ส ปอย ปรมาจารย์ลัทธิมาร 113

เขาวิ่งหนีหลานวั่งจีออกจากเรือนมายังทุ่งหญ้าเขียวขจี ซึ่งทุกหญ้าผืนนั้นห่างไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ่อธารน้ำเย็นเท่าไหร่นัก ทั้งทุ่งหญ้าแห่งนี้ยังมีกระต่ายน้อยใหญ่กระโดดโหยงเหยงกันอย่างน่ารักน่าชัง เว่ยอู๋เซี่ยนมองปราดเหล่ากระต่ายที่กระโดดเล่นอยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ก่อนที่จะพึมพำออกมาเบาๆว่า  

"เกิดเป็นพวกเจ้านี่มันดีจังเลยนะ..." 

แม้นว่าเขาจะเป็นฝ่ายกร่นห้ามไม่ให้หลานวั่งจีนั้นตามมาก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากให้ตามมาอยู่ดี แต่หากอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้เขาตามมา ภายในของเขานั้นทั้งสับสนและกระวนกระวายใจกับภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่ 

ใช่แล้ว หลานวั่งจีที่ยืนอยู่กับสตรีเมื่อครู่นี้นั้นช่างงดงามและดูเหมาะสมกับนางยิ่ง อีกทั้งภาพของเด็กทารกที่เขาโอบอุ้มอยู่ในมือนั้นอีก แวบหนึ่งเว่ยอู๋เซี่ยนคิดไปว่า หากหลานวั่งจีไม่มีใจปฏิพัทธ์ต่อเขาเช่นกันแล้วล่ะก็ ภาพเหล่านั้นอาจจะเป็นภาพที่สะท้อนอยู่ในอนาคตของเขาก็เป็นได้ พอคิดแบบนั้นแล้วก็ทำให้เขาเจ็บไปหมด 

...แม้นว่านั้นจะเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม ทั้งหลานจ้านยังบอกว่า เด็กพวกนั้นเป็นลูกข้าอีก ข้าคิดว่าคนอย่างหานกวงจวินนั้นไม่พูดโป้ปดเป็นแน่ แต่ถึงกระนั้นข้าก็กลับวิ่งหนีเขาออกมา ทำให้เขาเข้าใจผิดเสียอย่างนั้น... 

ส ปอย ปรมาจารย์ลัทธิมาร 113

เว่ยอู๋เซี่ยนเหม่อมองเจ้าตัวน้อยขนปุยตัวหนึ่งที่เดินมาใกล้ๆมือของเขาแล้วดมกลิ่นจากตัวเขาอย่างหวาดๆสักพัก ก่อนที่จะเอาหัวถูไถมือของเขาอย่างออดอ้อน ดูแล้วช่างน่าเอ็นดูยิ่ง  

เว่ยอู๋เซี่ยนเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะโอบอุ้มกระต่ายตัวนั้นขึ้นมา แล้วเอาหน้าของตนเองไปถูไถกับกระต่ายน้อยนั้นอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะพูดกับมันราวกับกำลังปรับทุกข์กันอยู่ก็มิปาน 

"นี่ เจ้ากระต่ายน้อย เจ้าอยู่ที่นี่คงมีความสุขดีมากสินะ หืม?" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางลูบขนของมันอย่างถนุถนอม  

...กระต่ายพวกนั้นข้าจำได้ว่า เมื่อก่อนนั้นข้าเคยให้พวกมันกับเขา แต่หากกับถูกเขาบอกปัด แต่หนนี้ฝูงกระต่ายเหล่านั้นกลับมีเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ไม่ช้าฝูงของมันอาจจะเพิ่มจำนวนมากยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้... เว่ยอู๋เซี่ยนคิด แต่แล้วจู่ๆก็กลับมีกระต่ายอีกตัวเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ  

