แชร์ประสบการณ์ยุติการตั้งครรภ์

สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลย คือเราเจอปัญหาท้องไม่พร้อมโดยไม่ทันตั้งตัว และตัดสินใจหาทางทำแท้งในไทยค่ะ การหาข้อมูลทำแท้งในไทยนั้นยากมากถึงมากที่สุด แทบไม่มีกระทู้ใดๆ เลย ตามพันทิปก็มีแต่คนเน้นด่า ไม่เคยมีการให้ข้อมูลความรู้ เราต้องเสิชภาษาอังกฤษเท่านั้นถึงจะมีคนต่างชาติแชร์ประสบการณ์ทำแท้งในไทยบ้าง เราเลยตัดสินใจเขียนบทความนี้ขึ้นมาค่ะ

ทำไมต้องทำแท้ง?

คำถามนี้เป็นคำถามที่คนทำงานในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญ จะไม่ถาม

ส่วนตัวเรา เรากับแฟนก็ถกกันอยู่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เรากินยาคุมแบบ 28 เม็ดค่ะ ไม่ได้ใช้ถุงยาง สุดท้ายอาจเป็นเพราะเรากินไม่ตรงเวลา หรืออาจมีบางวันเราลืมกิน กระโดดไปเม็ดนึง เราก็ไม่แน่ใจ เราก็งงค่ะว่าท้องได้ไง แต่ก็เข้าใจว่าการคุมกำเนิดมันไม่มีอะไร 100% เราเห็นเมนส์ไม่มาสักพัก เราก็เช็คดูกันพลาด ปรากฏว่าขึ้นสองขีด บอกแฟนทันที

เรากับแฟนวางเเผนเรื่องท้องไม่พร้อมตั้งแต่คบกันได้ไม่กี่เดือน ว่าถ้าท้องขึ้นมา เธอจะทำไง ฉันจะทำไง แลกเปลี่ยนความเชื่อเรื่องบาปบุญวิญญาณกลับชาติมาเกิดชีวิตบลาๆ กัน

เรา : เชื่อว่ามีวิญญาณที่อยากเป็นลูกเรานะ แต่เขาจะอยู่กับเราคอยมาเกิดกับเราในเวลาที่เราพร้อม ไม่ใช่เวลาปฏิสนธิ เด็กต้องเป็นตัวครบก่อนวิญญาณถึงเข้าไป

แฟน : เด็กเป็นมนุษย์เมื่อคลอดออกมาแล้วเท่านั้น

เเฟนบอกกับเราเลยว่า ถ้าเขาจะมีลูก เขาอยากพร้อมก่อน เขาไม่รับผิดชอบไม่ได้จริงๆ และเขาจะเศร้ามากถ้าเราเอาเด็กไปดูแลคนเดียว ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเขา เขาไม่อยากให้เด็กโตมาแล้วถามเราว่า พ่อไปไหน ทำไมแม่ไม่มีหนูตอนพร้อมกว่านี้ เขาไม่อยากให้เด็กต้องสงสัยอะไรแบบนี้เมื่อโตขึ้น (แบคกราวน์เขาบ้านมีฐานะค่ะ พ่อเป็นหมออยู่ต่างประเทศ เขาเกิดมาในครอบครัวที่จัดการพร้อมแล้วก่อนเขาเกิดมา เขาอยากเป็นพ่อแบบนั้นเช่นกัน) ส่วนเรายังมีความคิดว่าชีวิตอาจจะสวยงามก็ได้นะใครจะรู้ อาจจะลองเกิดมาแล้วดีก็ได้มั้ง อยู่บ้างลึกๆ (แบคกราวน์เราบ้านแตกแยกค่ะ พ่อแม่เลิกกัน วัยเด็กเราลำบากมาก และเราเคยถามแม่ว่าให้เราเกิดมาทำไม)

