น้ำมัน พวงมาลัย เพา เวอร์ เบอร์ อะไร

เปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เรื่องที่คุณต้องใส่ใจ และไม่อาจมองข้ามไปได้ ตามปกติการเปลี่ยนน้ำมันเพาเวอร์จะมีระยะเวลาอยู่ประมาณ 50,000 กิโลเมตร ก็ควรเปลี่ยนถ่ายสักครั้ง เพื่อให้ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ยังคงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมนั้นเอง

ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์คืออะไร ?

เชื่อว่าบางคนอาจไม่ทราบว่ารถยนต์ในท้องตลาดปัจจุบันมีการติดตั้งระบบพวงมาลัยพาวเวอร์เป็นเรื่องปกติ แต่หากย้อนไปช่วงก่อน 30 ปีที่แล้ว ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินเพิ่มถ้าต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ในอดีตถ้าคุณซื้อ Toyota Mighty X มาใช้งาน หากเป็นรุ่นถูกแล้วจะไม่มีระบบนี้ติดตั้งมาให้จากโรงงานนั้นเอง

น้ำมัน พวงมาลัย เพา เวอร์ เบอร์ อะไร

ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์

พวงมาลัยพาวเวอร์คือ ระบบที่เข้ามาช่วยผ่อนแรงของผู้ขับขี่เวลาหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางต่าง ๆ นั้นเอง โดยเฉพาะการหักเลี้ยวพวงมาลัยในพื้นที่แคบ ๆ จะช่วยได้เยอะมาก หากรถยนต์ไม่มีระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แล้วล่ะก็  แรงเสียดทานที่วงล้อหน้าจะส่งผ่านมาที่พวงมาลัยรถยนต์แบบเต็ม ๆ หากใครเคยขับรถยนต์ที่ไม่พวงมาลัยพาวเวอร์น่าจะทราบกันเป็นอย่างดี

ในปัจจุบันระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

  1. ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก (Hydraulic Power Steering) โดยหลักการทำงานจะเป็นการใช้ปั๊มไฮดรอลิกสร้างกำลังส่งไปกระปุกพวงมาลัยหรือแร็กพวงมาลัย ซึ่งตัวของปั๊มไฮดรอลิกจะทำงานจากแรงของเครื่องยนต์ส่งผ่านมายังสายพานนั้นเอง และจะมีน้ำมันเพาเวอร์เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างแรงดันไปที่แร๊กพวงมาลัย ทำให้พวงมาลัยไม่หนักนั้นเอง

ทั้งนี้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิกถือว่าเป็นกลไกที่ไม่ซับซ้อนใด ๆ และไม่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทำให้รถยนต์รุ่นเก่า ๆ ที่ไม่ได้ติดตั้งระบบพวงมาลัยพาวเวอร์มาจากโรงงาน สามารถไปหาซื้อชุดพวงมาลัยพาวเวอร์ติดตั้งตามอู่ทั่วไปแบบง่าย ๆ และมีราคาประมาณหมื่นต้น ๆ เพียงเท่านั้น

ข้อดีของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก

– ไม่มีความซับซ้อนของระบบ ดูแลรักษาง่าย

– ไม่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง จะลุยน้ำลุยไฟก็ไม่ต้องกลัวอะไร

– พวงมาลัยมีความแม่นยำสูง สร้างความมั่นใจในยามเข้าโค้ง

– ราคาซ่อมบำรุงถูก

ข้อเสียของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก

– เมื่อถึงเวลาเสื่อมสภาพเหล่าซีล และท่อทางอาจมีการชำรุดจนเป็นสาเหตุให้น้ำมันพาวเวอร์รั่วซึม หยดพื้นที่จอดรถ

– มีข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ที่ใช้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก ไม่ควรหักพวงมาลัยจนสุดและค้างทิ้งไว้ เนื่องจากปั๊มไฮดรอลิกได้ส่งน้ำมันเพาเวอร์มีความร้อนและแรงดันที่สูงไปตามท่อยาง เมื่อหักพวงมาลัยจนสุด น้ำมันเพาเวอร์จะไม่สามารถไหลไปไหนได้ แต่ตัวปั๊มไฮดรอลิกยังคงทำงานอยู่ ซึ่งจะทำให้ระบบของพวงมาลัยพาวเวอร์เกิดความเสียหายได้นั้นเอง

ตามปกติของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิกจะต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ตามระยะที่คู่มือรถยนต์ได้กำหนด ซึ่งสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ตามศูนย์บริการรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ตลอดจนอู่ซ่อมช่วงล่างรถยนต์ทั่วไปก็ว่าได้ ส่วนคำถามที่ว่าเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ราคาเท่าไหร่นั้น บอกได้เลยว่าไม่ถึง 1,000 บาท อย่างแน่นอน

น้ำมัน พวงมาลัย เพา เวอร์ เบอร์ อะไร

ชุดพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก

  1. ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ว่าได้ ซึ่งจะถูกติดตั้งในรถยนต์นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา โดยระบบจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวสร้างกำลังช่วยผ่อนแรงในการเลี้ยวพวงมาลัย ซึ่งพวงมาลัยจะมีเซนเซอร์ที่ไว้ตรวจจับก่อนส่งให้กล่องควบคุมสั่งการให้มอเตอร์ทำงานนั้นเอง

น้ำมัน พวงมาลัย เพา เวอร์ เบอร์ อะไร

ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า

ข้อดีของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า

– หากเป็นความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะให้ความรู้สึกที่เบา แต่เมื่อความเร็วสูงสมองควบคุมจะมีการปรับเปลี่ยนให้พวงมาลัยมีน้ำหนักมากขึ้น เรียกได้ว่ามีกล่องสมองควบคุมให้พวงมาลัยปรับไปตามการขับขี่ก็ว่าได้

– ไม่มีปัญหารั่วซึมเหมือนกับระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก เนื่องจากใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวให้กำลังนั้นเอง

– การทำงานของพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า ไม่เป็นภาระของเครื่องยนต์แต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้ใช้แรงจากเครื่องยนต์นั้นเอง

ข้อเสียของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า

– ระยะฟรีและความแม่นยำของพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า ไม่สามารถสู้กับพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิกได้

– ระบบไฟฟ้ามีการซ่อมบำรุงที่แพงกว่าพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก

สุดท้ายนี้สามารถทำความเข้าใจเรื่องพวงมาลัยพาวเวอร์แบบง่าย ๆ ก็คือ หากเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิกจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ตามคู่มือ และหมั่นตรวจสอบหาจุดรั่วของน้ำมัน แต่ถ้าเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้าจะไม่ต้องทำสิ่งแล้วนี้ เมื่อเวลาเสียขึ้นมาให้จับสังเกตพวงมาลัยว่ามีน้ำหนักที่ผิดปกติไปจากเดิมนั้นเอง

รู้จักยางเรเดียล และยางผ้าใบ

อายุแบตเตอรี่รถยนต์ เรื่องง่าย ๆ ที่คนมีรถต้องรู้

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่:https://khaorodnissan.com/

พวงมาลัยพาวเวอร์ใช้น้ำมันอะไร

นอกจากนั้นแล้ว น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์อาจจะสามารถใช้น้ำมันเกียร์ออโต้เมติก หรือน้ำมันเกียร์ออโต้แบบปกติเติมแทนได้ โดยสังเกตุจากข้อความที่หน้าขวดของน้ำมันเกียร์ที่เขียนว่า “Multi-vehicle ATF (Automatic Transmission Fluid)” ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นน้ำมันเกียร์ที่สามารถใช้เป็นน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ได้ ทั้งนี้ ควรตรวจสอบรายละอียด ...

น้ำมันพาวเวอร์ดูตรงไหน

การตรวจน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ในขณะเครื่องเย็นทำได้ง่ายๆ โดยดูที่ด้านข้างของกระปุกน้ำมัน ระดับน้ำมันควรอยู่ที่ไม่เกินขีดระดับสูงสุด และไม่ต่ำกว่าระดับต่ำสุด รถบางรุ่นอาจจะมีขีดบอกระดับไว้ข้างๆ กระปุกน้ำมัน เช่นรุ่นที่มีกระปุกเป็นแบบใสหรือรถบางรุ่นจะมีขีดบอกไว้ตรงก้านวัดซึ่งติดอยู่ที่ฝาของกระปุกน้ำมัน ซึ่งจะเป็นกระปุกแบบ ...

พวงมาลัยกําลังประกอบด้วยส่วนที่สําคัญคือส่วนใดบ้าง

การประกอบรถยนต์ที่ดีจะต้องพยายามทำให้แรงกระแทกระหว่างยางกับถนนส่งผ่านไปยังพวงมาลัยให้น้อยที่สุด ระบบพวงมาลัยมีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ พวงมาลัย ขายึดแกนพวงมาลัย แกนพวงมาลัย หน้าแปลนพวงมาลัย ยางข้อต่อ กระปุกพวงมาลัย แขนเกียร์พวงมาลัย คันชักคันส่งกลาง คันชักคันส่งข้าง แขนดึงกลับ และกระปุกพวงมาลัย

น้ำมันเพาเวอร์ควรเปลี่ยนเมื่อใด

คุณควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ทุก 80,000 กิโลเมตร หรือตามระยะที่กำหนดในคู่มือเจ้าของรถด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ความร้อนจากเครื่องยนต์และสภาพโดยรอบจะทำให้ความสามารถในการทำงานของน้ำมันลดลง และทำให้ชิ้นส่วนภายในระบบพวงมาลัยเพาเวอร์สึกหรอและสึกกร่อน ที่สำคัญ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการ ...