ใครที่ใช้อุปกรณ์ iOS ต้องระวังตัวให้ดีเพราะ ถ้ามีใครรู้รหัสผ่าน Apple ID นี่ชีวิตจบเลยล่ะเพราะเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างได้ อย่างรายล่าสุดโดนแฮคบัตรเครดิตเอาไปรูดซื้อตั๋วเครื่องบิน
Apple ID
ในเว็บ Pantip ได้กระทู้เตือนภัยและปรึกษาว่าโฮคแฮค OTP จากมือถือ นำไปรูดบัตรเครดิตซื้อตั๋วเครื่องบิน ซึ่งตัวเจ้าของกระทู้เอง ไม่มีพฤติกรรสุ่มเสี่ยง อย่างการคลิ๊ก link เเปลกๆ ที่ไม่รู้จัก, ไม่เคยโหลดเเอปเถื่อนหรือเจลเบรคไอโฟนที่ใช้อยู่ รวมถึงกดเข้าไปใน link ที่แนบมาใน e-mail เเปลกๆ
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการแฮค
เนื่องจากยังไม่ม่มีข้อมูลเพียงพอว่าโฮคแฮคได้ยัง ทางผู้ใช้ใน Pantip ได้ตั้งข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจดังนี้
1.คนร้ายรู้รหัสผ่านแอปเปิ้ลไอดี (ข้อมูลบัตรเครดิตอาจจะหลุดมาจากจุดนี้ด้วย) จึงสามารถเข้าไปดู SMS ที่ส่งไปสำรองเก็บไว้บน iCloud เมื่อมี OTP ส่งมา ก็แค่เปิดดูในอุปกรณ์อื่นๆ เพียงแค่ล็อกอินรหัสผ่านเข้าไปก็ได้ข้อมูลที่ต้องการ จากนั้นนำตัวเลข OTP ไปกรอกเพื่อยืนยันการจ่ายเงินได้
2.โดนแฮคมือถือ จากนั้นก็โดนเปลี่ยนการตั้งค่า เปิดการทำงานของ Text Message Forwording ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้เราส่งต่อ SMS ที่เข้ามาไปยังเครื่องอื่นๆที่ล็อกอินแอปเปิ้ลไอดีเดียวกันได้ เมื่อมี OTP เข้ามาก็จะส่งต่อไปยังมือถือของคนร้าย จากนั้นก็นำรหัสไปทำธุรกรรมต่อ
วิธีเช็ค Apple ID ว่าล็อกอินจากเครื่องไหนบ้าง
วิธีป้องกันตัวเองเบื้องต้นก็คือ หมั่นเข้าไปเช็คว่า ID ของเรามีการล็อกอินเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ไหนบ้าง วิธีเข้าไปเช็คให้ทำดังนี้
คนที่ใช้ MAC ให้เข้าผ่านหน้าเว็บ iCloud.com จากนั้นให้ทำการล็อกอินบัญชีผู้ใช้ จากนั้นให้กดเข้าไปที่หน้าการตั้งค่า (Setting) ด้านล่างเราก็จะเห็นรายชื่ออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ล็อกอิน ID ของเราอยู่ กดเข้าไปดูทีละตัวได้ ถ้าเจอเครื่องแปลกๆที่ไม่คุ้นเคยก็ให้ทำการลบออก ถ้าหากตั้ง two-factor authentication เอาไว้ เค้าจะให้ใส่รหัสอีกชั้นก่อนถึงจะลบอุปกรณืนั้นๆได้ เสร็จเรียบร้อยแล้วรีบเปลี่ยนรหัสให้เร็วที่สุดค่ะ
ส่วน iPhone/iPad/iPod Touch ให้เข้าไปที่หน้าการตั้งค่า กดที่ชื่อของคุณ จากนั้นก็เลื่อนหน้าจอไปด้านล่างก็จะเห็นรายชื่ออุปกรณ์ทั้งหมดที่ล็อกอินอยู่ ถ้าเจอเครื่องที่ไม่ใช่ของคุณก็ให้ลบออกแล้วเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ รู้วิธีแล้วกอย่าลืมเข้าไปเช็คกันนะ
ข้อมูลจาก Pantip
หากโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android หรือนาฬิกา Wear OS ของคุณสูญหาย คุณจะค้นหา ล็อก หรือลบข้อมูลในอุปกรณ์นั้นได้ หากคุณได้เพิ่มบัญชี Google ลงในอุปกรณ์ บริการหาอุปกรณ์ของฉันจะเปิดโดยอัตโนมัติดูวิธีทำให้ค้นพบอุปกรณ์ได้ถ้าสูญหาย หากต้องการค้นหา ล็อก หรือลบโทรศัพท์ Android โทรศัพท์ต้องมีลักษณะต่อไปนี้
- เปิดอยู่
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อยู่
- เชื่อมต่อเน็ตมือถือหรือ Wi-Fi อยู่
- แสดงใน Google Play
- เปิดตำแหน่งอยู่
- เปิด "หาอุปกรณ์ของฉัน" อยู่
หากคุณใช้โทรศัพท์ที่หายไปสำหรับการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน คุณต้องมีโทรศัพท์สำรองหรือรหัสสำรอง
ค้นหา ล็อก หรือลบข้อมูลจากระยะไกล
- ไปที่ android.com/find และลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
