หลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดตัวรถไฟขบวนใหม่อย่างเป็นทางการ ไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้นั่งรถไฟขบวนใหม่นี้ไปเที่ยวเชียงใหม่ Show
เป็นขบวนที่มีชื่อว่า “ขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถีที่ 9” เดินทางจากกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ บอกได้เลยว่าเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะเป็นการได้นั่งรถไฟครั้งแรก ทริปนี้ตั้งใจจะไปกินอย่างเดียวเลยค่ะ ตัวไม่แตกไม่กลับบ้าน คัดแต่ร้านสวยๆ แจ่มๆ และขึ้นชื่อของเชียงใหม่กันเลย
ออกจากกรุงเทพฯ ไปได้สักพัก ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาบริการปรับเบาะที่เรานั่งให้เป็นเตียงพร้อมนอนกันเลยค่ะ
ซึ่งห้องเสบียงก็จะเป็นตู้ที่อยู่ตรงกลางของรถไฟพอดี ทำให้เดินไปได้สะดวก ของที่ขายก็จะมีพวกกาแฟ ขนมปัง แซนวิส และขนมทานเล่นต่างๆ รวมถึงของใช้เล็กๆ น้อยๆ ค่ะ
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือห้องน้ำ เป็นระบบสูญญากาศแบบเดียวกันกับบนเครื่องบิน เป็นอะไรที่ดีสุดๆ ไปเลยค่ะ เวลานั่งแล้วรู้สึกโคลงเคลงน้อยมาก หลังจากที่เราเดินสำรวจจนพอใจแล้วก็กลับไปที่นอน แต่ละตู้ของรถไฟขบวนนี้สังเกตได้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ตู้ละหนึ่งคน ปลอดภัยสบายหายห่วงค่ะ
พอมาถึงเชียงใหม่เราก็ ตรงดิ่งไปหาอะไรกินรองท้องทันที ก่อนจะไปเก็บของในที่พักให้เรียบร้อย โดยทริปนี้เราพักกันที่ B+Arch House ที่พักในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่พักแล้วด้านล่างยังเป็นคาเฟ่เท่ๆ อีกด้วยค่ะ
อ่านรีวิวที่พัก B+Arch House เพิ่มเติมได้ที่ >> www.chillpainai.com/scoop/7769/ เก็บของกันเรียบร้อยพร้อมที่จะไปตะลุยร้านที่กำลังฮิตๆ ในเชียงใหม่กันแล้วค่ะ.. ซึ่งร้านแรกที่เราจะไปนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากที่ที่เราพักมาก ชื่อร้าน Cafe no.39
เป็นร้านที่อยู่แถวหลังมช. เข้าซอยวัดอุโมงค์ไปหน่อยก็จะเจอกับร้าน ร้านนี้กำลังฮิตในเชียงใหม่อยู่ในตอนนี้เลยค่ะ บรรยากาศร้านร่มรื่น มีต้นไม้สีเขียวๆ ล้อมรอบมีการจัดร้านหลากหลายมุมให้เลือกนั่งตามสบาย
ทั้งด้านในตัวร้านและนอกตัวร้านประดับตกแต่งไปด้วยของสะสมเก่าๆ สไตล์วินเทจและภายในตัวร้านก็มีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ เยอะมาก มาถึงต้องสั่งกาแฟเย็นพร้อมเค้ก นั่งทานในร้านบรรยากาศดีๆ ฟินสุดๆ ไปเลยค่ะ
ต่อมาเราก็ไปต่อกันอีกร้านในตัวเมืองเชียงใหม่กันซึ่งระยะทางก็ห่างจากร้านแรกพอสมควรแต่ก็ไม่มากนัก แต่ที่อยากมาก็คือร้านนี้ก็เพราะว่ามีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ เยอะ ไม่แพ้กับร้านแรกเลย ซึ่งร้านนี้ชื่อร้านว่า Dadd’y Antique Cafe and Restaurant เป็นร้านที่มีลักษณะคล้ายกับโบสถ์เก่าๆ ตกแต่งสไตล์ยุโรป
เป็นร้านที่ค่อยข้างแปลกและไม่ค่อยพบเห็นร้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างนี้มากสักเท่าไหร่ ภายในตัวร้านก็ตกแต่งด้วยของเก่าๆ แสงไฟสีส้มๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
อาหารอร่อยมีทั้งเมนูอาหารไทยและต่างประเทศ ราคาก็ไม่แพงกว่าที่คิดด้วย โดยรวมถือว่าคุ้มค่ามาก บอกได้เลยว่าใครที่แวะผ่านมาแถวนี้ก็อย่าลืมมาเช็คอินที่ร้านนี้ด้วยนะ