ทีแรกเขาคิดว่า มันแค่อยากจะเล่นด้วยเหมือนดังกระต่ายน้อยตัวอื่นๆ แต่พอเขายื่นมือออกไป จู่ๆกระต่ายตัวนั้นก็งับไปที่นิ้วของเว่ยอู๋เซี่ยนอย่างเต็มแรง จนทำให้เขารีบชักมือออกในทันที ก่อนที่กระต่ายตัวนั้นจะวิ่งหนีไปซ่อนหลังพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ตรงนี้แล้วจ้องมองเขาอย่างหวาดๆ 

*ง่ำ!* 

"โอ๊ย!" เว่ยอู๋เซี่ยนที่ถูกกระต่ายตัวน้อยนั้นกัดก็ชักมือออกจนทำให้อีกตัวนั้นหล่นสู่พื้นหญ้าในฉับพลัน "นี่เจ้า! เหตุใดจึงมากัดข้าเช่นนี้เล่า! ข้าก็แค่อยากเล่นกับเพื่อนของเจ้าเท่านั้นเอง ไม่ได้จะเอาเขาไปย่างกินอย่างเช่นแต่ก่อนที่เคยทำเสียหน่อย!"  

เว่ยอู๋เซี่ยนพูด พลางเอานิ้วดูดเลือดที่กำลังไหลอยู่ แล้วเหล่มองเจ้ากระต่ายตัวการที่กำลังหลบซ่อนเขานั้นอีกครา "...ถ้าไม่ติดว่า หลานจ้านเป็นผู้เลี้ยงดูพวกเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าจะจับไปย่างกินเสียให้เข็ด!" 

"หึหึ ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ" จู่ๆเว่ยอู๋เซี่ยนก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากทางด้านหลังจนทำให้เขาเหลียวหลังไปมอง "ที่มันกัดท่านเช่นนี้ อาจเป็นเพราะว่า มันกลัวว่าท่านจะไปแย่งคู่ของมันก็เป็นได้" นางกล่าว 

"คู่ของมัน? ไม่ใช่ว่าพวกมันทั้งสองเป็นตัวผู้หรอกหรือ?" 

"เจ้าค่ะ" นางพูดพลางยกยิ้มให้ "กระต่ายคู่นี้เป็นกระต่ายที่หานกวงจวินรักและเมตตามากที่สุด ทั้งพวกมันยังมีกันและกันแค่สองตัวเท่านั้น ฉะนั้นแล้วหากท่านเผลอไปจับอย่างไม่ระมัดระวังอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกก็เป็นได้" 

"หากข้าเข้าใจไม่ผิด ไม่ใช่ว่าพวกมันต้องอยู่รวมกันเป็นฝูงหรอกหรือ?" 

"ฮิๆ ธรรมดาอาจเป็นเช่นนั้น แต่หากกระต่ายน้อยอีกตัวนั้นไม่ยอมที่จะเข้าร่วมกับฝูง ฉะนั้นแล้วกระต่ายอีกตัวที่แสนจะร่าเริงนั้นจึงอยู่เป็นเพื่อนกับเขา" นางอธิบายพลางยิ้มขำ "ทั้งยังชอบหนีออกไปเล่นข้างนอก รบกวนให้หานกวงจวินจับกลับเข้ามายังสถานที่นี้ใหม่อีกหลายต่อหลายครั้ง" 

"...ให้ข้าเดานะ ข้าว่ากระต่ายตัวนั้นก็คงตามไปด้วยงั้นสิ" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางเหล่มองกระต่ายเจ้าปัญหา 

"ถูกอย่างที่ท่านกล่าวมาไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย" นางตอบพลางหันกลับมาส่งยิ้มให้ ในคราที่นางหันกลับมา เว่ยอู๋เซี่ยนก็เผลอตกตะลึงไปเพียงชั่วครู่ เพราะหากแม่นางคนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เขาพบตรงโถงทางเดินนั้น 

"เจ้าคือ..." 

"อา จริงสิ... ฮูหยินเมื่อครู่ข้าต้องขออภัยท่านด้วยที่เผลอไผลทำให้ท่านเข้าใจผิด" นางกล่าวพลางผงกศีรษะขออภัยคนตรงหน้า "แต่ความจริงนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเห็นอยู่เลยสักนิด ที่สำคัญ..." 

"อ่า... ไม่จำเป็นต้องขออภัย ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ซ้ำแล้วยังเป็นทางข้าต่างหากที่ต้องขออภัยเจ้าที่กระทำกิริยาที่เสียมารยาทเช่นนั้นใส่" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางเกาหัวขออภัยคนตรงหน้า "ข้าก็เพียงแต่สับสนกับภาพที่เห็นเท่านั้น" 

"สับสน?" 

"อืม" เว่ยอู๋เซี่ยนพยักหน้าพลางยิ้มอย่างเศร้าหมอง "คือ... จะว่าอย่างไรดีล่ะ การที่บุรุษเช่นข้ามีบุตรนั้นทำให้ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ทั้งภาพที่เจ้าอยู่เคียงคู่เขานั้นมันช่างดูเหมาะสมกันมาก สิ่งเหล่านั้นทำให้ข้าถึงกับตาพร่ามัวและคิดไปเองว่า หากผู้ที่อยู่เคียงข้างเขานั้นเป็นสตรีจะดีกว่าไหมน้า... ว่าไปนั้น ฮะๆ..." 

"...." 

"...ทั้งข้ายังเผลอกระทำกิริยาที่ไม่ดีใส่เขาอีก หากตอนนี้เขานึกเกลียดชังข้าขึ้นมา ข้าก็คงไม่อาจจะกล่าวโทษอะไรเขาได้หรอก ก็ได้แต่ยอมรับในสิ่งที่เขาพูดเพียงแค่นั้น" 

"นั้นมันไม่จริงเลยเจ้าค่ะ" นางกล่าว "ผู้ที่หานกวงจวินรักและเป็นห่วงมีเพียงแต่คุณชายโม่เท่านั้น" 

เว่ยอู๋เซี่ยนมองสบนางไปเพียงชั่วครู่ก่อนที่นางจะพูดต่อ "ในวันนั้นข้าจำได้ว่า ผู้คนทั้งหลายในสำนักสกุลหลาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกวิชานอกสำนัก หรือผู้ที่อาศัยอยู่ที่สกุลหลาน ต่างรู้เห็นและประจักกับสายตาคู่นั้นของหานกวงจวินเป็นอย่างดี สายตา... ที่บ่งบอกว่ารักและเป็นห่วงท่านมากขนาดไหน" 

"นั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?" 

"...วันนั้นวันที่หานกวงจวินกลับมาพร้อมกับเด็กทั้งสาม เขานั้นได้ไหว้วานให้คุณชายน้อยทั้งสองมาหาข้า แล้วรับสั่ง วานให้ข้าดูแลเด็กพวกนี้เป็นอย่างดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ทั้งๆที่หานกวงจวินเองก็มีความสามารถมากพอที่จะดูแลเด็กเหล่านั้นได้อยู่แล้ว แต่ก็มาก้มหัวขอร้องข้าให้ข้าดูแลบุตรของเขาแทน นั้นทำให้ข้าเป็นสุขมาก" 

"ถ้าเช่นนั้นทำไมเขาถึงไม่ดูแลเองล่ะ เหตุใดจำต้องให้เจ้าเป็นดูแลด้วยกัน?" 

นางนิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ "...เพราะท่าน" 

"ข้า?" 

"เพราะในเพลานั้น ท่านไม่มีสติ ท่านตกอยู่ในห้วงนิทราหลับไหลเพราะอ่อนเพลียจากการผ่าท้องคลอดบุตร ฉะนั้นแล้วท่านที่ใช้พลังปราณในการสะกดกลั้นจึงเสียเลือดไปมาก ได้แต่นอนหลับอยู่อย่างนั้นราวเกือบหนึ่งอาทิตย์ได้" 

"นะ นี่ข้าหลับไปนานถึงขนาดนั้นเชียวรึ!?" 

"เจ้าค่ะ" นางพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ "หานกวงจวินที่เห็นท่านเป็นแบบนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งนัก หานกวงจวินนั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งกลัวว่า หากท่านตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่พบเขาเข้า ฉะนั้นแล้วหานกวงจวินจึงเฝ้าอยู่ไม่ห่างกาย แม้แต่บุตรที่สืบสายเลือดท่านกับเขาโดยชอบธรรม เขาก็ยังไปหาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลยเจ้าค่ะ" 

"...." 

"แม้ว่าท่านหลานฉี่เหรินนั้นจะรับสั่งให้เขาดูแลบุตรของเขาให้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงดื้อรั้น ไม่ยอมออกห่างจากกายท่านเลย จนทำให้ท่านหลานฉี่เหรินนั้นจนใจ จึงได้มีการรับสั่ง วานให้ข้าเลี้ยงดูเด็กต่อไปจนกว่าอาการของท่านนั้นจะฟื้นขึ้นมาดีดังเดิม" 

"...นั้นคงจะเป็นตอนนั้น ตอนที่ข้าเห็นเจ้าอยู่กับเขางั้นสินะ" 

"เจ้าค่ะ" นางตอบ "แม้ว่าท่านจะมีบุตรกับเขาแล้วก็ตาม แต่ความรักของเขาที่มีต่อท่านนั้นไม่ได้น้อยลงเลย เรื่องนี้ทุกคนในตระกูลหลานนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจทำอะไรเพื่อเขาได้ จึงได้แต่คอยเฝ้ามองและอธิษฐานขอให้ท่านลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัยเพียงเท่านั้น" 

"แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังทำกิริยาเช่นนั้นใส่เขาอีก" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางกำหมัดแน่น "ข้านี่มันแย่จริงๆ..." 

"หึหึ ท่านอย่าได้เป็นกังวลไป ข้าเดาว่า ผู้ที่มีความรักมักจะเป็นเช่นนั้นกันทุกคน ทั้งท่านยังอาจจะแค่สับสนไปเพียงชั่วคราว ฉะนั้นแล้วหากท่านเข้าหาเขาแล้วพูดกับเขาดีดีแล้วล่ะก็ หานกวงจวินจะต้องเข้าใจท่านเป็นแน่และ... เอ๊ะ!" 

*ตึก ตึก ตึก* 

"ข้ารู้ว่า หากข้าเข้าไปหาเขา แล้วพูดคุยอย่างเช่นทุกครั้งเขาจะให้อภัยข้าเป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นข้ากลับให้อภัยตัวเองที่เผลอยั้งปากกร่นกล่าววาจาแย่ๆใส่เขาไม่ได้เช่นกัน ซ้ำยังวิ่งหนีเขาไป ทำให้เขาเข้าใจผิดอยู่แบบนั้นอีก ฉะนั้นแล้วต่อให้เขาจะให้อภัยข้าแล้วก็ตาม แต่ข้าก็ยังคงโกรธตัวเองมากอยู่ดี และข้า---" 

"เว่ยอิง..." 

"!!!!!" 

เมื่อเว่ยอู๋เซี่ยนเงยหน้าขึ้นมา เขาพบว่าตนเองนั้นหาได้อยู่กับนักพรตหญิงคนนั้นดังเช่นเคย แต่หากผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นกลับเป็นผู้ที่เขากำลังเอื้อนเอ่ยถึงอยู่เมื่อครู่นี้ และเมื่อมองลอบไปด้านหลัง นักพรตหญิงผู้นั้นก็ผงกศีรษะราวขออภัยเขา จากนั้นก็เดินหลีกหนีออกไปให้พ้นทาง ทิ้งให้เขาอยู่กับคนตรงหน้าแต่เพียงลำพัง 

"...." 

