แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอ 2565

ธุรกิจการ์เมนต์ดิ้นสุดฤทธิ์ หวั่นยอดส่งออกปี’66 ติดลบ 15% ปัจจัยหลักเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั่วโลกเจอปัญหาสินค้าสต๊อกล้น 40-50% เหตุกำลังซื้อผู้บริโภคไม่มากตามคาด ต้องชะลอสั่งออร์เดอร์ผลิต “ไนซ์กรุ๊ป” ยักษ์ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬา พับแผนลงทุนใหม่ที่เวียดนาม สมาคมเครื่องนุ่งห่มจับตา ศก.โลกชะลอตัว-ต้นทุนดอกเบี้ยพุ่งกระทบกำลังซื้อลากยาวปีหน้า ชี้อุตฯไทยพ่ายเวียดนาม

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า แม้ว่าภาพรวมการส่งออกเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอไทยในช่วง 9 เดือนแรก ขยายตัวถึง 5.19% ด้วยมูลค่าส่งออกกว่า 70,000 ล้านบาท โดยตลาดหลักอย่างสหรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 38% มียอดส่งออก 27,308 ล้านบาท ขยายตัว 12% และตลาดญี่ปุ่น ตลาดอันดับสอง มูลค่าส่งออก 8,748 ล้านบาท ขยายตัว13.67%

  • สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 กุมภาพันธ์ ย้อนหลัง 10 ปี
  • ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 (อัพเดต)
  • ถ่ายทอดสดหวย ผลการออกรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาลวันนี้ (16 ก.พ. 66)

แต่ทว่าล่าสุดสัญญาณจากผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่มองว่าแนวโน้มการส่งออกในปี 2566 จะไม่สดใสมากนัก

Advertisement

ส่งออกการ์เมนต์สะดุด

นายประสพ จิรวัฒน์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไนซ์กรุ๊ปโฮลดิ้งคอร์ป จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเสื้อผ้ากีฬาอันดับต้น ๆ ของไทย กล่าวกับ “ประชาชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การส่งออกเครื่องนุ่งห่มปี 2566 ต้องจับตาเป็นพิเศษ จากปัจจัยหลักที่ลูกค้าเกิดภาวะสต๊อกล้น หรือ over inventory มากกว่า 40-50% เป็นผลต่อเนื่องจากปีนี้ที่การส่งออกมีภาวะ “ต้นดีแต่แผ่วปลาย”

คือ ช่วงต้นปี ลูกค้าแบรนด์สั่งผลิต OEM ได้เร่งการสั่งซื้อสินค้าเพราะตลาดฟื้นตัว ทำให้แบรนด์มีการแข่งขันรุนแรง เร่งสั่งสินค้าเร็วขึ้น ๆ โดยทุกรายกลัวสินค้าจะไม่พอขาย เพราะฐานผลิตที่เวียดนามต้องปิดโรงงาน 3 เดือนหลังการระบาดโควิด-19 ยิ่งทำให้ลูกค้าแบรนด์ต่าง ๆ คิดว่าต้องกระจายความเสี่ยงในซัพพลายเชน จึงหันมาสั่งไทยเพิ่ม และให้โรงงานต่าง ๆ เร่งลดลีดไทม์ในการส่งมอบเพื่อป้อนสินค้าให้ทัน

แต่มาถึงช่วงกลางปีนี้ เราได้รับสัญญาณจากลูกค้าว่าสถานการณ์พลิกผัน ตลาดไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด และมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องไปถึงปี 2566 เพราะนอกจากปัจจัยเรื่องโอเวอร์อินเวนทอรี่แล้ว ยังมีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกผันผวน

Advertisement

ทั้งจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อต่อเนื่อง ปัญหาการเมืองโลก และปัญหาเงินเฟ้อในแต่ละประเทศที่สูงขึ้น ต้องมีการปรับอัตราดอกเบี้ยทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ภาพเป็นอย่างนี้ ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าปี 2566 ยอดขายมีโอกาสจะลดลงประมาณ 12-15% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวเกือบ 10% ในเชิงปริมาณ โดยตลาดหลัก คือ อเมริกา ยุโรป

เบรกแผนลงทุนโรงงานใหม่

“ยอดส่งออกปีหน้าคงลดลงถ้าเทียบกับปีนี้ สิ่งสำคัญ คือ ต้องติดตามดูว่าลูกค้าแบรนด์ที่สั่ง OEM สามารถบริหารสต๊อกได้ดีแค่ไหน หากลูกค้าสามารถลดสต๊อกลงได้มาก จะทำให้โรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มและซัพพลายเชนมีโอกาสฟื้นกลับมา การทำธุรกิจต้องยืดหยุ่นมาก

ทั้งการผลิตและการลงทุนต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ จึงเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังตัวเองสูงมาก แต่ฝั่งผู้บริโภคก็จะถือเป็นโอกาส เพราะจะเริ่มเห็นกลุ่มเสื้อผ้าแบรนด์เนมเร่งจัดโปรโมชั่นลดราคาขายสินค้าต่อเนื่อง เป็นโอกาสที่ลูกค้าจะได้ของดีราคาถูก” นายประสพกล่าวและว่า

Advertisement

สำหรับฐานผลิตของไนซ์กรุ๊ป อยู่ใน 4 ประเทศ โดยมีไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่ และจากสถานการณ์ล่าสุดทางบริษัทได้ระงับแผนขยายการลงทุนโรงงานใหม่ จากที่เคยมองไว้ในช่วงต้นปี 2565 ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก จึงมองหาโอกาสที่จะขยายฐานการผลิตมากขึ้น

