ว่าตั้งแต่วันนี้สืบต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------

ถกเขมร             หมายถึง  การนุ่งผ้าหยักรั้งขึ้นไปให้พ้นหัวเข่าถึงง่ามก้น บางทีเรียกว่าขัดเขมร

หมื่นวิเศษรีบยกมือขึ้นไหว้แล้วตอบว่าตนเป็นคนดีไม่ใช่คนร้าย  เป็นบ่าวของจมื่นไวยเป็นขุนหมื่นรับใช้อยู่ในบ้าน  พลายงามไม่สบายจึงใช้ให้ตนมาแจ้ง ขอให้นางวันทองอยู่ด้วยหนึ่งคืน

----------------------------------------------------------------------------------------

            พลายงามไม่สบายเลยจึงอยากพบหน้าแม่ เลยให้คนใช้ไปตามแม่มาถึงส้วม แม่จึงมาหาหลายงามหลพลายงามจึงหมื่นวิเศษผลมาแจ้ง ถ้าหายแล้วจะพานางวันทองกลับไป

 ----------------------------------------------------------------------------------------

ครานั้นขุนช้างได้ฟังว่า             แค้นดังเลือดตาจะหลั่งไหล

ดับโมโหโกรธาทำว่าไป                         เราก็ไม่ว่าไรสุดแต่ดี

การเจ็บไข้ล้มตายไม่วายเว้น                    ประจุบันเป็นทั้งกรุงศรี

ถ้าขัดสนสิ่งไรที่ไม่มี                              ก็มาเอาที่นี่อย่าเกรงใจ

ว่าแล้วปิดบานหน้าต่างผาง                      ขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้

ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทัย                   ดูดู๋เป็นได้เจียววันทอง

ประจุบัน  หมายถึง  ปัจจุบัน  เรียกโรคภัยที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดว่าโรคปัจจุบัน

            ขุนช้างได้ฟังแล้วรู้สึกแค้นขึ้นมา  แต่แกล้งพูดต่อไปว่า การเจ็บไข้นั้นเป็นเรื่องปกติเป็นกันทั่วไป ถ้าขัดสนสิ่งใดให้มาขอที่ตน พอขุนช้างพูดเสร็จก็ปิดประตูดังผาง แล้วเข้าไปนอนแค้นนางวันทองกับครอบครัว

 ----------------------------------------------------------------------------------------

 เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย                                   มันจึงเหิมใจทำจองหอง

พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนอง                         ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้

อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา                    ตั้งตัวดังพญาราชสีห์

อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยทำไมมี                    เห็นกูนี้คนผิดติดโทษทัณฑ์

มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจ                          จะพึ่งพาใครได้ที่ไหนนั่น

ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกัน                     ถึงฟ้องมันก็จะปิดให้มิดไป

ทัณฑ์  หมายถึง  โทษเนื่องด้วยความผิด

เพราะว่าตนแพ้ความจมื่นไวยจึงทำให้จมื่นไวยเหิมใจนัก  ทั้งขุนแผนและพลายงามนั้นชนะตนถึง 2 ครั้งแล้ว แล้วคิดขึ้นมาได้ว่าจะไปฟ้องคดีแย่งนางวันทองคืน  ถ้าฟ้องตามกระบวนการพวกขุนนางจะช่วยสองพ่อลูกนั้นได้ 

 ----------------------------------------------------------------------------------------

ตามบุญตามกรรมได้ทำมา                            จะเฆี่ยนฆ่าหาคิดชีวิตไม่

ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ                             ฉวยได้กระดารชนวนมา

ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย                       ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา

ลงกระดาษพับไว้มิได้ช้า                               อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล

วันนั้นพอปิ่นนรินทร์ราช                                เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม่

ขุนข้างมาถึงซึ่งวังใน                                    ก็คอยจ้องที่ใต้ตำหนักน้ำ

เสด็จประพาสบัว  หมายถึง  การเสด็จประพาสท้องทุ่งในฤดูน้ำหลากที่มีน้ำเต็มเปี่ยมมีดอกบัวและพันธุ์ไม้            น้ำที่งดงาม  อาจเป็นฤดูเล่นเรือหรือเล่น ดอกสร้อยสักวา