"ละ หลานจ้าน ฮะๆ... นี่เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใดกันน่ะ เหตุใดจึงไม่ให้ซุ้มให้เสียงเช่นนี้กันล่ะ" เว่ยอู๋เซี่ยนพูด  

อันที่จริงวินาทีที่เจอหน้าของหลานวั่งจี เขาก็มีท่าทีกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด และหากเป็นไปได้ในตอนนี้เขาก็อยากขุดหลุมเพิ่มสักหลุมสองแล้ว แล้วเอาหน้ามุดลงดินเสียให้เข็ด 

"เมื่อครู่นี้" หลานวั่งจีตอบพลางมองสบ "เว่ยอิง เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆงั้นหรือ" 

"หลานจ้าน ข้า..." 

"หรือเจ้าไม่ชอบใจ ที่ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้ายามตื่นนอน ดังสัญญาที่เคยให้ไว้" 

"มะ ไม่ใช่ๆ!" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางยกมือและส่ายหน้าเป็นพัลวัน "ข้าก็เพียงแต่... ไม่อยากจะเชื่อสายตาเท่านั้นว่า สิ่งที่ข้าเห็นและสิ่งที่ข้ารู้นั้นคือความจริงหาใช่ความฝันไม่"  

เว่ยอู๋เซี่ยนตอบพลันมีสีหน้าที่หมองลงก่อนที่จะพูดต่อ "ทั้งพอเห็นภาพของเจ้าที่เคียงคู่กับนางแล้วดูเหมาะสมกันมากเหมือนอย่างภาพที่ข้าเคยนึกคิดเช่นนั้นแล้ว มันทำให้ข้าอดคิดไม่ได้ว่า ตัวข้านั้นเหมาะสมและคู่ควรที่จะยืนอยู่เคียงข้างเจ้าจริงๆไหมน่ะสิ..." 

"...." 

"ทั้งภาพของนางกับเจ้าที่กำลังโอบอุ้มบุตรอยู่นั้น แม้นว่าภายหลังว่าข้าจะรู้ว่า นั้นเป็นบุตรของข้ากับเจ้า ซึ่งเป็นบุตรที่เกิดจากดวงจิตอันจือก็ตาม แต่พอเห็นภาพที่เคยเป็นกังวลอยู่ภายในทุกชั่วยามสะท้อนอยู่ในความเป็นจริงนั้น มันก็พลันทำให้ข้าเผลอคิดมาก จนทำให้ข้ารู้สึกอับอายที่เข้าใจผิดและเผลอหนีหน้าเจ้าออกมาอย่างนั้น" 

"...." 

"หลานจ้าน... ข้าขอโทษที่เข้าใจเจ้าผิด และถึงแม้ว่าข้าจะเขินอายเกินกว่าจะยอมรับมันได้ก็ตาม แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่ควรที่ทำจะกิริยาเช่นนั้นใส่เจ้าที่ไม่รู้ความเลย ทั้งข้ารู้ว่าหากเจ้ารู้ความจริงจากปากข้าเช่นนั้นแล้วล่ะก็ เจ้าก็คงต้องอภัยให้ข้าเหมือนอย่างเคยเป็นแน่ แต่ถึงกระนั้น..."  

เว่ยอู๋เซี่ยนละคำพูดของตนเองเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะโผกอดคนตรงหน้าหลวมๆ พลางซุกหน้าลงกับแผ่นอกอันแข็งแรงของเขา "ถึงกระนั้น... แม้นว่าตัวข้าจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่อย่าเกลียดข้า โกรธข้า หรือทิ้งข้าไปไหนเลยนะ เพราะหากเจ้าทำเช่นนั้นแล้วล่ะก็... ข้าคงจะต้องขาดใจตายแน่ๆ..." 

"เว่ยอิง" 

"...." 