เราทะเลาะกันนิดหน่อยค่ะช่วงนั้น เพราะเขารู้ว่าเรายังมีแนวโน้มเก็บเด็กไว้ถ้าท้องไม่พร้อมอยู่ แต่ก็รักกันดี จนผ่านไปสักพักเขาเริ่มเลิกใช้ถุงยาง ให้เรากินยาคุมอย่างเดียว (เขาโทษตัวเองเรื่องนี้เช่นกันหลังจากรู้ว่าเราท้อง) เรามีแผนระยะยาวในชีวิตมากขึ้น กำลังไปต่อต่างประเทศ เรามั่นใจเลยว่าเราไม่อยากท้อง เรามีชีวิตต้องไปใช้ เราทำงานลำบากมาตลอดตอนเด็กเพราะแม่มีเราตอนไม่พร้อม ชีวิตเราเข้าที่เข้าทางได้ไม่นาน เราไม่อยากหยุดชีวิตไปให้ลูกเรา เสียสุขภาพจิตเราและจะเสียไปถึงลูก

สองปีหลังจากคบกัน (เรา 26 แฟน 28) เราก็ตรวจเจอว่าท้อง

ด้วยความที่คุยกันมาแล้วว่าทำแท้งแน่ๆ จึงไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

เหตุผลของคนทำแท้งมีมากมาย โรงพยาบาลที่รับยุติการตั้งครรภ์ก็ทำแท้งให้ได้ถึง 6 เดือนถ้ามีเหตุจำเป็น บางคนเป็นเด็กถูกข่มขืนไม่กล้าบอกใครจนท้องโตเพิ่งมารู้ บางคนแฟนจู่ๆ ทิ้งไปกลางคัน บางคนพลาดแบบงงๆ อย่างเรา เหตุผลมันหลากหลายและส่วนตัวมาก เจ้าหน้าที่จึงไม่ถามค่ะ คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอก

ทำแท้งในโรงพยาบาลของรัฐ

ที่จริงโรงพยาบาลของรัฐทำแท้งได้ค่ะ ยายุติการตั้งครรภ์ที่รามาก็มี แต่หมอที่จะเซ็นให้ทำแท้งโดยเหตุผลไม่ใหญ่พอมักไม่ทำให้

เรากับแฟนไปโรงพยาบาลรัฐก่อนค่ะ ขอไม่เอ่ยนามโรงพยาบาล นางพยาบาลเรียกเราว่าคุณแม่ค่ะ จี๊ดใจมาก บอกว่ามาตรวจครรภ์คือต้องฝากท้องอย่างเดียว ทำอย่างอื่นไม่ได้ ทุกอย่างไม่เป็นมิตรมากๆ ถ้าเราไม่ได้จะฝากครรภ์ ขนาดเราบอกว่าเรามีปัญหาสุขภาพ ต้องการปรึกษาเรื่องยุติการตั้งครรภ์ ยังมีท่าทีไม่โอเค ซักจนเราทนไม่ไหว ซักต่อหน้าแม่คนอื่น ซักจนเราแค่ขอทำนัดแล้วให้แฟนพาไปจิบชา

เรามีปัญหาสุขภาพจริงๆ ค่ะ เรามีเนื้องอกสองก้อนที่ยังไม่ได้ผ่ากับความดัน แค่เพิ่งท้องก็พุ่งปรี๊ดไป 140/90 แล้วเจ้าเนื้องอกมีสิทธิ์โตตามตัวเด็กได้ คนท้องคู่เนื้องอกรอดไปได้ก็มี คนที่เนื้องอกโตจนต้องผ่าเด็กออกก่อนกำหนดก็มี ครรภ์เราต้องดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ

ลองไปปรึกษาโรงพยาบาลของรัฐก่อนก็ได้ค่ะถ้ามีปัญหาสุขภาพ (กายหรือจิตเภท) หรือไปแจ้งความมาแล้วว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ถ้าไม่เหตุผลไม่หนักก็อยากแนะนำไปช้อยสองเลยค่ะ

ใครเคยทำแท้งโรงพยาบาลของรัฐฝากเอามาแชร์กันก็ดีนะคะ อยากรู้ว่ามี ร.พ. ไหนมืออาชีพทำได้บ้าง

คลินิกสุขุมวิท

แฟนเราได้เห็นกระบวนการทำงานของโรงพยาบาลรัฐแล้ว ก็รำพึงว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่เกิดในยุโรปออกมา ก่อนจะแนะนำเราว่าไม่ต้องรอไปหาหมอตามนัดหรอก ไอไม่อยากให้ยูต้องถูกกดดันจนร้องไห้ เรามาหาทางอื่นกันเถอะ

