เคยสงสัยไหมครับ ทำไมนิทานเรื่อง กระต่ายกับเต่า จึงเป็นเรื่องเล่าที่เราได้ยินกันตั้งแต่ยังเด็ก จวบจนเราเป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ก็ยังเล่าเรื่อง กระต่ายกับเต่าให้ลูกให้หลานเราฟัง ? นิทานเป็นเรื่องเล่าที่มักจะมีความรู้ สาระ ข้อคิด เตือนใจสอดแทรกอยู่ในความบันเทิงเสมอ กระต่าย เป็นสัตว์ที่วิ่ง กระโดดไว ตามธรรมชาติ จึงถูกหยิบยกมาเป็นตัวแทนของสัตว์ที่ทำอะไรรวดเร็ว แต่มีจุดหักเหบางอย่างทำให้ต้องแพ้ภัยตัวเอง ไม่สามารถเอาชนะเต่าได้ ในขณะ ที่เต่า เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อุ้ยอ้าย ไปไหนมาไหนเชื่องช้า เมื่อจับมาสู้รบปรบมือวิ่งแข่งกับกระต่าย ก็คงไม่มีใครจะคิดหรือกล้ารับพนันขันต่อหรอกว่าเต่าจะเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขัน จุดพลิกเกมกระต่ายออกตัววิ่งจากจุดสตาร์ทด้วยความรวดเร็ว มีความมั่นใจสูง ไอ้เจ้าเต่าจอมอุ้ยอ้าย !!! ชาตินี้เองไม่มีทางชนะข้าอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราเป็นกระต่ายก็คงคิด ลำพองใจตัวเองอย่างนี้เช่นกัน หรือว่าคุณไม่คิด เมื่อเกมมันคนละชั้น ความเร็วมันคนละเรื่อง เหมือนรถไฟชินคันเซ็น ที่ความเร็วกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีหรือจะแพ้รถไฟสายใต้ที่วิ่งแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง กระต่ายผู้ผยอง ลำพองในความเร็ว ชะล่าใจ วิ่งไปได้ครึ่งทางขอพักนอนหลับให้สบาย ชาติหน้าตอนสาย ๆ เต่ามันคลานมาไม่ทัน เต่าผู้ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยามว่าแข่งอย่างไรก็ไม่ชนะ ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง คลานไปทีละก้าว ขยับไปทีละคืบ แต่ไม่หยุด หัวใจจดจ่ออยู่แค่ที่เป้าหมาย เท้าก็ยังคงทำหน้าที่ “ก้าว” ไปอย่างไม่ย่อท้อ จุดจบทุกคนรู้คำตอบของ “นิทานเรื่องนี้” ทุกคนรู้บทสรุปของนิทานเรื่องนี้ว่า “สอนใจอะไรเรา” และพวกเราก็ยินดีที่จะ “เล่าต่อ” นิทานเรื่องนี้ต่อไปเรื่อย ๆ กลายเป็นเรื่องเล่ากระต่ายกับเต่าที่ไม่มีวันจบไปเพียงแค่ “เต่า” เอาชนะ “กระต่าย” ได้ด้วยความ “พยายาม” “กระต่าย” พ่ายแพ้ “เต่า” ไปเพราะความ “ประมาท” พวกเรามองเห็นเหมือนผมไหม จริง ๆ แล้วหากเรานำเรื่องกระต่ายกับเต่า มาประยุกต์ใช้ในการสร้าง Content ในการทำธุรกิจในปัจจุบันมันคงเป็นประโยชน์ได้ไม่น้อย ประเด็นที่ที่พวกเราควรนำมาปรับใช้คือ1.ทำ Content ให้เป็น “เรื่องเล่า” ที่ไม่มีวันตาย 2.มีสาระ ความรู้แฝงอยู่ในความบันเทิง หรือ จินตนาการ 3.การเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จะเป็นที่จดจำมากกว่าการบอกไปตรง ๆ 4.มีจุด “พลิกเกม” ที่กระชากความรู้สึก หรือ เปลี่ยนความคิดของผู้ติดตาม 5.การเชื่อมโยง สิ่งหนึ่งเพื่อสิ่งหนึ่ง และสิ่งต่อไป เป็นเรื่องราว 6.บทสรุปที่เรียบง่าย ลงตัว ไม่ฝืนความรู้สึก
คิดใหม่ถ้าหากเราเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนิทานกระต่ายกับเต่า แล้วเราจะเล่าเรื่องให้กระต่ายเป็นผู้ชนะ คิดว่าจะมีคนจดจำเรื่องนี้ไหม แล้วเขาจะได้อะไรจากนิทานเรื่องนี้ แล้วธุรกิจเราหละครับ !!! เราจะเล่าเรื่องอย่างไร ? บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai เมื่อมีคนจับ กระต่าย และ เต่า วิ่งแข่งกัน เพื่อพิสูจน์ว่าจะเป็นเหมือนอย่างที่หลาย ๆ คนได้ยินจากนิทานหรือเปล่า มาดูกันว่าของจริงจะเป็นเหมือนนิทานหรือไม่... เฟซบุ๊กเพจ น่ารู้รอบโลก ได้เผยคลิปในช่วงที่มีคนจับ กระต่าย และ เต่า มาวิ่งแข่งกัน เพื่อดูว่าจะเป็นเหมือนอย่างที่พวกเราได้ยินมาจากนิทานอีสปชื่อดังหรือเปล่า ถ้าใครอยากรู้ว่าของจริงจะลงเอยเหมือนในนิทานหรือไม่ มาพิสูจน์กันได้จากคลิปนี้... ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook น่ารู้รอบโลก กระต่ายกับเต่าผู้แต่ง : ลาฟองเตน ไวล์ดสมิธสํานักพิมพ์ : แพรวเพื่อนเด็ก พิมพ์ : 2540 จํานวน : 32 หน้า เรื่องย่อ สมาคมไทสร้างสรรค์ หน้าที่ 2 ผู้แปล : อริยา ไพฑูรย์ สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ ครั้งที่พิมพ์ : 2 ปีที่ ขนาดของหนังสือ : 22 x 29 ซม.
กระต่ายกับเต่า กระต่ายกับเต่าท้าแข่งวิ่ง ตอนแรกกระต่ายเป็นฝ่ายวิ่งนํา แต่เพราะความ ประมาท คิดว่ายังไงเต่าก็ช้าต้วมเตี้ยมวิ่งไม่ทัน กระต่ายจึงหยุดนอนพัก ฝ่ายเต่า พยายามคลานมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเต่าก็เข้าเส้นชัยก่อนขณะที่กระต่ายมัวแต่นอนเพลิน ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกัน การแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น ดังนั้น พวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำ เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน ผลการแข่งครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย(ตัว) มากกว่าการแข่งครั้งก่อนๆ หน้านี้ |