แม้นว่าหลานวั่งจีจะเรียกขานนามของคนตรงหน้าหลายต่อหลายครั้งก็ตาม แต่เว่ยอู๋เซี่ยนก็ไม่คลายอ้อมกอดของตนลงเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับกระชับอ้อมกอดของตนให้รัดแน่นยิ่งกว่าทุกครั้ง นั้นทำให้หลานวั่งจีถอดถอนหายใจออกมาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะเอ่ยความระลึกถึงความหลัง ราวกับกำลังปลอบประโลมคนตรงหน้า 

"...เว่ยอิง เจ้าจำได้หรือไม่ว่า พวกเราเคยพูดถึงเรื่องเช่นนี้กันมาก่อนแถวธารน้ำเย็นนั้น" 

"...." 

"เจ้าพูดถึงเรื่องลูกอย่างมีความสุขล้น นั้นทำให้ข้ามีความสุขตามไปด้วย" หลานวั่งจีกล่าวพลางลูบศีรษะของเว่ยอู๋เซี่ยนไปมา ก่อนที่จะยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วพูดต่อ "แม้นจะไม่เคยพูดออกมา แต่ข้าก็คิดว่า คงจะดีหากสิ่งเหล่านั้นเกิดเป็นจริงขึ้นมา"  

เว่ยอู๋เซี่ยนได้ยินประโยคเช่นนั้นก็เงยหน้ามองสบกับเขาทันที "เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ" 

"หลานจ้าน..." 

"...." 

...จริงสิ เหตุใดข้าจึงลืมไปได้นะว่า ครั้งหนึ่งข้าเคยพูดถึงเรื่องการมีลูกกับเขา... 

"หลานจ้าน หากข้าเป็นสตรีล่ะก็ ข้าว่าข้าคงจะมีบุตรหลานให้ท่านอาเจ้ามากมายเป็นแน่" 

"...เจ้าอยากมีบุตรงั้นหรือ?" 

"หืม? ทำไมเจ้าถามอย่างนั้นล่ะ?" 

"...." 

"หลานจ้าน เจ้าไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอกน่า ข้าไม่ได้อยากมีบุตรสักหน่อย" 

"...." 

"ก็เจ้าดูสิ ตัวข้าที่เป็นแบบนี้ หากข้ามีบุตรล่ะก็ข้าคงจะไม่สามารถเลี้ยงเจ้าตัวน้อยพวกนั้นได้แน่ๆ อีกอย่าง..."  

"...." 

"การเลี้ยงเด็กเป็นสิ่งที่ยุ่งยากเกินไปสำหรับข้า ดังนั้นสิ่งที่ข้าเป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว อีกทั้งข้าเองก็ชอบที่เจ้ากับข้าเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ ได้หัวเราะ ได้พูดคุย ได้ออกเดินทางด้วยกัน เหมือนเมื่อครั้นวันวาน ดังนั้นแล้วเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลถึงสิ่งใดไปหรอก" 

"...อืม" 

"หรือว่าเจ้าอยากมี?"  

"หากเป็นไปได้" 

"อะไรกัน... เจ้ามีข้าคนเดียวยังไม่พอใจอีกหรือไง!" 

"...."  

"เอาเถอะ แต่หากว่าสักวันข้าสามารถมีบุตรได้อย่างสตรีล่ะก็ ข้าก็ขอเป็นบุตรสาวแล้วกัน เพราะดูแล้วน่าจะเลี้ยงง่าย ไม่ซุกซนอย่างบุตรชาย อ๋อ! หากเป็นไปได้ ขอให้นางเป็นคนที่เรียบร้อย เคร่งครัดในกฎเกณฑ์ ว่านอนสอนง่ายอย่างเจ้าก็น่าจะดี" 

"...." 

"แล้วเจ้าล่ะ อยากได้แบบไหนกัน?" 