เราจึงเสิชร์หา 1663 กับ LoveCareStation เสิชร์แค่ “ท้องไม่พร้อม” ในกูเกิ้ลได้เลยค่ะ ขึ้นมาแล้ว ขั้นแรกเขาจะแนะนำให้ไปคลินิกวางแผนครอบครัว ตรงซอยสุขุมวิท ใกล้ร้านอาหารถุงยาง

ที่นั่น แค่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปก็รู้สึกเป็นมิตร เพราะเต็มไปด้วยถุงยางและบอร์ดให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิด แต่พอเข้าไปในคลินิกซึ่งอยู่ชั้นบน จะเหงานิดนึงเพราะคนเยอะ และสภาพอาคารค่อนข้างอยู่ในยุคบุปผาราตรี นางพยาบาลพนักงานทุกคนมีอายุแล้วสักนิดนึง แต่พูดจาน่ารัก ไม่ได้ซักถามมากนัก

ขั้นแรกที่เราต้องทำคืออัลตร้าซาวน์ค่ะ เราซาวน์ไม่เจออะไรเลย ตรวจปัสสาวะก็ไม่เจอ เขาเลยนัดเราอีกสองอาทิตย์ให้กลับมาใหม่

แฟนเราไม่ยอมให้กลับ

แฟนเราพบว่า หมอพยาบาลไทยไม่ค่อยอธิบายอะไรเลย คิดว่าตัวเองมีหน้าที่สั่งเท่านั้น อธิบายน้อยมาก แฟนเราผู้ซึ่งทำรีเสิชในกูเกิ้ลตลอดเวลา ก็ถามว่า การให้รอ 14 วันมากไปไหม การทำแท้งยิ่งเร็วยิ่งปลอดภัยไม่ใช่หรอ นับจากวันเมนส์มาครั้งสุดท้ายก็น่าจะมากสุดหกสัปดาห์เข้าไปแล้ว เครื่องตรวจทำไมตรวจไม่เจอ ตรวจปัสสาวะเองเจอทำไมคลิกนิกตรวจไม่เจอล่ะ แล้วที่คลิกนิกมีแผนการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ทำไมไม่มีใครอธิบาย

นางพยาบาลอธิบายคร่าวๆ ไม่ได้ครบที่แฟนเราต้องการรู้ จึงเชิญเราและแฟนไปพบหมอ

หมอจึงอธิบายว่า

ที่คลินิกสุขุมวิท ใช้การยุติการตั้งครรภ์แบบดูดเอาถุงการตั้งครรภ์ออก ดังนั้น ต้องซาวน์ให้เห็นถุงการตั้งครรภ์ ไม่เห็นจะทำอะไรไม่ได้ อาจเป็นไปได้ว่าเนื้องอกเราบังถุงการตั้งครรภ์อยู่ด้วย หรือตัวอ่อนเล็กมากเกินไป ครรภ์อ่อนเกินไป ช่วงนี้ยายุติการตั้งครรภ์นำเข้ายาก ขาดแคลน คลิกนิกจึงไม่มียา

เมื่อแฟนเราทราบว่า ต่อให้รอ 14 วันคลินิกก็ไม่รับรองว่าจะยุติการตั้งครรภ์ให้เราได้ แฟนจึงถามหมอต่อว่า หมอมีคำแนะนำที่ดีกว่านั้นไหม

หมอจึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลค.ต. ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน (หาชื่อเต็มได้จากการทำรีเสิชเรื่องท้องไม่พร้อมในกูเกิ้ลเลยค่ะ) เพราะมีเครื่องมือครบกว่า ดูแลเราได้ดีกว่า เราจึงดิ่งไปโรงพยาบาลนั้นกันทันที