- หากคุณมีโทรศัพท์มากกว่า 1 เครื่อง ให้คลิกโทรศัพท์ที่สูญหายที่ด้านบนของหน้าจอ
- หากโทรศัพท์ที่สูญหายมีโปรไฟล์ผู้ใช้มากกว่า 1 โปรไฟล์ ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ที่อยู่ในโปรไฟล์หลัก ดูข้อมูลเกี่ยวกับโปรไฟล์ผู้ใช้
- จะมีการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ที่สูญหาย
- คุณจะเห็นข้อมูลตำแหน่งของโทรศัพท์ในแผนที่
- ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งโดยประมาณและอาจไม่แม่นยำ
- หากไม่พบโทรศัพท์ คุณจะเห็นตำแหน่งที่ทราบล่าสุด (หากมี)
- เลือกสิ่งที่คุณต้องการทำ หากจำเป็น ให้คลิกเปิดใช้การล็อกและลบข้อมูลก่อน
- เล่นเสียง: ทำให้โทรศัพท์ส่งเสียงที่ระดับเสียงสูงสุดเป็นเวลา 5 นาที แม้จะตั้งค่าเป็นโหมดเงียบหรือสั่นไว้ก็ตาม
- ทำให้อุปกรณ์ปลอดภัย: ล็อกโทรศัพท์ด้วย PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน คุณตั้งล็อกได้หากยังไม่มีการล็อก และเพื่อให้ผู้อื่นคืนโทรศัพท์ให้คุณได้ คุณจะเพิ่มข้อความหรือหมายเลขโทรศัพท์ไว้บนหน้าจอล็อกได้
- ลบอุปกรณ์: ลบข้อมูลทั้งหมดในโทรศัพท์อย่างถาวร (แต่อาจไม่ลบการ์ด SD) หลังจากลบข้อมูลแล้ว "หาอุปกรณ์ของฉัน" จะไม่ทำงานในโทรศัพท์เครื่องนั้น
สำคัญ: หากพบโทรศัพท์หลังจากที่ลบข้อมูล คุณอาจต้องใช้รหัสผ่านบัญชี Google เพื่อใช้งานอีกครั้ง ดูข้อมูลเกี่ยวกับการคุ้มครองอุปกรณ์
เคล็ดลับ: หากลิงก์โทรศัพท์ไว้กับ Google คุณจะค้นหาหรือทำให้โทรศัพท์ส่งเสียงได้โดยการค้นหาด้วยคำว่าค้นหาโทรศัพท์ของฉันใน google.com
หาด้วยแอป
- ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android เครื่องอื่น
ให้เปิดแอปหาอุปกรณ์ของฉัน
ถ้าอุปกรณ์อีกเครื่องนั้นยังไม่มีแอปดังกล่าว ให้ดาวน์โหลดจาก Google Play - ลงชื่อเข้าใช้
- หากอุปกรณ์ของคุณสูญหาย ให้แตะดำเนินการต่อในชื่อ [ชื่อของคุณ]
- หากคุณกำลังช่วยเหลือเพื่อน ให้แตะลงชื่อเข้าใช้ในฐานะผู้มาเยือน แล้วให้เพื่อนลงชื่อเข้าใช้
- ทำตามขั้นตอนเดียวกับที่ระบุไว้ข้างต้นไปที่ขั้นตอนเหล่านั้น
ค้นหาด้วยนาฬิกา Wear OS
หากโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทวอทช์ Wear OS สูญหาย คุณอาจหาโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตนั้นเจอได้ด้วยนาฬิกา ดูวิธีหาโทรศัพท์ด้วยนาฬิกา
วิธีที่ "หาอุปกรณ์ของฉัน" จัดการข้อมูลของคุณ
Google จะรวบรวมข้อมูลบางอย่างเพื่อช่วยในการค้นหาอุปกรณ์ Android ที่สูญหาย ฟังก์ชันการทำงานบางส่วนจะใช้บริการ Google Play ตัวอย่างเช่น "หาอุปกรณ์ของฉัน" จะรวบรวมข้อมูลต่อไปนี้
- ตำแหน่งโดยประมาณและตำแหน่งที่แน่นอน รวมถึงอุปกรณ์หรือตัวระบุอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ด้านฟังก์ชันการทำงานของบริการ
- ตัวระบุส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ด้านฟังก์ชันการทำงานของบริการ การป้องกันการประพฤติมิชอบ การรักษาความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนด เราใช้ตัวระบุเหล่านี้เพื่อเชื่อมโยงอุปกรณ์ Android กับบัญชีของคุณ
ระบบจะเข้ารหัสข้อมูลที่ "หาอุปกรณ์ของฉัน" รวบรวมในระหว่างการส่ง คุณลบอุปกรณ์ทั้งหมดและตำแหน่งของอุปกรณ์เหล่านั้นได้ผ่านแอปหาอุปกรณ์ของฉัน
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- พร้อมหาโทรศัพท์ที่สูญหาย
- ตั้งค่าการล็อกหน้าจอ
- ป้อนข้อมูลสำหรับกรณีฉุกเฉินในหน้าจอล็อก
- จัดการการตั้งค่าตำแหน่งของโทรศัพท์
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ไม่ได้
ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร