาพ และไอคอน
10. Edmodo-ส่งงานผ่านระบบออนไลน์ -สร้างชั้นเรียนของตัวเองผ่านระบบออนไลน์ -เช็กความก้าวหน้าของนักเรียนในการทำงาน -มีคอมเมนต์โต้ตอบเหมือน Facebook
11. Schoology-ส่งงานผ่านระบบออนไลน์ -สร้างชั้นเรียนของตัวเองผ่านระบบออนไลน์ -เช็กความก้าวหน้าของนักเรียนในการทำงาน -มีคอมเมนต์โต้ตอบเหมือน Facebook
12. Canva-ตกแต่งภาพได้อย่างสวยงาม -สร้างสื่อ Infographic -สร้างชิ้นงานส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้กับนักเรียน -ส่งเสริมทักษะการออกแบบ
แอปพลิเคชั่นเหล่านี้เหมาะสำหรับคุณครูที่ต้องการเปลี่ยนวิธีในการสอน หรือสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ให้สนุกสนานกว่าเดิม ในช่วงที่เชื้อไวรัส COVID-19 กำลังระบาดอยู่ขณะนี้ โรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ ก็คงจะพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ให้นักเรียนได้เรียนออนไลน์ที่บ้านกันเพื่อเลี่ยงการแพร่เชื้อ ซึ่งในด้านของครูผู้สอนนั้นก็คงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมต่าง ๆ เพื่อสอนออนไลน์ วันนี้เราก็เลยคัดเลือกโปรแกรมสอนออนไลน์ยอดนิยมที่สามารถใช้ได้ฟรีมาแนะนำกัน ส่วนจะมีโปรแกรมไหนบ้างนั้น ไปชมกันเลย บริการประชุมออนไลน์ของ Microsoft สำหรับใช้พูดคุยประชุมกันผ่านการแชตและวิดีโอคอล อีกทั้งยังสามารถเปิดดูและแก้ไขไฟล์งานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับการใช้ทำงานในระดับองค์กรหรือการศึกษา สามารถใช้งานได้ฟรี โดยการใช้ Microsoft Team แบบฟรีจะสามารถเรียนออนไลน์ร่วมกันได้สูงสุด 100 คน นานสุด 60 นาที พร้อมพื้นที่จัดเก็บไฟล์คนละ 1GB รองรับการใช้งานทั้งบนเว็บเบราว์เซอร์ ติดตั้งเป็นโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ หรือแอปฯ บนอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ต หนึ่งในโปรแกรมประชุมออนไลน์แบบ Video Call ที่มีคนใช้งานกันมากที่สุดในช่วง Work from Home ซึ่งทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถประชุมงานพร้อมกันได้หลายคน พูดคุยแบบเห็นหน้ากัน สามารถแชร์หน้าจอให้คนอื่นดูได้ รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาและครูอาจารย์ก็สามารถใช้ Zoom ในการเรียนและสอนออนไลน์ได้ด้วยเช่นกัน บริการสำหรับการประชุมทางวิดีโอแบบออนไลน์ โดยผู้สอนที่มีบัญชี Google จะสามารถสร้างห้องเรียนออนไลน์ที่รองรับนักเรียนได้สูงสุด 100 คน และใช้สอนได้สูงสุด 60 นาทีต่อการสร้างห้อง 1 ครั้ง นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงที่รองรับนักเรียนภายในหรือภายนอกชั้นเรียนสูงสุด 250 คน และสตรีมมิ่งแบบสดสำหรับให้คนเข้ามาดูพร้อมกันได้สูงสุดถึง 100,000 คนเลยทีเดียว แน่นอนว่า LINE นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในแอปฯ ที่คนไทยนิยมใช้ในการคุยแชต เพราะฉะนั้นการใช้ LINE สำหรับการสอนออนไลน์ไปด้วยเลยก็น่าจะเป็นวิธีที่สะดวกดี เพราะทั้งผู้เรียนและผู้สอนไม่จำเป็นต้องไปหาแอปฯ อื่น ๆ มาใช้เพิ่มเติม โดยใช้ฟีเจอร์ Group Call ที่รองรับสูงสุดถึง 200 คน ใช้ได้ทั้งบน PC และมือถือ อีกทั้งสามารถแชร์ภาพหน้าจอของตัวเองให้นักเรียนดูได้ หรือจะใช้ฟีเจอร์ Live เพื่อถ่ายทอดสดการสอนก็ได้เช่นกัน โปรแกรมแชตที่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนเล่นเกม ซึ่งมีฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ในการเรียนการสอนเช่นกัน คือสามารถสร้างห้องประชุมคุยกันทั้งแบบเสียงและแบบเปิดกล้อง รวมทั้งสามารถแชร์หน้าจอให้นักเรียนดูได้ แถมยังสามารถสร้างห้องแยกย่อยและกดย้ายห้องไปมาได้อย่างสะดวกง่ายดายอีกด้วย นอกจากนี้ Discord ยังมีจุดคือสามารถใช้ได้ฟรีโดยรองรับจำนวนคนต่อห้องได้ไม่จำกัด การใช้ Facebook Live ในการสอนออนไลน์เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายและสะดวก เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักมีบัญชี Facebook อยู่แล้ว จึงสามารถสอนออนไลน์แบบถ่ายทอดสดให้นักเรียนสามารถเข้ามาดูได้แสนง่าย แต่อาจมีข้อเสียคือตัวผู้สอนจะไม่สามารถเห็นหน้าจากกล้องของนักเรียนแต่ละคน รวมทั้งไม่สามารถจำกัดผู้เข้าเรียนได้ แต่การแชร์หน้าจออาจต้องใช้โปรแกรมเพิ่มเติมอย่างเช่น OBS YouTube ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถใช้ถ่ายทอดสดการสอนได้เช่นเดียวกับ Facebook Live โดยตัวผู้สอนจะต้องมีบัญชี YouTube ส่วนผู้เข้าเรียนนั้นจะมีบัญชีหรือไม่มีก็ได้ และผู้สอนสามารถตั้งค่าการถ่ายทอดสดเพื่อให้เฉพาะผู้ที่มีลิงก์สามารถเข้าเรียนได้ ส่วนการแชร์หน้าจออาจต้องใช้โปรแกรมเพิ่มเติมอย่างเช่น OBS เหมือนกับ Facebook Live และนี่คือโปรแกรมสอนออนไลน์ที่เราได้คัดเลือกมาแนะนำกัน ใครสะดวกหรือสนใจใช้โปรแกรมไหนก็ลองเลือกมาใช้กันได้เลย |