"...เจ้า เหมือนเจ้าคงจะดี" 

"อะไรนะ เหมือนข้า? เหมือนข้าแล้วมันดีตรงไหนกัน?" 

"อบอุ่น ร่าเริง อ่อนโยน ไม่สำคัญว่าจะเป็นเพศใด หากเหมือนเจ้าข้าก็ยินดี" 

"ถะ ถ้างั้น หากข้าสามารถมีบุตรได้จริงๆแล้วล่ะก็... เช่นนั้นเจ้าต้องเป็นคนเลี้ยงนะ!" 

"อืม" 

"เจ้าพูดแล้วนะ กลับคำไม่ได้นะ" 

"อืม"  

...หากลองนึกย้อนกลับไปแล้ว ข้าก็เคยพูดอะไรเช่นนี้กับเขาจริงๆนั้นแหละ... 

"...." 

"ข้า... จำได้" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางลอบยิ้มออกมา ก่อนที่จะพูดต่ออย่างขำขัน ราวกับเขินอายก็มิปาน "ฮะๆ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าเคยพูดกับเจ้าเช่นนั้นจริงๆนั้นแหละ" 

"อืม"  

เมื่อเห็นคนตรงหน้านั้นมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว หลานวั่งจีก็ลอบยิ้มออกมาที่มุมปากทีหนึ่ง ก่อนจะฟังสิ่งที่เขาพูดต่อ "ทั้งในตอนนั้นข้าเองก็ไม่คิดไม่ฝันเช่นกันว่า เรื่องราวทั้งหมดที่พวกเราพูดในตอนนั้นจะเป็นแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ อีกทั้งสิ่งที่เกิดกับข้านั้นมันช่างน่าอัศจรรย์จนทำเอาข้าถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะ ฮะๆ" 

"เช่นนั้นเจ้าเสียใจหรือไม่" หลานวั่งจีไตร่ถาม 

"เสียใจงั้นหรือ... หากจะพูดกันตามตรงก็คงจะมีเสียใจอยู่บ้างนั้นแหละ..."  

เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางลอบมองคนตรงหน้าเพื่อดูท่าที แต่พบว่าใบหน้าของเขานั้นเศร้าหมองลงเห็นได้ชัด เว่ยอู๋เซี่ยนเห็นดังนั้นก็ลอบยิ้มออกมาอีกครา ก่อนที่จะพูดต่อ "เสียใจ... ที่ความรักของเจ้าที่มีต่อข้านั้น จะต้องถูกแบ่งให้เจ้าพวกหัวผักกาดขาวตัวน้อยพวกนั้นแล้วยังไงล่ะ" 

"...." 

"อืม... แต่จะว่าไป เจ้าได้คิดชื่อให้เด็กพวกนั้นหรือยัง?" 

"คิดไว้บ้างแล้ว" หลานวั่งจีตอบ "เพียงแต่รอเจ้าตื่นขึ้นมาก่อน" 

"งั้นหรือ? หากหานกวงจวินเป็นผู้ตั้งให้แล้วล่ะก็ นั้นจะต้องมีชื่อที่ดีมากแน่ๆ" เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพลางยิ้มร่า "เช่นนั้นเด็กพวกนั้นมีชื่อว่าอะไรล่ะ?" หลานวั่งจีไม่ตอบเพียงแต่ก้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขาเบาๆ  

เว่ยอู๋เซี่ยนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองสบกับเขาก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วจะพูดว่า "สมแล้วที่เป็นชื่อที่หานกวงจวินตั้ง ข้าคิดว่านั้นเป็นชื่อที่ดีและเหมาะสมกับพวกเขายิ่งนัก" และเมื่อพูดจบเขาก็ยืดตัวไปประทับจูบที่แก้มของเขาแล้วส่งยิ้มให้อีกคราอย่างอารมณ์ดี หลานวั่งจีเองก็ทำเช่นนั้นโดยการจูบประทับที่หน้าผากของเขาแล้วยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน