สถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว แก๊ส

1. ของแข็ง ของแข็งมีรูปร่างและปริมาตรไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอนุภาคอยู่กันอย่างหนาแน่นมาก จึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมาก อนุภาคไม่เคลื่อนที่แต่มีการสั่น

2. ของเหลว ของเหลวมีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ แต่ปริมาตรไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอนุภาคของของเหลวอยู่กันอย่างหลวม ๆ จึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยกว่าของแข็ง อนุภาคมีการสั่นและเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งไปทั่วของเหลว

3. แก๊ส เป็นสถานะที่สารนั้นฟุ้งกระจาย มีรูปร่างและปริมาตรเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่ใช้บรรจุ เพราะอนุภาคของแก๊สอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยมากจนถือว่าไม่มีแรงยึดเหนี่ยว และเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างอิสระรวดเร็ว

ของแข็ง

จุดหลอมเหลว

จุดหลอมเหลว คือ ระดับอุณหูมิที่ทำให้สารที่มีสถานะเป็น ของแข็ง เกิดการแปรสภาพกลายเป็นสารชนิดใหม่ เนื่องจากได้รับพลังงานความร้อน เรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการหลอมเหลว

  • จุดหลอมเหลวเป็นคุณสมบัติเฉพาะของสารที่มีสถานะเป็นของแข็งเท่านั้น และค่าจุดหลอมเหลวขึ้นกับชนิดของสารเป็นหลัก
  • สารใหม่ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการหลอมเหลว อาจเป็นได้ทั้งของแข็งชนิดอื่น ของเหลว หรือก๊าซก็ได้
  • ของแข็งบางชนิดเมื่อเกิดกระบวนการหลอมเหลว จะเกิดสารชนิดใหม่ขึ้นมา 2 ชนิด เช่น เทอร์เมียม อินซูเลชัน
  • ไม่สามารถทำให้ของแข็งที่มีจุดหลอมเหลวเท่ากับ 9726.85 °C เกิดกระบวนการหลอมเหลว เนื่องจากเป็นระดับอุณหภูมิสูงสุดในเกม เช่น นิวโตรเนียม

ของแข็งที่เกิดจากการหลอมเหลว

เมื่อเกิดกระบวนการหลอมเหลวแล้วได้ของแข็งชนิดใหม่ (เดิมเป็นของแข็งแล้วแปรสภาพเป็นของแข็งชนิดใหม่) ของแข็งที่เกิดขึ้นใหม่จะอยู่ในรูปแบบพื้นตามธรรมชาติเสมอ ไม่ขึ้นกับมวลของแข็งเดิมก่อนเกิดกระบวนการหลอมละลาย

ตัวอย่างเช่น สาหร่าย หรือ สไลม์ ที่ทำให้ร้อนจะได้ ดิน ในรูปแบบพื้นตามธรรมชาติเสมอ

ของเหลว

จุดเดือด

จุดเดือด คือ ระดับอุณหูมิที่ทำให้สารที่มีสถานะเป็น ของเหลว เกิดการแปรสภาพกลายเป็นสารชนิดใหม่ เนื่องจากได้รับพลังงานความร้อน เรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการกลายเป็นไอ

  • จุดเดือดเป็นคุณสมบัติเฉพาะของสารที่มีสถานะเป็นของเหลวเท่านั้น และค่าจุดเดือดขึ้นกับชนิดของสารเป็นหลัก
  • สารใหม่ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการกลายเป็นไอ อาจเป็นได้ทั้งของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซก็ได้
  • ของเหลวบางชนิดเมื่อเกิดกระบวนการกลายเป็นไอ จะเกิดสารชนิดใหม่ขึ้นมา 2 ชนิด เช่น น้ำเน่า น้ำเกลือ

จุดเยือกแข็ง

จุดเยือกแข็ง คือ ระดับอุณหูมิที่ทำให้สารที่มีสถานะเป็น ของเหลว เกิดการแปรสภาพกลายเป็นสารชนิดใหม่ เนื่องจากสูญเสียพลังงานความร้อน เรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการแข็งตัว

  • จุดเยือกแข็งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของสารที่มีสถานะเป็นของเหลวเท่านั้น และค่าจุดเยือกแข็งขึ้นกับชนิดของสารเป็นหลัก
  • สารใหม่ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการแข็งตัว อาจเป็นได้ทั้งของแข็งหรือของเหลวชนิดอื่นก็ได้
  • ของเหลวบางชนิดเมื่อเกิดกระบวนการแข็งตัว จะเกิดสารชนิดใหม่ขึ้นมา 2 ชนิด เช่น น้ำเกลือ
  • ไม่สามารถทำให้ของเหลวที่มีจุดเยือกแข็งเท่ากับ -273.15 °C เกิดกระบวนการแข็งตัว เนื่องจากเป็นระดับอุณหภูมิต่ำสุดในเกม

ของแข็งที่เกิดจากการแข็งตัว

สำหรับกระบวนการแข็งตัวเป็นของแข็ง (เดิมเป็นของเหลวแล้วแปรสภาพกลายเป็นของแข็ง) ของแข็งที่เกิดขึ้นใหม่อาจเป็นได้ทั้งรูปแบบพื้นตามธรรมชาติและเศษวัสดุ ขึ้นกับ มวลของเหลวเดิมในแต่ละช่องก่อนเกิดกระบวนการแข็งตัว ดังนี้

  • หากมวลของเหลวต่อช่อง มีค่ามากกว่า 80% ของ มวลสูงสุด (Max Mass) ของของเหลวชนิดนั้น จะได้ของแข็งในรูปแบบพื้นตามธรรมชาติ
  • หากมวลของเหลวต่อช่อง มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 80% จะได้ของแข็งในรูปเศษวัสดุ

ตัวอย่างเช่น น้ำใส มีมวลสูงสุด = 1000 กิโลกรัม (เมื่อช่องใดก็ตามมีมวลของ น้ำใส สูงกว่าหรือเท่ากับค่านี้จะถือว่ามีของเหลวเต็มช่อง) หากเกิดกระบวนการแข็งตัว จะได้ของแข็งดังนี้

  • กรณีที่ น้ำใส ในช่องนั้น มีมวลมากกว่า 800 กิโลกรัม (80% ของมวลสูงสุดของ น้ำใส ) จะได้ น้ำแข็ง ในรูปพื้นตามธรรมชาติ
  • กรณีที่ น้ำใส ในช่องนั้น มีมวลน้อยกว่าหรือเท่ากับ 800 กิโลกรัม จะได้ น้ำแข็ง ในรูปเศษวัสดุ

ก๊าซ

จุดควบแน่น

จุดควบแน่น คือ ระดับอุณหูมิที่ทำให้สารที่มีสถานะเป็น ก๊าซ เกิดการแปรสภาพกลายเป็นสารชนิดใหม่ เนื่องจากสูญเสียพลังงานความร้อน เรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการควบแน่น

  • จุดควบแน่นเป็นคุณสมบัติเฉพาะของสารที่มีสถานะเป็นก๊าซเท่านั้น และค่าจุดควบแน่นขึ้นกับชนิดของสารเป็นหลัก
  • สารใหม่ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการควบแน่น อาจเป็นได้ทั้งของแข็งหรือของเหลวก็ได้
  • ก๊าซบางชนิดเมื่อเกิดกระบวนการควบแน่น จะเกิดสารชนิดใหม่ขึ้นมา 2 ชนิด เช่น ก๊าซเปรี้ยว

เงื่อนไขการเปลี่ยนสถานะ

เพื่อป้องกันไม่ให้สารเกิดการแปรสภาพกลับไปกลับมา เมื่ออุณหภูมิในสภาพแวดล้อมหรือสิ่งรอบข้างมีค่าใกล้จุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะ จึงมีเงื่อนไขการเปลี่ยนสถานะ [โน้ต 1] ดังนี้

1. ของแข็ง เป็นสถานะที่อนุภาคจะอยู่ชิดกัน และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ทำให้แรงยึดเหนี่ยวอนุภาคสูงกว่าสารเดียวกันในสถานะอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีรูปร่างและปริมาตรคงที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามรูปทรงของภาชนะที่บรรจุ ตัวอย่างของสารที่มีสถานะเป็นของแข็ง เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง เงิน เป็นต้น

2. ของเหลว เป็นสถานะที่อนุภาคอยู่ห่างกันเล็กน้อย ทำให้อนุภาคสามารถเคลื่อนที่ได้ รูปร่างไม่แน่นอน โดยจะเปลี่ยนตามภาชนะที่บรรจุ แต่ปริมาตรไม่ขึ้นกับภาชนะ ตัวอย่างของสารที่มีสถานะเป็นของเหลว เช่น น้ำ แอลกอฮอล์ โบรมีน เป็นต้น

