การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยชุมชน คือ

สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ (Sirindhorn National Medical Rehabilitation Institute) เป็นศูนย์วิชาการ สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 โดยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปัจจุบัน สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ได้พัฒนาตนเองให้ก้าวสู่การ “เป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ที่มีสมรรถนะสูง มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนพิการและผู้ป่วย โดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน”

การฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นวิธีการหนึ่งที่จะนำคนพิการกลับเข้าสังคม โดยคนพิการเหล่านั้น จะต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางด้านการแพทย์ การศึกษา อาชีพ และสังคม โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคมให้น้อยที่สุด สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับบุคคลอื่น

การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535 และแม้ว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ภารกิจทางวิชาการ และการบริหารจัดการก็เริ่มขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ต่อมาในปี 2537 ได้ย้ายมาอยู่ในอาคารปัจจุบัน ส่วนด้านการบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการได้เริ่มใน พ.ศ.2537 โดยเริ่มเปิดเป็นบริการผู้ป่วยนอก ส่วนผู้ป่วยในเปิดในปี พ.ศ. 2538 จำนวน 30 เตียง และเพิ่มเป็น 48 เตียงในปี พ.ศ. 2539 ทั้งนี้ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโดยมีองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯเสด็จเป็นองค์ประธานเมื่อ พ.ศ. 2543

ลักษณะสำคัญขององค์กร (Organization Profile)

1) สภาพแวดล้อมขององค์กร

– บริการหลัก (main service) ระดับและขอบเขตบริการ :

1. บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย ผู้พิการโดยประกอบด้วยงานบริการ ด้านคลินิกหลัก ได้แก่ งานบริการผู้ป่วยนอก งานบริการผู้ป่วยใน งานกายภาพบำบัด งานกิจกรรมบำบัด งานกายอุปกรณ์ งานแก้ไขการพูด งานฟื้นฟูสมรรถภาพเด็ก งานฝึกทักษะคนพิการและบ้านวิถีชีวิตอิสระ งานศูนย์สาธิตอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ และงานเดย์แคร์

2. เป็น focal point ในการผลักดันกฎหมายคนพิการและสิทธิคนพิการ เช่น การผลักดันให้เกิดการดำเนินการตามมาตรา 20(1) ตามพรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 การติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในประเด็น ว่าด้วยการเข้าถึงบริการสุขภาพคนพิการอย่างเป็นธรรม

3. สนับสนุนให้เกิดการดำเนินงานฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางการเคลื่อนไหวโดยชุมชน ในระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจัดหน่วยบริการคนพิการเคลื่อนที่ในภูมิภาคต่าง ๆ

2) ความสามารถเฉพาะขององค์กร (Core competency)
สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ มีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ แก่คนพิการทางกายและการเคลื่อนไหว

ขอบเขตสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ

ภารกิจตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2537 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2537)

1. ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แก่ผู้พิการ และผู้ป่วยตามกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ที่รับส่งต่อจากหน่วยงานทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชน
2. ศึกษา ค้นคว้า และพัฒนาวิชาการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการแพทย์ให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
3. ปฏิบัติงานร่วม หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
4. ถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนพิการแก่สถานบริการสุขภาพ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
5. ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงาน ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แก่แพทย์ และบุคลากรทางด้านสุขภาพ ในสถานบริการสุขภาพทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน

อำนาจหน้าที่

(ตามที่สำนักนโยบายและแผนสาธารณสุขให้หน่วยงานนำเสนอเพื่อประกอบการจัดทำกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมการแพทย์ นำเสนอเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2545 – ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอประกาศใช้)

1. ประสานนโยบายและแผนงาน ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย และผู้พิการตามพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ
2. ดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย พัฒนา ประเมินและใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ เทคโนโลยี รวมถึงรูปแบบการจัด บริการด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์
3.ส่งเสริม สนับสนุน ถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมทั้งเทคโนโลยีด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แก่สถานบริการ ต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
4. พัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ในระดับตติยภูมิ โดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับระบบบริการสุขภาพทุกระดับ รวมถึงการส่งเสริม พัฒนาและกำหนดคุณภาพ มาตรฐาน
5. ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานบริการสุขภาพด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์
6. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือ สนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้รับมอบหมายทั้งในและต่างประเทศ

ลักษณะบริการ

จำนวนเตียงผู้ป่วยในที่เปิดให้บริการ : 48 เตียง
ระดับของการให้บริการ : โรงพยาบาลที่ให้การดูแลระดับตติยภูมิ
ลักษณะของผู้ป่วยที่ให้การดูแล : ผู้ป่วยและผู้พิการทางการเคลื่อนไหวที่เป็นสาเหตุมาจากโรคหลอดเลือดสมอง (CVA, Hemiplegia) ไขสันหลังบาดเจ็บ (Spinal injury) เด็กสมองพิการ (Cerebral palsy) ผู้พิการแขนขาขาด (Amputation) และผู้ป่วยที่มีอาการปวดเนื่องจากกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อ (Musculoskeletal pain)

บทความงาน CBR

โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชน Community Based Rehabilitation (CBR)

C – Community                  (ชุมชน)

B – Based                             (ฐาน)

R – Rehabilitation              (การฟื้นฟูสมรรถภาพ)     

การใช้ชุมชนเป็นฐานในการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอด

     เมื่อ พ.ศ. 2530 โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกระบวนการพัฒนารูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นการดำเนินงานเชิงรุก แรกเริ่มได้ดำเนินกิจกรรมนำร่องในพื้นที่ 8 อำเภอ ของจังหวัดมหาสารคามเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ภาคสนามหรือเจ้าหน้าที่ CBR ที่ได้รับการฝึกอบรม เทคนิค วิธีการ จากผู้ที่มีความชำนาญการและเชี่ยวชาญการ ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมชนชนบท ด้วยการเข้าไปสำรวจแบบบ้านต่อบ้าน (House to House)โดยมุ่งเน้นให้คำแนะนำคนตาบอดนอกวัยเรียน วัยทำงานและคนตาบอดสูงวัยที่อาศัยอยู่ในชุมชนชนบท ต่อมาปี พ.ศ. 2533 ได้ขยายพื้นที่การดำเนินงานการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชนไปยังพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดร้อยเอ็ด  การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชน มุ่งมั่นสู่ความเป็นมาตรฐานและมุ่งเน้นให้คนตาบอดได้รับโอกาสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนตาบอดที่อาศัยอยู่ในชุมชนชนบท ได้เข้าถึงการบริการได้รับการช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งด้านสังคม ด้านการศึกษา ด้านอาชีพฯลฯ ผู้บริหารมูลนิธิฯจึงได้มีแนวคิดที่จะขยายบริการไปยังพื้นที่ต่าง  เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครนายก จังหวัดสงขลา จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดเชียงราย

     “การฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชน” โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการบริการเพื่อคนตาบอดในชุมชน โดยคนตาบอด,ครอบครัว,สมาชิกของชุมชนมีส่วนร่วม ส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางโอกาสทางสังคมของคนตาบอด การฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดให้ได้โอกาสที่เท่าเทียมกันและการทำให้คนตาบอดทุกคนสามารถอยู่ในชุมชนได้อกย่างปกติสุข สามารถดำเนินการได้โดยความพยายามร่วมกันของคนตาบอดครอบครัวและชุมชน ร่วมกับบริการสาธารณสุข การศึกษา อาชีพและสังคมที่เหมาะสมและพัฒนาการจะยั่งยืนถาวรได้โดยปัจจัย 3 อย่างร่วมกัน คือ การเชื่อมโยงความต้องการของคนตาบอด ครอบครัว ชุมชนและการตอบสนองภายในชุมชนและสนับสนุนจากภายนอกชุมชน จึงถือได้ว่าเป็นกลวิธีที่เหมาะสมที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาให้คนตาบอดได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพให้มีการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตในแต่ละพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงภาพชีวิต

     คนตาบอดในชนบท สำหรับคนตาบอดก่อนวัยเรียน (แรกเกิด – 4 ปี) จะส่งเสริมด้วยโปรแกรมการกระตุ้นพัฒนาการตามวัยและสอนทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิต (5ปี ขึ้นไป) ดำเนินการส่งต่อเพื่อเข้าไปรับการเตรียมความพร้อมด้านการอ่าน เขียน อักษรเบรลล์ เพื่อเข้ารับการศึกษา สำหรับคนตาบอดอายุเกินวัยเรียน โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชนCBRส่งเสริมศักยภาพด้วยการจัดอบรมฝึกทักษะการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหว (Orientation and Mobility (O&M)) ซึ่งเป็นทักษะที่ช่วยให้คนตาบอดสามารถเดินทางได้โดยอิสระและปลอดภัยในการดำเนินชีวิตสำหรับคนตาบอดวัยผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถเรียนหนังสือได้ โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชน CBR ได้จัดอบรมและส่งเสริมอาชีพให้กับคนตาบอดทั้งในรูปแบบรายกลุ่มและรายบุคคล โดยเน้นตรงตามความต้องการ ความสามารถและใกล้เคียงกับสภาพความเป็นอยู่ของชุมชนคนตาบอด เกิดอาชีพที่หลากหลายตามสภาพพื้นที่ ตามสภาพแวดล้อมและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล

     งานด้านการพัฒนาองค์ความรู้และการพัฒนาบุคลากร ด้วยประสบการณ์งานด้าน CBR ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา ทำให้มูลนิธิฯได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ  เข้ามารับการอบรม ศึกษาดูงานและฝึกประสบการณ์งาน CBR มาโดยตลอด และทางมูลนิธิฯได้จัดทำหลักสูตรทั้งระยะสั้นและระยะยาวเปิดอบรมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือบุคลากรที่สนใจในงาน CBR เข้ารับการอบรมที่หลากหลายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การดำเนินงานด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดโดยชุมชนได้ดำเนินการมาครบรอบปีที่ 30 ในปีนี้ ประสบการณ์และบทเรียนมากมายจากการลงพื้นที่ชุมชนชนบททำให้มูลนิธิฯได้รับการยอมรับในความเชี่ยวชาญอย่างกว้างขวาง

รายละเอียด หมวด: บทความ เผยแพร่เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2560 ฮิต: 9924