ใบงานที่ 4.2 พัฒนาการทางด้านการเมืองการปกครองสมัยสุโขทัย Show
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับราษฎรในสมัยสุโขทัยมีลักษณะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับราษฎรในสมัยสุโขทัยระยะแรกใช้รูปแบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก เนื่องจากสุโขทัยยังคงเป็นอาณาจักรที่มีขนาดเล็กมีผู้คนจำนวนไม่มากนัก การใช้รูปแบบการปกครองแบบนี้จึงทำให้ สามารถดูแลราษฎรได้อย่างทั่วถึง ต่อมาในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ได้มีการแสดงให้เห็นฐานะของ.กษัตริย์ที่ทรงเป็นธรรมราชา โดยทรงนำเอาหลักทศพิธราชธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการปกครองบ้านเมือง และเริ่มมีการนำราชาศัพท์มาใช้ในราชสำนัก แสดงให้เห็นคติในการปกครองที่กษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อีกด้วย 2. การปกครองแบบพ่อปกครองลูกในระยะแรกของอาณาจักรสุโขทัยมีลักษณะเป็นอย่างไร และมีความเหมาะสมหรือไม่ อธิบายเหตุผล การปกครองแบบพ่อปกครองลูก เป็นรูปแบบการปกครองที่กษัตริย์อยู่ใกล้ชิดกับราษฎร เสมือนบิดากับบุตร เห็นได้จากการที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงเปิดโอกาสให้ราษฎรได้ร้องทุกข์ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด โดยแขวน กระดิ่งไว้ที่ประตูวัง และพระองค์จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยพระองค์เอง การปกครองในลักษณะนี้เหมาะสมกับ อาณาจักรสุโขทัยในระยะแรก เนื่องจากยังเป็นอาณาจักรที่มีขนาดเล็ก และราษฎรมีจำนวนไม่มากนัก 3. พระพุทธศาสนามีความเกี่ยวข้องกับการปกครองในสมัยสุโขทัยอย่างไร พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ทรงนำหลักทศพิธราชธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการปกครองบ้านเมืองให้มีความสงบสุขร่มเย็น 4. อาณาจักรสุโขทัยมีอาณาเขตติดต่อกับดินแดนใดบ้าง - ทิศตะวันออก มีอาณาเขตไปถึงเมืองสระหลวง สองแคว (พิษณุโลก)
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีอาณาเขตไปถึงเมืองปากยม (จังหวัดพิจิตร) เมืองชากังราว เมืองสุพรรณภาว เมืองนครพระชุม (อยู่ในเขตกำแพงเพชร) เมืองบางพาน (ในอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร) 5. อาณาจักรสุโขทัยมีรูปแบบการปกครองบ้านเมืองอย่างไรบ้าง พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจเด็ดขาด ประทับอยู่ในราชธานี ในระยะแรกพระมหากษัตริย์ทรงมีคำนำหน้าว่า“พ่อขุน” การปกครองมีลักษณะกระจายอำนาจการบริหารจากราชธานีออกไปสู่หัวเมืองต่างๆ แบ่งหัวเมืองเป็นชั้นๆ ตามระยะทางใกล้-ไกล สำหรับความหมายอื่นของ "สุโขทัย" ดูที่ สุโขทัย (แก้ความกำกวม)
อาณาจักรสุโขทัย[1] (ราว พ.ศ. 1792 – 2006 อายุราว 215 ปี )[2] เป็นรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม สถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1782 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพงเป็นผลสำเร็จ และได้สถาปนาเอกราชให้รัฐสุโขทัยเป็นอาณาจักรสุโขทัย และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด ที่ตั้งและอาณาเขตอาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะและที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง มีอาณาเขตดังนี้[3]
การแทรกแซงจากอยุธยาหลังจากพ่อขุนรามคำแหงแล้ว เมืองต่างๆเริ่มอ่อนแอลงเมือง ส่งผลให้ในรัชกาลพญาเลอไท และรัชกาลพญาไสลือไท ต้องส่งกองทัพไปปราบหลายครั้งแต่มักไม่เป็นผลสำเร็จ และการปรากฏตัวขึ้นของอาณาจักรอยุธยาทางตอนใต้ซึ่งกระทบกระเทือนเสถียรภาพของสุโขทัยจนในท้ายที่สุดก็ถูกแทรกแทรงจากอยุธยา จนมีฐานะเป็นหัวเมืองของอยุธยาไปในที่สุด โดยมีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครองสุโขทัยในฐานะรัฐอิสระพระองค์สุดท้าย โดยขณะนั้น ด้วยการแทรกแซงของอยุธยา รัฐสุโขทัยจึงถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
หลังสิ้นรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) พระยายุทธิษเฐียรซึ่งเดิมทีอยู่ศรีสัชนาลัย ได้เข้ามาครองเมืองสองแคว (พิษณุโลก) และเมื่อแรกที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เสด็จขึ้นผ่านพิภพ เป็นพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่าขณะนั้นพระยายุทธิษเฐียรเกิดน้อยเนื้อต่ำใจที่ได้เพียงตำแหน่งพระยาสองแคว เนื่องด้วยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเคยดำริไว้สมัยทรงพระเยาว์ว่า หากได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ จะชุบเลี้ยงพระยายุทธิษฐิระให้ได้เป็นพระร่วงเจ้าสุโขทัย พ.ศ. 2011 พระยายุทธิษฐิระจึงเอาใจออกห่างจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ไปขึ้นกับ พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ล้านนาในขณะนั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการเฉลิมพระนามกษัตริย์ล้านนาจากพระยาเป็นพระเจ้า เพื่อให้เสมอศักดิ์ด้วยกรุงศรีอยุธยา พระนามพระยาติโลกราช จึงได้รับการเฉลิมเป็นพระเจ้าติโลกราช หลังจากที่พระยายุทธิษฐิระ นำสุโขทัยออกจากอยุธยาไปขึ้นกับล้านนา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จจากกรุงศรีอยุธยา กลับมาพำนัก ณ เมืองสรลวงสองแคว พร้อมทั้งสร้างกำแพงและค่ายคู ประตู หอรบ แล้วจึงสถาปนาขึ้นเป็นเมือง พระพิษณุโลกสองแคว เป็นราชธานีฝ่ายเหนือของอาณาจักรแทนสุโขทัย ในเวลาเจ็ดปีให้หลัง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงตีเอาสุโขทัยคืนได้ แต่เหตุการณ์ทางเมืองเหนือยังไม่เข้าสู่ภาวะที่น่าไว้วางใจ จึงทรงตัดสินพระทัยพำนักยังนครพระพิษณุโลกสองแควต่อจนสิ้นรัชกาล ส่วนทางอยุธยานั้น ทรงได้สถาปนาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระราชโอรส เป็นพระมหาอุปราช ดูแลอยุธยาและหัวเมืองฝ่ายใต้ ด้วยความที่เป็นคนละประเทศมาก่อน และมีสงครามอยู่ด้วยกัน ชาวบ้านระหว่างสุโขทัยและอยุธยา จึงมิได้ปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงต้องแยกปกครอง โดยพระมหากษัตริย์อยุธยา จะทรงสถาปนาพระราชโอรส หรือพระอนุชา หรือพระญาติ อันมีเชื้อสายสุโขทัย ปกครองพิษณุโลกในฐานะราชธานีฝ่ายเหนือ และควบคุมหัวเมืองเหนือทั้งหมด การสิ้นสุด
พ.ศ. 2127 หลังจากชนะศึกที่แม่น้ำสะโตงแล้ว พระนเรศวรโปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนือทั้งปวง (เมืองพระพิษณุโลกสองแคว เมืองสุโขทัย เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิจิตร และเมืองพระบาง)[4] ลงมาไว้ที่อยุธยา เพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ พิษณุโลกและหัวเมืองเหนือทั้งหมดจึงกลายเป็นเมืองร้าง หลังจากเทครัวไปเมืองใต้ จึงสิ้นสุดการแบ่งแยกระหว่างชาวเมืองเหนือ กับชาวเมืองใต้ และถือเป็นการสิ้นสุดของรัฐสุโขทัยโดยสมบูรณ์ เพราะหลังจากนี้ 8 ปี พิษณุโลกได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้ง แต่ถือเป็นเมืองเอกในราชอาณาจักร มิใช่ราชธานีฝ่ายเหนือ ในด้านวิชาการ มีนักวิชาการหลายท่านได้เสนอเพิ่มว่า เหตุการณ์อีกประการ อันทำให้ต้องเทครัวเมืองเหนือทั้งปวงโดยเฉพาะพิษณุโลกนั้น อยู่ที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บนรอยเลื่อนวังเจ้า ในราวพุทธศักราช 2127 แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้ตัวเมืองพิษณุโลกราพณาสูญ แม้แต่แม่น้ำแควน้อย ก็เปลี่ยนเส้นทางไม่ผ่านเมืองพิษณุโลก แต่ไปบรรจบกับแม่น้ำโพ (ปัจจุบันคือแม่น้ำน่าน) ที่เหนือเมืองพิษณุโลกขึ้นไป และยังส่งผลให้พระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลก หักพังทลายในลักษณะที่บูรณะคืนได้ยาก ในการฟื้นฟูจึงกลายเป็นการสร้างพระปรางค์แบบอยุธยาครอบทับลงไปแทน ทั้งหมด ความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจสภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ดังข้อความปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 "…ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ทองค้า " และ "...เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว..." ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วยระบบเกษตรกรรมแบบยังชีพ และส่งออกเครื่องถ้วยชามสังคโลก ด้านสังคมการใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยสุโขทัยมีความอิสระเสรี มีเสรีภาพอย่างมากเนื่องจากผู้ปกครองรัฐให้อิสระแก่ไพร่ฟ้า และปกครองแบบพ่อกับลูก ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกว่า "…ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลื่อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน เลื่อน…" ด้านความเชื่อและศาสนา สังคมยุคสุโขทัยประชาชนมีความเชื่อทั้งเรื่องวิญญาณนิยม (Animism) ไสยศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์ฮินดู และพุทธศาสนา ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 5 ว่า "…เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกุฎิวิหารปู่ครูอยู่ มีสรีดพงส์ มีป่าพร้าว ป่าลาง ป่าม่วง ป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขระพุงผี เทพยาดาในเขาอันนั้นเป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ว ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยว เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันนั้นบ่คุ้มบ่เกรง เมืองนี้หาย…" ส่วนด้านศาสนา ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราช ในวันพระ จะมีภิกษุเทศนาสั่งสอน ณ ลานธรรมในสวนตาล โดยใช้พระแท่นมนังคศิลาอาสน์ เป็นอาสนะสงฆ์ ในการบรรยายธรรมให้ประชาชนฟัง ยังผลให้ประชาชนในยุคนี้นิยมปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรม มีการถือศีล โอยทานกันเป็นปกติวิสัย ทำให้สังคมโดยรวมมีความสงบสุขร่มเย็น ด้านการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยอาณาจักรสุโขทัยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ
ด้านการปกครองส่วนย่อยสามารถแยกกล่าวเป็น 2 แนว ดังนี้
รายพระนามและรายนามผู้ปกครอง
เมืองพระพิษณุโลกสองแคว
รายพระนามผู้ครองเมืองสุโขทัยและเมืองพิษณุโลกสองแคว
ระเบียงภาพ
อ้างอิงและหมายเหตุ
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
พัฒนาการด้านการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยอย่างไรการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยในยุคเริ่มแรก เป็นแบบพ่อปกครองลูก การปกครองลักษณะนี้เรียกว่า การปกครองแบบระบอบปิตุราชาธิปไตย โดย มีความเชื่อว่าผู้นำเปรียบเสมือนพ่อ ประชาชนก็เปรียบเสมือนลูก จะเห็นได้จาก พระนามพระมหากษัตริย์สุโขทัย 3 พระองค์แรก ใช้คำนำหน้าพระนามว่า "พ่อขุน"
รูปแบบการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยมีกี่รูปแบบมีลักษณะสาคัญ 4 ประการ คือ 1.รูปแบบราชาธิปไตย 2. รูปแบบบิดาปกครองบุตร มีคานาหน้าพระนามว่า พ่อขุน 3. ลักษณะลดหลั่นกันลงมาเป็นขั้น ๆ 4. การยึดหลักธรรมในพุทธศาสนาในการบริหารบ้านเมือง 2. การปกครองสมัยสุโขทัยตอนปลาย(พ.ศ. 1841-1981 )
ลักษณะสำคัญของการปกครองในสมัยสุโขทัยเป็นอย่างไรลักษณะเด่นของการปกครองสมัยสุโขทัยเป็นการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีลักษณะปกครองแบบบิดาปกครองบุตร มีพระมหากษัตริย์ (พ่อขุน) เป็นประมุข โดยให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน และมีความใกล้ชิดกับประชาชนมาก ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีในชาติ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับประชาชนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน แต่ ...
ในสมัยสุโขทัยมีพัฒนาการด้านเศรษฐกิจอย่างไรเศรษฐกิจของสุโขทัยในช่วงต้น ประกอบไปด้วยการเกษตรกรรม และการค้าทางบก โดยเฉพาะการค้าแร่โลหะ ภาครัฐมีบทบาทนำในระบบเศรษฐกิจ นับตั้งแต่การพัฒนาระบบชลประทาน การจัดตั้งตลาดปสาน และการพยายามควบคุมเมืองฉอด แต่ไม่เก็บภาษีค่าผ่านทาง (จังกอบ) เศรษฐกิจสุโขทัยในช่วงหลังพึ่งพาการค้ามากขึ้นจนถึงกับการย้ายเมืองหลวงมายังพิษณุโลกในสมัย ...
|