ทั้งในเวียดนาม อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ในฟิลิปปินส์ แต่พอถึงกลางปี 2565 ได้รับสัญญาณตลาดชะลอตัวลง ก็ต้องชะลอแผนการลงทุนไปก่อนจนกว่าจะฟื้นตัวกลับมา และต้องปรับแผนการผลิตให้ยืดหยุ่น โดยมีการปรับลดกำลังการผลิตลงไปบ้าง

การ์เมนต์ไทยพ่ายเวียดนาม

ขณะที่นายเดช พัฒนเศรษฐพงษ์ อดีตนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และประธานกลุ่มบริษัท ทองไทยการทอ จำกัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มส่งออกของไทยไม่ได้สเกลใหญ่เหมือนในอดีตแล้ว ตอนนี้ไทยส่งออกปีละ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับเวียดนามส่งออกปีละ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนมีมูลค่าส่งออก 1 แสนล้านเหรียญ สเกลอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไม่ได้ถือว่าสำคัญอีกต่อไปแล้วสำหรับโลกนี้

แต่สำคัญสำหรับเราซึ่งเป็นผู้ผลิตที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ สิ่งสำคัญผู้ผลิตต้องปรับตัว จากในอดีตทำงานบริหารกันแบบไซโล และไม่มีวัฒนธรรมดิจิทัลในเรื่องการจัดทำข้อมูลและการแชริ่งข้อมูลระหว่างกัน ต่อไปต้องทำ ขณะที่การผลิตในห่วงโซ่ซัพพลายเชนต้องเร็วและลีน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไปได้

“หากเทียบแล้วกลุ่มผู้ผลิตเวิลด์แบรนด์ องค์กรขนาดใหญ่จะขับเคลื่อนช้ากว่า ปลาใหญ่ไม่ใช่จะชนะเสมอไป เราจะมีความคล่องตัวมากกว่า มีโอกาสจะเกิดธุรกิจใหม่ ๆ สเกลโลกอาจจะไม่สำคัญ แต่เรามีโอกาสที่จะขยับเป็นผู้นำระดับภูมิภาคได้ ซึ่งในอนาคตอุตสาหกรรมต้องปรับสู่วัฒนธรรมดิจิทัล ต้องมีการครีเอตข้อมูล แชริ่ง และเชื่อมโยงระหว่างกัน (collaboration)

อย่างเหมือน 30-40 ปีก่อนที่ทุกคนไม่มีใครอยากจะแชร์ การแชร์คุณก็ได้ด้วย และต้องติดตามเทรนด์โลกที่มุ่งสู่การดูแลสิ่งแวดล้อม การลดปัญหาขยะเสื้อผ้าสิ่งทอ ซึ่งผมมองว่าการที่เราผลิตแล้วขายไม่ได้เป็นสต๊อกในท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นขยะ ตอนนี้สินค้าเครื่องนุ่งห่มมากกว่า 40% ถูกฝังลงพื้นดินเพราะไม่มีคนซื้อ”

ลูกค้าปรับพฤติกรรมสั่งสั้น

นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ อดีตนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่มไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มปีหน้าเท่าที่สำรวจน่าจะติดลบ -10% ถึง -15% จากปีนี้

โดยขณะนี้ตลาดส่งออกหลัก อย่างตลาดอเมริกาก็มีปัญหาเรื่องผู้นำเข้าพยายามลดการสต๊อกสินค้า เพราะดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก ๆ จนเป็นภาระต้นทุน ทำให้การสั่งซื้อสินค้าเครื่องนุ่งห่มก็มีปัญหามาพักใหญ่ น่าจะเกิน 6 เดือน และจะยาวต่อถึงปีหน้า แต่ก็คาดว่าครึ่งปีหลังของปีหน้า ยังมีโอกาสน่าจะกลับมา

“ปีหน้าต้องดิ้นกันสุดฤทธิ์ เพราะลูกค้าปรับเปลี่ยนลักษณะการสั่งซื้อ โดยจะไม่แพลนยาว เพื่อลดต้นทุนสต๊อกสินค้า ดังนั้นผู้ผลิตต้องปรับแผนทำ supply chain ให้เร็วขึ้น ทำให้เวลาการผลิตสั้นลงทุกอย่าง เช่น เคยสั่ง 6 เดือน ก็ต้องทำให้ได้ใน 4 เดือน ปรับตัวกันเยอะมาก ขณะที่ภาพรวมออร์เดอร์ก็ลดลงด้วย”

สอดรับกับนายยศธน กิจกุศล นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า เป้าหมายส่งออกเครื่องนุ่งห่มปีนี้จะขยายตัวตามเป้าหมาย 8-10% โดยในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) 2565 ส่งออกได้ขยายตัวประมาณ 10% ส่วนแนวโน้มปีหน้ายังมีความผันผวนมาก จากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ ภาวะเศรษฐกิจ

“ปีหน้าเป้าหมายก็ยังลุ้น ๆ กันอยู่ เพราะว่าผลกระทบจากสงครามยืดเยื้อ ส่งผลต่อเงินเฟ้อแต่ละประเทศ เกรงว่ากำลังซื้อจะลดลง พวกตลาดใหม่ก็น่ากลัว เพราะยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ส่วนปีนี้ที่ยังเติบโตมาก ๆ จะเป็นเสื้อกีฬา มีการจัดกิจกรรมบอลโลกก็มาช่วยส่วนหนึ่ง”