และก่อนที่เราจะกลับเราก็มาแวะกันที่ร้านนี้เลย ชื่อว่า ร้านเก๊ามะขาม ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ไกลออกจากตัวเมืองเชียงใหม่พอสมควร แต่ถ้าได้มาแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะเป็นร้านที่บรรยากาศดีมาก เหมาะแก่การไปพักผ่อนชมบรรยากาศชิวๆ อากาศเย็นๆ จิบกาแฟสบายๆ ซึ่งที่นี่เป็นร้านที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่ถึงปี ตัวร้านจะอยู่ตรงต้นมะขามสูงประมาณ 4 เมตรมีอยู่ 2 ชั้น และชั้นบนที่เรานั่ง ก็สามารถที่จะมองวิวได้ 360 องศา
ส่วนที่เห็นแท่งไม้ไอติมสีๆ คือเราสามารถที่จะเขียนและห้อยเป็นที่ระลึกได้ว่าเราเคยมาที่นี้ หรือจะเอาเก็บกลับไปก็ได้นะ
ซึ่งใครที่มาเชียงใหม่ก็ขอแนะนำว่าเป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาด ยังไงก็ลองมาแวะจิบกาแฟชิลๆ ชิมเค้กพร้อมกับชมวิวสบายๆท่ามกลางธรรมชาติกัน
ตกเย็นกลับเข้าเมือง เราไปเดินเล่นต่อที่ถนนคนเดินท่าแพ ถนนคนเดินที่เป็นต้นตำรับของประเทศไทย บรรยากาศค่อนข้างคึกคักเนื่องจากเป็นวันหยุด เพราะถนนคนเดินท่าแพเปิดวันอาทิตย์ค่ะ เดินแล้วเพลินสุดๆ ไปเลย ตังในกระเป๋าสั่นระริกๆ เหมือนอยากจะปลิวหายไปกับเสื้อผ้า ของฝาก งานศิลปะ ของแฮนเมดเก๋ๆ โดยเฉพาะแบบพื้นเมือง อยากได้ไปหมดทุกอย่าง เพลิดเพลินมากๆ ใครที่มาเชียงใหม่แล้วไม่ได้แวะไปเดิน เรียกว่าพลาด! ต้องกลับไปซ้ำใหม่ รับรองว่าม่วนอกม่วนใจ๋จ้าาา.. หลังจากไปช้อปจนได้ของเต็มไม้เต็มมือแล้วก็ไม่ได้ไปไหนต่อ กลับที่พักนอนเอาแรงกันก่อนค่ะ เพราะต้องเดินทางกลับแต่เช้า เราเลือกเดินทางกลับด้วยเครื่องบินเที่ยวเช้าเพราะ ต้องกลับมาทำงานเลย หลายคนอาจจะกลัวว่าแบบนี้อาจจะเหนื่อย แต่ทริปนี้ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ตะล่อนกินตามคาเฟ่ สวยๆ ชื่อดัง ชิลๆ ถ่ายรูปเล่นเรื่อยๆ ได้มาพักสมองแบบไม่ต้องคิดอะไรมากแบบนี้ ก็พร้อมทำงานต่อแล้วค่ะ
ใครอยากลองรถไฟใหม่แนะนำเลยค่ะว่าสะดวกสบาย ปลอดภัยแถมยังใหม่ใสกิ๊ง สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ไม่ได้รีบร้อนอะไร นั่งชิลๆ หลับไปทั้งคืนแปปเดียวก็ถึงเชียงใหม่แล้ว ถือว่าเป็นทริปเร่งด่วน ที่ได้ไปใช้ชีวิตชิลๆ สวนทางกับเวลาอีกทริปที่ประทับใจเลยค่ะ ... นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงใหม่ใช้เวลากี่ชั่วโมงระยะทางระหว่าง สถานีรถไฟพิษณุโลก กับสถานีรถไฟเชียงใหม่ ประมาณ 340 กม. ระยะเวลาการเดินทาง ประมาณ 6 ถึง 8 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟที่คุณเลือก
รถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงใหม่ กี่บาทรถไฟจาก พิษณุโลก ไป เชียงใหม่ เริ่มต้นที่ THB 225.
นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ใช้เวลากี่ชั่วโมงทั้งนี้ สำหรับการเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไปยัง เชียงใหม่ มีระยะทางรวมทั้งสิ้นประมาณ 751.42 กม. โดยเริ่มต้นจะออกจาก สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11-12 ชั่วโมง เปิดให้บริการทุกวัน เที่ยวแรกเริ่มตั้งแต่เวลา 8:00 น. ไปจนถึงเที่ยวสุดท้าย 22:00 น. สิ้นสุดรถไฟสายเหนือที่สถานีปลายทาง คือ เชียงใหม่ ค่าโดยสาร ...
นั่งรถไฟสายเหนือไปไหนดี21 สถานที่เที่ยว ตลอดเส้นทางรถไฟขบวนใหม่ (สายเหนือ). 1. สถานีอยุธยา ... . 2. สถานีลพบุรี ... . 3. สถานีนครสวรรค์ ... . 4. สถานีพิษณุโลก ... . 5. สถานีศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ... . 6. สถานีลำพูน ... . 7. สถานีเชียงใหม่. |