ค่าใช้จ่ายในคลินิกสุขุมวิท

ค่าอัลตร้าซาวน์ จ่ายเงินสดทันที 500 บาท

ค่าตรวจปัสสาวะ จ่ายเงินสดทันที 200 บาท

ค่ายุติการตั้งครรภ์แบบดูดออก ประมาณ 5–4พันบาท

โรงพยาบาลเอกชน

โรงพยาบาลเอกชนสามารถไปกี่โมงก็ได้ แนะนำให้ไปก่อนบ่ายสองค่ะ ไม่ต้องทำนัด

เมื่อเเรกเราได้ยินชื่อโรงพยาบาลนี้ เราจินตนาการภาพโรงพยาบาลสะอาดทันสมัยมีเงินหมุนเวียนดี แต่พอเราไปถึงก็พบบุปผาราตรีอีกครั้งค่ะ บรรยากาศเก่าแบบโรงพยาบาลต่างจังหวัด พาลให้เราที่คิดมากและเหนื่อยจากการต่อสู้กับทั้งสองที่ที่ผ่านมารู้สึกไปเองว่าเหมือนโรงพยาบาลผีสิง

บุคลากรในโรงพยาบาลค่อนข้างมีอายุเช่นกัน

พอไปถึงแล้วนะคะให้เข้าไปคลินิกวางแผนครอบครัว ติดต่อเคาร์เตอร์ได้เลย เจ้าหน้าที่จะให้รอเรียกชื่อแล้วพาไปอัลตร้าซาวน์อีกครั้ง เราซาวน์ไม่เจอเหมือนเดิม แต่ตอนตรวจปัสสาวะตรวจเจอค่ะ

เจ้าหน้าที่กำลังจะทำนัดให้กลับมาในอีก 10 วัน แฟนเราก็เบรกเลย ขอถามเพิ่มเติม

เราก็ได้เชิญไปคุยกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ค่ะ

เราได้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า เราต้องอัลร้าซาวน์ให้เจอถุงการตั้งครรภ์ก่อนถึงจะทำอะไรได้ เพื่อเช็คว่าไม่ได้ตั้งครรภ์นอกมดลูก ถ้าตั้งครรภ์นอกมดลูกนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิตกับแม่เด็ก ต้องผ่าตัดเอาออกทันที ไปทำที่โรงพยาบาลรัฐได้เลย

นอกจากนั้นแล้ว เคสเราเนื้องอก ต่อให้ไม่ได้ตั้งครรภ์นอกมดลูก ก็ต้องดูว่าถุงตั้งครรภ์เกิดตรงไหน ถ้าเกิดในจุดที่เนื้องอกบังทุกทางพอดี ก็ทำแท้งให้ไม่ได้ ต้องผ่าตัดเอาเนื้องอกออกและเอาเด็กออกพร้อมกันอย่างเดียว

เรื่องการให้ยา ถ้าอายุครรภ์มากกว่า 8 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่จะไม่แนะนำให้ใช้ยาเลย ซึ่งตอนนั้นอย่างมากที่สุดเราก็ 7 สัปดาห์ น้อยสุดประมาณ 4

แฟนเราเริ่มถามถึงผลกระทบของเนื้องอกสองก้อนที่จะมีกับเด็กในครรภ์ ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอไหมถ้าจะขอยุติการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลของรัฐ เจ้าหน้าที่ตอบว่า โรงพยาบาลของรัฐจะเลือกรับความเสี่ยงช่วยให้เด็กอยู่กับเนื้องอกไปจนถึงที่สุดก่อน ความเป็นไปได้ต่ำที่จะยุติการตั้งครรภ์ให้เพราะเนื้องอก

แฟนเราเริ่มกังวล และเริ่มถามเรื่องการบินออกไปผ่าตัดต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ไม่มีคำแนะนำในเรื่องนั้น แต่ก็ทำนัดให้ 10 วัน และให้กลับมาปรึกษาแพทย์

อย่างไรก็ตาม เรากลับบ้านกันมาก่อนและตั้งใจทำงานไปอีกหนึ่งวัน ก่อนจะกลับมาทำรีเสิชกันอีกครั้ง

ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลเอกชน

อัลค่าอัลตร้าซาวน์ จ่ายเงินสดทันที 500 บาท

ค่าตรวจปัสสาวะ จ่ายเงินสดทันที 200 บาท

ค่ายุติการตั้งครรภ์แบบดูดออก ประมาณ 7–8 พันบาท

ยายุติการตั้งครรภ์ ประมาณ 4–5 พันบาท (โรงพยาบาลไม่ค่อยสนับสนุน)

ความช่วยเหลือจากองค์กรต่างประเทศ

หลังจากวันนั้น เราเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียนในช่วงเย็น อาหารย่อยยากขึ้น ทนหิวไม่ได้ และใจสั่น

แฟนกังวลมากเลยให้เราพัก ด้วยเหตุผลที่ว่า ร่างกายเรารับภาระหนักกว่าเขา เขาจึงรับภาระเสิร์ชหาข้อมูล เขาดาวน์โหลดหนังสือเรื่องการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยมาอ่าน และเสิร์ชหาความช่วยเหลือจากองค์กรนานาชาติ จนมาพบกับ Women On Web

Women On Web เป็นองค์กรที่คอยช่วยเหลือเรื่องยายุติการตั้งครรภ์ให้ผู้หญิงทั่วโลก โดยมีแพทย์คอยช่วยเหลือตลอดเวลา เราต้องส่งเมล์ไปค่ะ ถ้าเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้ แนะนำให้เขียนขึ้นต้นว่า “I am thai. I need help.” แล้วเขียนภาษาไทยเลย องค์กรมีคนรู้ภาษาไทยคอยช่วยเหลือค่ะ

องค์กรนี้ เราต้องบริจาคเงินประมาณ 3000 บาท ถ้าไม่มีเงินให้ลองเมล์ไปปรึกษาดูก่อนได้ องค์กรจะขอข้อมูลทุกอย่างที่เรามีไป ให้แพทย์พิจรณาออกยาให้ ควรไปอัลตร้าซาวน์มาก่อนแล้วส่งภาพให้แพทย์ดู ระหว่างทานยา ต้องติดต่อกับแพทย์ตลอดเวลา มีปัญหาส่งยาใหม่ให้ฟรี

แฟนเรากดกริ้กสั่งยาทันที แล้วแจ้งว่าจะไปซาวน์อีกสองวันแล้วส่งตามไปทีหลัง เพราะยาต้องอาศัยเวลาส่งประมาณ 2 สัปดาห์ เขากลัวสายเกินไป

แต่เรื่องตลกคือ ยามาติดด่านตรวจที่สนามบินค่ะ ศุลกากรไม่ให้ผ่าน ซึ่งองค์กรก็เสียใจมากเพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง (องค์กรพูดแบบนี้เลย) องค์กรจึงส่งยาใหม่มาให้ทันทีเพื่อลองเสี่ยงให้เราอีกครั้ง

ระหว่างนั้น ก่อนยาตัวแรกเดินทางมาถึง เราก็ได้เดินทางไปอัลตร้าซาวน์อีกครั้งที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านค่ะ เราเสิร์ชเรื่องอัลตร้าซาวน์ในกลุ่มแม่ๆ จนพบว่า ท้องอ่อนต้องอัลตร้าซาวน์ข้างในช่องคลอดนะถึงจะเจอ ซาวน์จากหน้าท้องไม่ค่อยเจอหรอก เราก็อะไรวะ ไปซาวน์มาสองรอบซาวน์หน้าท้องตลอดเลย ไม่เจอก็ไม่แปลกอะสิ

เราเดินทางไปขอซาวน์และตรวจสุขภาพทั่วไป ไม่ฝากครรภ์ ได้อัลตร้าซาวน์ถุงตั้งครรภ์กลมสวยมาหนึ่งถุงพร้อมอายุครรภ์ 4 สัปดาห์ 2 วัน ส่งให้ Women On Web ทันที พร้อมปัญหาความดันสูง 140/90 ที่นั่งพักชั่วโมงนึงก็ยังสูงอยู่ คุณหมอแนะนำด้วยความเป็นห่วงว่าต้องรีบฝากครรภ์อย่างเร่งด่วนเพื่อวางแผนการดูแลและป้องกันครรภ์เป็นพิษค่ะ

สรุปค่าใช้จ่าย

ค่ายาจาก Women On Web ประมาณ 3000 บาท

ค่าอัลตร้าซาวน์โรงพยาบาลเอกชน ประมาณ 1500 บาท

ความกดดันของแม่เตรียมยุติการตั้งครรภ์

ถ้าไม่นับความกดดันจากระบบที่ไม่ตอบคำถามถ้าไม่ถามแล้ว ตัดเรื่องฝ่ายชายไม่ดูแลออกไปเพราะของเราดูแลดีมาก สิ่งที่เราต้องเจอคือ ความเป็นแม่

พอพบเรื่องความดันสูง เราก็เดาสาเหตุอาการใจสั่นครั้นเนื้อครั่นตัว โดยเฉพาะถ้าทานอาหารรสจัด เราตัดสินใจว่าเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เราเลยกินคลีนทันทีค่ะ อาการใจสั่นก็น้อยลง

เราหิวหน้ามืด เราเหมือนมีปรอทพลังงานอยู่ ที่ถ้าแตะสีเหลืองแล้วต้องกินทันที ใกล้แตะสีแดงร่างกายเราเหมือนมีหวอติดอยู่บนหัวเลยค่ะ มองหาแต่ของกิน แฟนเครียดเลย จะกินสุ่มๆ ก็ไม่ได้ด้วยเดี๋ยวใจสั่น

บวกรวมอาการสลบไสลตั้งแต่สามทุ่มไปอีกข้อหนึ่ง

เราพบว่าการเป็นแม่มันไม่ใช่แค่หนักท้อง แพ้ท้องไม่ใช่แค่อาเจียนแล้วน้ำหนักลด การดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ซับซ้อนกว่านั้น นี่เหมือนการซ้อมเป็นแม่ระยะสั้นๆ เราซึ่งวางแผนจะมีลูกช่วงอายุ 31 ได้บทเรียนว่าต้องเตรียมตัวยังไงเพิ่มมากขึ้น แฟนเราก็เช่นกัน

วันหลังจากโรงพยาบาลเอกชนที่เราพบว่าการยุติการตั้งครรภ์ของเรานั้นลำบากเหลือเกิน เรากับแฟนก็วางแผนเรื่องออกต่างประเทศกัน คำณวนเวลาเเล้วเทียบกับตารางการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เรามองไปที่มือ แขน เท้า เราก็ร้องไห้ออกมา

เราพบว่าเราคงไม่สามารถรับไหวถ้าต้องยุติการตั้งครรภ์หลัง 10 -12–15 สัปดาห์ เพราะสำหรับเรามันคือคนแล้ว ไม่ว่าแฟนจะพูดยังไงก็ตาม สำหรับเราคือคนแล้วจริงๆ

เราทนมองเด็กมีมือเท้าครบอยู่ในท้องเราแล้วหายไปไม่ได้ อาจทนได้แต่คงเสียใจมาก

กรณีนี้ความคิดคนคงต่างกันออกไป บางคนจะเชื่อเมื่อสมองทำงาน เมื่อขยับ เมื่อคลอด แต่สำหรับเราคือเมื่อมีอวัยวะเริ่มใกล้ครบก็คือจุดเส้นตายของเราแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลของแต่ละคนต่างกันไป เราไปตัดสินคนที่ทำแท้งเมื่ออายุครรภ์แก่แล้วก็ไม่ได้ เรื่องราวแต่ละคนมันซับซ้อนจริงๆ และสิทธิของร่างกายเราคือสิทธิของเรา สุขภาพจิตแม่ส่งผลกับคุณภาพในการเลี้ยงดู การเลี้ยงดูส่งผลถึงเขาจนโต

นั่นคือวันที่แย่ที่สุดของเราและแฟนค่ะ

วันยุติการตั้งครรภ์

เราตัดสินใจไม่รอยารอบสองจาก Women On Web และไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นตามนัด คราวนี้ซาวน์หน้าท้องเจอถุงตั้งครรภ์แล้วในที่สุด ที่ไม่มีแม้แต่ก้อนเซล์ลเด็กข้างในให้เห็น เราจึงสบายใจมากค่ะ ไม่ได้รู้สึกเหมือนทำแท้งเลย รู้สึกเหมือนไปคุมกำเนิด

หมอสั่งให้ทำแท้งโดยการดูดออก ไม่พิจรณาให้ยา เราถามว่าทำไม แฟนก็ถามว่าทำไม เพราะเท่าที่แฟนศึกษามา ยาจะปลอดภัยกว่า พยาบาลบอกว่า เพราะกลัวว่าเราต้องทนกับความเจ็บเวลามดลูกบีบตัวและความขมของยา และกลัวเนื้องอกต่างๆ ของเราจะรบกวนการบีบรัดจนแท้งไม่สมบูรณ์ ดังนั้นดูดออกดีกว่าวันเดียวจบ ไม่เจ็บ

วันเดียวจบจริงๆ ค่ะ

ขั้นแรก เราต้องไปตรวจภายในเพื่อหาโรคคร่าวๆ และความดัน จบแล้วขึ้นไปชั้นสี่ของโรงพยาบาล ญาติรอได้แค่ชั้นสองเท่านั้น

ชั้นสี่จะมีเตียงแบบโบราณหน่อยแต่สะอาดประมาณแปดเตียง ปกติทุกเตียงเต็มตลอด ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคน คนเยอะจนเราอยากขอให้น้อยกว่านี้เลยละค่ะ

พยาบาลจะให้ล็อคของใช้ส่วนตัวในล็อคเกอร์ แล้วให้กระเป๋าหนึ่งใบ ข้างในมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนและผ้าอนามัยกงเต๊กให้ใส่ เราเปลี่ยนเป็นชุดของโรงพยาบาล แล้วขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ขึ้นเตียง วางยาสลบ อีกหนึ่งชั่วโมงตื่นที่เตียงตัวเองที่ชั้น 4 อีกครั้ง นอนพักต่อสองชั่วโมงเพื่อความชัวร์ว่าเราจะไม่เป็นลม ให้ยา แจกเอกสารดูแลตัวเอง แล้วก็กลับบ้านค่ะ

กรณีเราไม่เจ็บเลยค่ะ มีเจ็บหน่วงๆ เล็กน้อย เลือกออกจางๆ ประปราย คำแนะนำห้ามออกกำลังกาย ห้ามมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาให้กลับมาตรวจรักษาฟรี ถ้า 2–3 สัปดาห์แล้วยังตรวจเจอการตั้งครรภ์ให้กลับมา

หลังจากนั้น

ตอนเราออกมาจากโรงพยาบาล เราไปทานอาหารอ่อนๆ เราแทบไม่รู้สึกคลื่นไส้แล้ว แต่ยังมีอาการเหนื่อยอยู่

เรานอน ตื่นมาตอนเช้า ไม่มีอาการหิวหน้ามืดอีกแล้ว

เรารู้สึกปกติและท้องเบา ตัวเบา จนเราสงสัยว่าอาการแปลกๆ ที่เราเคยมีอาจจะมาจากสภาพจิตใจด้วย ไม่ใช่แค่ฮอร์โมน

ตอนนี้ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เราสบายดีและกำลังไปฝังยาคุมค่ะ เราคิดว่าฝังยาคุมแน่นอนที่สุดแล้วจริงๆ แฟนเรายังรู้สึกผิดว่าเขาผลักภาระเรื่องคุมกำเนิดให้เรามากไป โดยปล่อยให้เราจดจำและกินยาคุมด้วยตัวเอง โดยที่เขาไม่รู้เรื่องยาคุมด้วยซ้ำ

เราก็ได้แต่กระซิบกับวิญญาณอนาคตลูกที่เราเชื่อว่ามีว่า กลับมาอยู่กับแม่ในอีกห้าหกปีนะลูก แม่จะเลี้ยงให้ดีเลย พ่อคนนี้ก็ดีนะลูก ช่วยแม่รักษาไว้ด้วยล่ะ ดูแลลูกได้แน่

เราเชื่อว่าการคุมให้ดีนั้น เป็นเรื่องสำคัญ การห้ามมีเซ็กส์เป็นการปากว่าตาขยิบก็จริง แต่การมีเซ็กส์คุณก็ต้องรับความเสี่ยงให้ได้เช่นกัน เด็กควรคุยเรื่องการคุมกำเนิดอย่างชัดเจนกับพ่อแม่ กับแฟน เเละรับรู้เรื่ององค์กรเหล่านี้ และราคาที่ต้องจ่าย

ไม่มีใครอยากท้อง ไม่มีใครอยากพลาด แต่พลาดแล้วต้องแก้ให้เร็ว เราอยากให้ทุคนแก้ให้เราเท่าเรา ไม่เกิน 8 สัปดาห์ ดีที่สุดนะคะ

เราเขียนขึ้นมาเพราะอยากให้มีรีวิว คนไปจะได้ทำตัวถูก มีกำลังใจ

ไปฝังยาคุมกันนะคะทุกคน แม่ๆ เห็นลูกมีแฟนก็ควรแนะนำเขาไปฝังเลยค่ะ อย่าปากว่าตาขยิบ การคุยเรื่องเพศไม่ใช่แค่ช่วยเรื่องการคุมกำเนิด แต่ยังช่วยเรื่องป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศด้วย

สรุปขั้นตอน ทำอย่างไรเมื่อท้องไม่พร้อม
  1. สงบใจ นับว่าวันที่ประจำเดือนมาวันแรกครั้งสุดท้ายคือวันไหน กำหนดอายุครรภ์คร่าวๆ จากวันไข่ตก อะไรก็ว่าไป (ควรโหลดแอพรอบเดือนมาใช้นะคะ)จดลงกระดาษ หยิบที่ตรวจครรภ์ไปด้วย
  2. เสิชร์กูเกิ้ลจะเจอชื่อคลินิกสุขุมวิทและโรงพยาบาลเอกชนที่เราบอก ไปสุขุมวิทก่อนได้เลย ถ้าเขาบอกว่าซาวไม่เจอเด็ก ไม่ต้องตกใจ ให้ออกไปหาโรงพยาบาลปกติซาวแบบในช่องคลอดเพื่อเดาอายุครรภ์
  3. 4–5–6–7 สัปดาห์คือเวลาสำคัญ พยายามยุติครรภ์ให้ได้ช่วงนี้ เพื่อสุขภาพจิตเราด้วย
  4. ไม่มีเงิน โทร 1663 เพื่อปรึกษา มีเงินเตรียมไว้เลยหมื่นนึง
  5. พาแฟนไปกับเราเสมอ ผู้ชายต้องดูแลเรา เซล์ลของเขาความผิดเขาครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ไปให้จ่ายมาหมื่น+วันตั้งท้องวันละพันโดยประมาณ นับเป็นวัน รวมค่าแท็กซี่ค่าอาหาร ร่างกายเรารับภาระหนักกว่าเขา เขาไม่ดูแลไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นเลิกกับเขาซะ คบกันต่อไปเขาก็ไม่ใช่พ่อที่ดีหรอก
  6. ผู้ชายไม่ดูแลจริงๆ เลิกกับเขาซะ
  7. อย่าปล่อยตัวเองประชดตัวเอง ควรดูแลตัวเองให้ดี
  8. ควรฝังยาคุมเร็วที่สุดหลังยุติการตั้งครรภ์ ถ้าท้องได้ครั้งหนึ่งไม่ต้องพึ่งการคุมกำเนิดอย่างอื่นแล้วค่ะ ฝังเลยแล้วใช้ถุงยางควบคู่

เรารู้ว่าน่าจะมีดราม่าตามมาแน่ เพราะเรากะจะโพสพันทิปด้วย เข้าอกเข้าใจกันนะคะ สิทธิมนุษยชน อังกฤษทำแท้งฟรี ยุโรปประเทศเจริญๆ แล้วเคารพการทำแท้ง ว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล การทำให้การยุติการตั้งครรภ์เข้าถึงยาก คนจะยุติมันได้ช้าลงและเสี่ยงมากขึ้น

ไปก่อนนะคะ เราจะไปเตรียมตัวเป็นแม่ที่ดีต่อไปด้วยการทำงาน หาความรู้ ดูแลตัวเองให้พร้อมกว่านี้สิบเท่าไปเลย แฟนเราก็เหมือนกัน