 คราวนี้ต้องฟ้องกับพระพันวษาเองถึงจะถูกเฆี่ยนตีก็ตาม  ว่าแล้วก็หยิบกระดานชนวนขึ้นมาร่างคำฎีกาแล้วลอกใส่กระดาษอีกที เสด็จแล้วก็อาบน้ำเตรียมตัวไปทูลพระพันวษา ขุนช้างมาคอยจ้องเข้าเฝ้าพระพันวษาที่ตำหนักน้ำ  ตั้งแต่ยังไม่เสด็จกลับจากประพาสบัว 

 ----------------------------------------------------------------------------------------

  ครานั้นขุนช้างได้ฟังว่า             แค้นดังเลือดตาจะหลั่งไหล

ดับโมโหโกรธาทำว่าไป                         เราก็ไม่ว่าไรสุดแต่ดี

การเจ็บไข้ล้มตายไม่วายเว้น                    ประจุบันเป็นทั้งกรุงศรี

ถ้าขัดสนสิ่งไรที่ไม่มี                              ก็มาเอาที่นี่อย่าเกรงใจ

ว่าแล้วปิดบานหน้าต่างผาง                      ขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้

ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทัย                   ดูดู๋เป็นได้เจียววันทอง

ประจุบัน  หมายถึง  ปัจจุบัน  เรียกโรคภัยที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดว่าโรคปัจจุบัน

            ขุนช้างได้ฟังแล้วรู้สึกแค้นขึ้นมา  แต่แกล้งพูดต่อไปว่า การเจ็บไข้นั้นเป็นเรื่องปกติเป็นกันทั่วไป ถ้าขัดสนสิ่งใดให้มาขอที่ตน พอขุนช้างพูดเสร็จก็ปิดประตูดังผาง แล้วเข้าไปนอนแค้นนางวันทองกับครอบครัว

 ----------------------------------------------------------------------------------------

 เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย                                   มันจึงเหิมใจทำจองหอง

พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนอง                         ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้

อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา                    ตั้งตัวดังพญาราชสีห์

อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยทำไมมี                    เห็นกูนี้คนผิดติดโทษทัณฑ์

มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจ                          จะพึ่งพาใครได้ที่ไหนนั่น

ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกัน                     ถึงฟ้องมันก็จะปิดให้มิดไป

ทัณฑ์  หมายถึง  โทษเนื่องด้วยความผิด

เพราะว่าตนแพ้ความจมื่นไวยจึงทำให้จมื่นไวยเหิมใจนัก  ทั้งขุนแผนและพลายงามนั้นชนะตนถึง 2 ครั้งแล้ว แล้วคิดขึ้นมาได้ว่าจะไปฟ้องคดีแย่งนางวันทองคืน  ถ้าฟ้องตามกระบวนการพวกขุนนางจะช่วยสองพ่อลูกนั้นได้ 

 ----------------------------------------------------------------------------------------

ตามบุญตามกรรมได้ทำมา                            จะเฆี่ยนฆ่าหาคิดชีวิตไม่

ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ                             ฉวยได้กระดารชนวนมา

ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย                       ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา

ลงกระดาษพับไว้มิได้ช้า                               อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล

วันนั้นพอปิ่นนรินทร์ราช                                เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม่

ขุนข้างมาถึงซึ่งวังใน                                    ก็คอยจ้องที่ใต้ตำหนักน้ำ

เสด็จประพาสบัว  หมายถึง  การเสด็จประพาสท้องทุ่งในฤดูน้ำหลากที่มีน้ำเต็มเปี่ยมมีดอกบัวและพันธุ์ไม้            น้ำที่งดงาม  อาจเป็นฤดูเล่นเรือหรือเล่น ดอกสร้อยสักวา

 คราวนี้ต้องฟ้องกับพระพันวษาเองถึงจะถูกเฆี่ยนตีก็ตาม  ว่าแล้วก็หยิบกระดานชนวนขึ้นมาร่างคำฎีกาแล้วลอกใส่กระดาษอีกที เสด็จแล้วก็อาบน้ำเตรียมตัวไปทูลพระพันวษา ขุนช้างมาคอยจ้องเข้าเฝ้าพระพันวษาที่ตำหนักน้ำ  ตั้งแต่ยังไม่เสด็จกลับจากประพาสบัว 

 ----------------------------------------------------------------------------------------

  จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช             เสด็จคืนนิเวศน์พอจวนค่ำ

ฝีพายรายเล่มมาเต็มลำ                          เรือประจำแหนแห่เซ็งแช่มา

พอเรือพระที่นั่งประทับที่                         ขุนช้างก็รี่ลงตีนท่า

ลอยคอชูหนังสือดื้อเข้ามา                       ผุดโผล่โงหน้ายึดแคมเรือ

เข้าตรงบโทนอ้นต้นกัญญา                    เพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ

มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ                ร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา

นิเวศน์        หมายถึง  บ้าน,วัง

บโทนอ้นต้นกัญญา  หมายถึง  บโทนคือพนักงานคอยให้จังหวะสัญญาณให้ฝีพาย พายเรือช้าหรือเร็ว  เรือในที่นี้เป็นเรือต้นกัญญา  คือ เป็นเรือหลวงยาว  มีเครื่องบังแดดเป็นรูปหลังคา  อัน น่าจะเป็นชื่อของบโทน

ผีเสื้อ           หมายถึง  เทวดาที่รักษาน่านน้ำ ในที่นี้หมายถึงผีน้ำ

พระพันวษารีบเสด็จกลับตอนค่ำขุนช้างรีบลงจากท่าแล้วลอยคอชูหนังสือฎีกาถวาย  โดยโผล่เข้ามาทางที่แคมเรือจนคนบนเรือตกใจนึกว่าเป็นผีน้ำหรือเสือว่ายมา  ทำให้เกิดความวุ่นวาย จนมหาดเล็กอยู่งานพลัดตกจากเรือ แล้วร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา

 ----------------------------------------------------------------------------------------

ขุนช้างดึงดื้อมือยึดเรือ                        มิใช่เสือกระหม่อมฉานล้านเกศา

สู้ตายของถวายซึ่งฎีกา                       แค้นเหลือปัญญาจะทนทาน

ครานั้นสมเด็จพระพันวษา                    ทรงพระโกรธาโกลาหล

ทุดอ้ายจัญไรมิใช่คน                          บนบกบนฝั่งดังไม่มี

ใช่ที่ใช่ทางวางเข้ามา                         ฤๅอ้ายช้างเป็นบ้ากระมังนี่

เฮ้ยใครรับฟ้องของมันที                      ตีเสียสามสิบจึงปล่อยไป

ฎีกา             หมายถึง  คำร้องทุกข์ที่ยื่นถวายพระเจ้าแผ่นดิน

ถอดความได้ว่า

            ขุนช้างเอามือไปยึดเรือแล้วพูดว่าเป็นตนเองไม่ใช่เสือจะมาขอถวายฎีกา พระพันวษากริ้วว่าขุนช้างมิใช่คนบนฝั่งก็มีไม่ไปกลับลุยน้ำมาหาหรือว่าขุนช้างเป็นบ้าถึงทำเช่นนี้  จึงสั่งให้มหาดเล็กไปรับฎีกาแล้วโบยขุนช้าง 30 ที  แล้วจึงปล่อยไป 

 ----------------------------------------------------------------------------------------

มหาดเล็กก็รับเอาฟ้องมา                       ตำรวจคว้าขุนช้างหางวางไม่

ลงพระราชอาญาตามว่าไว้                      พระจึงให้ตั้งกฤษฎีกา

ว่าตั้งแต่วันนี้สืบไป                               หน้าที่ของผู้ใดให้รักษา

ระวางโทษเบ็ดเสร็จเจ็ดสถาน                  ถึงประหารชีวิตเป็นผุยผง

ตามกฤษฎีการักษาพระองค์                     แล้วลงจากพระที่นั่งเข้าวังใน

กฤษฏีกา  หมายถึง  บทกฎหมายซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้น  เพื่อใช้ในการบริหาร เรียกว่า พระราชกฤษฎีกา

            มหาดเล็กรับคำฟ้องของขุนช้าง แล้วนำตัวขุนช้างไปเฆี่ยนตี และพระพันวษาทรงออกกฎ (กฤษฎีกา) ว่า ถ้าใครประมาทปล่อยให้คนเข้ามาได้เช่นนี้อีกจะลงโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

  ----------------------------------------------------------------------------------------

จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท                   เรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว

อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ                         สมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง

ลาวทองกับแก้วกิริยา                             ปรนนิบัติวัตถาไม่ห่างข้าง

เพลิดเพลินจำเริญใจไม่เว้นวาง                 คืนนั้นในกลางซึ่งราตรี

นางแก้วลาวทองทั้งสองหลับ                   ขุนแผนกลับผวาตื่นฟื้นจากที่

พระจันทรจรแจ่มกระจ่างดี                       พระพายพัดมาลีตรลบไป

พิสมัย    หมายถึง  ความรัก,ความปลื้มใจ

พระพาย             หมายถึง  ลม

มาลี       หมายถึง  ดอกไม้

ตรลบ    หมายถึง  (ตลบ)  หกหลังมา,ย้อนกลับมา,ฟุ้ง

ขุนแผนมีความสุขที่มีนางลาวทองและนางแก้วกิริยาคอยปรนนิบัติ  คืนนั้นขณะที่นางทำสองหลับไปขุนแผนกลับผวาตื่น

 ----------------------------------------------------------------------------------------

คิดคะนึงมิตรแต่ก่อนเก่า                              นิจจาเจ้าเหินห่างร้างพิสมัย

ถึงสองครั้งตั้งแต่พรากจากพี่ไป                     ดังเด็ดใจจากร่างก็ราวกัน

กูก็ชั่วมัวรักแต่สองนาง                                ละวางให้วันทองน้องโศกศัลย์

เมื่อตีได้เชียงใหม่ก็โปรดครัน                        จะเพ็ดทูลคราวนั้นก็คล่องใจ

สารพัดที่จะว่าได้ทุกอย่าง                             อ้ายขุนช้างไหนจะโต้จะตอบได้

ไม่ควรเลยเฉยมาไม่อาลัย                            บัดนี้เล่าเจ้าไวยไปรับมา

ขุนแผนคิดถึงนางวันทองซึ่งได้พรากจากตนไปถึง 2 ครั้ง  โดยที่ตนนั้นมัวแต่อยู่กับนางลาวทองและนางแก้วกิริยาปล่อยให้นางวันทองต้องเศร้า เมื่อตอนไปตีเชียงใหม่ได้ก็ไปทูลขอนางวันทองก็ได้กลับมาแล้วขุนช้างก็ไปพรากอีก ตอนนี้พลายงามไปรับตัวนางวันทองมาแล้ว

 ----------------------------------------------------------------------------------------

จำกูจะไปสู่สวาทน้อง                              เจ้าวันทองจะคอยละห้อยหา

คิดพลางจัดแจงแต่งกายา                        น้ำอบทาหอมฟุ้งจรุงใจ

ออกจากห้องย่องเดินดำเนินมา                  ถึงเรือนลูกยาหาช้าไม่

เข้าห้องวันทองในทันใด                          เห็นนางหลับใหลนิ่งนิทรา

ลดตัวลงนั่งข้างวันทอง                            เตือนต้องด้วยความเสน่หา

สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องอา                         พี่มาหาแล้วอย่านอนเลย

            ขุนแผนคิดว่าตนต้องไปหานางวันทองป่านนี้คงจะเฝ้ารอตนอยู่ว่าแล้วจึงแต่งตัวแล้วออกจากห้องไปยังเรือนพลายงาม  เข้าไปในห้องนารงวันทองเห็นนางหลับอยู่ จึงนั่งลงข้างๆแล้วปลุกให้นางตื่น ว่าตนมาหาแล้วให้ตื่น

 ----------------------------------------------------------------------------------------

นางวันทองตื่นอยู่รู้สึกตัว                        หมายใจว่าผัวก็ทำเฉย

นิ่งดูอารมณ์ที่ชมเชย                             จะรักจริงฤๅจะเปรยเป็นจำใจ

แต่นิ่งดูกิริยาเป็นช้านาน                          หาว่าขานตอบโต้อย่างไรไม่

ทั้งรักทั้งแค้นแน่นฤทัย                           ความอาลัยปั่นป่วนยวนวิญญา

            ชุนแผนมาถึงเรือนพลายงาม  เข้าไปในห้องนางวันทองแล้วพบนางหลับไป  จึงนั่งข้างๆแล้วปลุกให้นางตื่น ว่าตนมาแล้ว

                                         -------------------------------------------------------------------------------------