3. แก๊ส เป็นสถานะที่อนุภาคจะอยู่ห่างกัน แรงยึดเหนี่ยวมีค่าน้อย ทำให้เคลื่อนที่ได้มาก อีกทั้งยังมีปริมาตรและรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ ตัวอย่างของสารที่มีสถานะเป็นแก๊ส เช่น แก๊สออกซิเจน แก๊สไฮโดรเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สไนโตรเจน เป็นต้น ทั้งนี้ แก๊สยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • แก๊สอุดมคติ (Ideal gas) หรือแก๊สสมบูรณ์ ซึ่งก็คือ แก๊สที่ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำหนดขึ้นเพื่ออธิบายสมบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแก๊ส โดยให้มีพฤติกรรมเป็นไปตามกฎของแก๊สไม่ว่าที่อุณหภูมิหรือความดันใด แก๊สสมบูรณ์เป็นแก๊สที่ไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
  • แก๊สจริง (Real gas) คือ แก๊สที่ไม่เป็นไปตามกฎต่าง ๆ ของแก๊สสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแก๊สที่มีอยู่จริงในธรรมชาติ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลน้อย แต่ในบางสภาวะแก๊สจริงอาจมีสมบัติใกล้เคียงกับแก๊สสมบูรณ์ได้

 

ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส

เป็นทฤษฎีที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้อธิบายกฎ ปรากฏการณ์ หรือผลการทดลองที่เกี่ยวกับแก๊ส และพฤติกรรมของแก๊ส

  1. แก๊สประกอบด้วยอนุภาคจำนวนมากและมีขนาดเล็กมาก จนถือได้ว่าอนุภาคของแก๊สไม่มีปริมาตรเมื่อเทียบกับขนาดภาชนะที่บรรจุ
  2. โมเลกุลของแก๊สอยู่ห่างกันมาก ทำให้แรงดึงดูดและแรงผลักระหว่างโมเลกุลน้อยมาก จนถือได้ว่าไม่มีแรงกระทำต่อกัน
  3. โมเลกุลของแก๊สเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในแนวเส้นตรง เป็นอิสระ ด้วยอัตราเร็วคงที่ และไม่เป็นระเบียบ จนกระทั่งชนกับโมเลกุลอื่น ๆ หรือชนกับผนังภาชนะจึงจะเปลี่ยนทิศทางและอัตราเร็ว
  4. โมเลกุลของแก๊สที่ชนกันเองหรือชนกับผนังภาชนะจะเกิดการถ่ายโอนพลังงานให้แก่กันได้ แต่พลังงานรวมของระบบคงที่
  5. ณ อุณหภูมิเดียวกัน โมเลกุลของแก๊สแต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วไม่เท่ากัน แต่จะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน โดยที่พลังงานจลน์เฉลี่ยของแก๊สจะแปรผันตรงกับอุณหภูมิเคลวิน

แก๊สที่มีสมบัติเป็นไปตามทฤษฎีจลน์ของแก๊สทุกประการเรียกว่า แก๊สอุดมคติ (Ideal gas) โดยปกติแก๊สทั่วไปจะมีสมบัติเคียงกับแก๊สอุดมคติเท่านั้น สำหรับแก๊สที่มีอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อควบคุมให้อยู่ในภาวะที่มีปริมาตรมาก ความดันต่ำ และอุณหภูมิสูง จะมีสมบัติใกล้เคียงกับแก๊สอุดมคติมากขึ้น โดยเฉพาะแก๊สเฉื่อยจะมีสมบัติใกล้เคียงกับแก๊สอุดมคติมากจนอาจจัดเป็นแก๊สอุดมคติได้

นอกจากนี้ สำหรับสถานะของสารแล้ว ในบางครั้งเราอาจจะนับพลาสมา (แก๊สในสภาพที่มีประจุ) ผลึกเหลว (Liquid crystal) และเกลือหลอมเหลว (Molten salt state) เป็นสถานะเพิ่มเติมด้วยก็ได้เช่นกัน

 

การเปลี่ยนแปลงสถานะของสารมีรูปแบบ ดังนี้

  1. การหลอมเหลว (Melting) คือ การที่สารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว โดยต้องให้ความร้อน ทำให้อนุภาคเอาชนะแรงยึดเหนี่ยวได้ ณ อุณหภูมิที่เรียกว่า จุดหลอมเหลว (Melting Point) เป็นค่าคงที่ของสารหนึ่งๆ เท่านั้น
  2. การกลายเป็นไอ (Evaporation) คือ การที่สารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวไปเป็นแก๊ส เมื่ออนุภาคของของเหลวมีพลังงานมาก จนทำให้อนุภาคแยกออกจากกัน เรียกอุณหภูมิที่ทำให้อนุภาคชนะแรงยึดเหนี่ยวของของเหลวได้ว่า จุดเดือด (Boiling Point)
  3. การแข็งตัว (Freezing) คือ การที่สารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง หรือแก๊สเป็นของแข็ง โดยจะมีการคายพลังงานออกมา ทำให้อนุภาคมีพลังงานในการสั่นน้อย อนุภาคจึงเรียงตัวแบบชิดกันมากขึ้น
  4. การควบแน่น (Condensation) คือ การที่สารเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของเหลว เช่น กระบวนการเกิดฝน
  5. การระเหิด (Sublimation) คือ การที่สารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส เช่น การระเหิดของลูกเหม็น การเปลี่ยนแปลงสถานะของน้ำ
  6. ความร้อนแฝง (Latent heat) คือ พลังงานความร้อนที่ใช้เพื่อเปลี่ยนสถานะ (ดูดพลังงาน) โดยอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง มี 2 ประเภท คือ
    ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว (latent heat of fusion) เป็นพลังงานความร้อนที่ดูดเข้าไป เพื่อเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว โดยอุณหภูมิคงที่
    ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ (latent heat of vaporization) เป็นพลังงานความร้อนที่ดูดเข้าไปเพื่อเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส สารที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันนั้นมีทั้งสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยสารสามารถเปลี่ยนจากสถานะหนึ่งไปเป็นอีกสถานะหนึ่งได้ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงพลังงานประเภทดูดหรือคายพลังงาน และสามารถทำให้สารเปลี่ยนกลับมาอยู่ในสถานะเดิมได้อีกด้วย

 

สมบัติของของแข็ง ของเหลว และก๊าซ

คุณสมบัติของแข็งของเหลวแก๊สลักษณะเฉพาะทนและต้านทานต่อการเสียรูปทรงรูปร่างจะเป็นไปตามภาชนะที่บรรจุอยู่มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามขนาดและรูปร่างของภาชนะการเรียงตัวของอนุภาคใกล้ชิดกัน อนุภาคเคลื่อนที่ไม่ได้อนุภาคอยู่ห่างกันเล็กน้อยอนุภาคจะอยู่ห่างกัน ทำให้เคลื่อนที่ได้มากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมีค่ามากกลางมีค่าน้อยลักษณะการจัดเรียง
สถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
ของแข็ง
สถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
ของเหลว
สถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
แก๊ส

 

ตัวอย่างข้อสอบ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส

1. สถานะของสสารจะเปลี่ยนแปลงเป็นของเหลวอย่างไร?

ก. มีค่าต่ำกว่าจุดหลอมเหลวของสาร
ข. มีค่าสูงกว่าจุดเดือดของสาร
ค. มีค่าระหว่างจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสาร
ง. มีค่าหน่วงจำเพาะมากกว่าจุดเดือดและจุดหลอมเหลว

2. สถานะของสสารจะเปลี่ยนแปลงเป็นของแข็งอย่างไร?

ก. มีค่าต่ำกว่าจุดหลอมเหลวของสาร
ข. มีค่าสูงกว่าจุดเดือดของสาร
ค. มีค่าระหว่างจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสาร
ง. มีค่าหน่วงจำเพาะมากกว่าจุดเดือดและจุดหลอมเหลว

3. การแพร่ของก๊าซเป็นอย่างไร?

ก. กระบวนการที่ก๊าซเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยมีการชนกันระหว่างโปรตอนตลอดเวลา
ข. กระบวนการที่ก๊าซเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยมีการชนกันระหว่างมวลตลอดเวลา
ค. กระบวนการที่ก๊าซเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยมีการชนกันระหว่างอะตอมตลอดเวลา
ง. กระบวนการที่ก๊าซเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยมีการชนกันระหว่างโมเลกุลตลอดเวลา

4.สารที่เกิดการระเหิดได คือข้อใด

ก. กำมะถัน การบูร
ข. แอมโมเนีย พิมเสน
ค. ไอโอดีน เกลือแกง
ง. คาร์บอนไดออกไซด์แข็ง แนฟทาลีน

5. เมื่ออุณหภูมิและมวลของก๊าซคงที่ ปริมาตรของก๊าซจะแปรผกผันกับความดัน เป็นไปตามกฎของใคร

ก. ชาร์ลส์
ข. เกย์
ค. บอยส์
ง. ลูสแซก

 

เคมี ม. ปลาย ต้องเรียนเรื่องอะไรบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นการเรียนเคมี ม.ปลาย ระดับชั้น เคมี ม.4 เคมี ม.5 หรือ เคมี ม.6 เนื้อหาหลัก ๆ ที่มีความสำคัญนอกเหนือจากเรื่องของแข็ง ของเหลว แก๊ส นี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ พันธะเคมี สมบัติของธาตุและสารประกอบ โมลและสูตรเคมี ปริมาณสารสัมพันธ์ สารละลาย แก๊สและสมบัติของแก๊ส อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลเคมี กรด-เบส ไฟฟ้าเคมี เคมีอินทรีย์ พอลิเมอร์ เชื้อเพลิงและซากดึกดำบรรพ์ เคมีกับการแก้ปัญหา และสารชีวโมเลกุล น้อง ๆ คนไหนที่อยากเรียน ม.ปลาย สายวิทย์ หรือกำลังเรียนอยู่ ก็จะต้องเจอหัวข้อเหล่านี้อย่างแน่นอน

 

สถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว แก๊ส

 

คอร์สเรียน เคมี ของแข็ง ของเหลว แก๊ส ตัวต่อตัว

เป็นคอร์สเรียนที่ผู้เรียนสามารถออกแบบการเรียนให้เหมาะกับตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรียนเพื่อติวสอบปลายภาค, ติวเพิ่มเกรด, กวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัย ก็สามารถเลือกได้ตามแบบที่เราต้องการได้ด้วยหลักสูตรจำนวน 10 ชม. แต่หากใครที่พื้นฐานอ่อนหรืออยากมาเรียนเนื้อหาล่วงหน้าก็สามารถเพิ่มชั่วโมงเรียนให้เหมาะสมกับเราได้

สถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว แก๊สมีอะไรบ้าง

สารมี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส * ของแข็ง (solid, s) มีปริมาตร และรูปร่างที่แน่นอน ของเหลว (liquid, I) มีปริมาตรแน่นอน แต่มีรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ * แก๊ส (gas, g) มีปริมาตร และรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ " -- “ ลักษณะเฉพาะตัว หรือ ลักษณะประจำตัวของสาร” 99.

สารใดมีสถานะเป็นของเหลว

1.2 ของเหลว (Liquid) จะมีรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ และ มีปริมาตรที่คงที่ ซึ่งอนุภาคภายในจะอยู่ชิดกันน้อยกว่าของแข็ง และ มีสมบัติเป็นของไหล เช่น น้ำมัน , แอลกอฮอล์, ปรอท (Hg) ฯลฯ

สารที่มีสถานะเป็นของแข็งมีอะไรบ้าง

หมายถึงสารที่มีลักษณะรูปร่างและปริมาตรคงที่ มีรูปร่างเฉพาะตัว เนื่องจากอนุภาคในของแข็งจัดเรียงชิดติดกันและอัดแน่นอย่างมีระเบียบ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกันสูงมากทำให้อนุภาคไม่มีการเคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่ได้น้อยมาก เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ยาก เช่น ไม้ หิน เหล็ก ทองคำ ดิน ทราย พลาสติก กระดาษ น้ำตาล เกลือแกง ตะกั่ว ถ่านไฟฉาย ...

สสาร 5 สถานะมีอะไรบ้าง

นอกจากสถานะของแข็ง, ของเหลว, ก๊าซ และพลาสมาแล้ว สสารยังสามารถอยู่ในสถานะควบแน่น โบซ-ไอน์สไตน์ได้อีกด้วย เมื่อธาตุบางอย่างเช่นรูบิเดียมถูกลดอุณหภูมิให้ต่ำลงจนเฉียดเข้าใกล้จุดศูนย์สัมบูรณ์ (-273.15 องศาเซลเซียส) กลุ่มของอะตอมจะแสดงพฤติกรรมในสถานะใหม่ เสมือนว่าทุกอะตอมรวมกันเป็นหน่วยเดียว และมีสมบัติทางควอนตัมเกิดขึ้น โดย ...