Show เวลาที่เพื่อน ๆ เห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการ นอกจาก “ใหญ่โตมาก” “สวยมาก” “อลังการสุดสุด” เพื่อน ๆ มีวิธีบรรยายอย่างอื่นอีกไหม ? ถ้าไม่รู้จะบรรยายความยิ่งใหญ่อลังการยังไง วันนี้ StartDee อยากชวนเพื่อน ๆ ไปดูลีลาการบรรยายความ “ยิ่งใหญ่” ในแบบของบทโขน ที่กวีไทยได้บรรยายความวิจิตรงดงามของช้างเอราวัณ ช้างทรงของพระอินทร์ไว้ได้อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศในบทพากย์เอราวัณกัน เรื่องราวของโขน รามเกียรติ์ และบทพากย์เอราวัณก่อนจะไปดูว่าช้างเอราวัณนั้นยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหน เราอยากชวนเพื่อน ๆ มาทำความเข้าใจที่มาของบทพากย์เอราวัณ และความเกี่ยวเนื่องระหว่างบทพากย์เอราวัณ โขน และรามเกียรติ์กันก่อน ในสมัยก่อนโขนและละครในเป็นหนึ่งในมหรสพและความบันเทิงเพียงไม่กี่อย่างของคนไทย โดยเฉพาะ “โขน” ที่ถือว่าเป็นนาฏกรรมชั้นสูง เพราะมีการรวบรวมศิลปะหลายแขนงมาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมและวรรณศิลป์ในการประพันธ์บทและการพากย์ นาฏศิลป์สำหรับการร่ายรำขณะทำการแสดง คีตศิลป์สำหรับดนตรีที่บรรเลงประกอบการแสดง หัตถศิลป์สำหรับงานฉากและชุด โขนจึงถือเป็นความบันเทิงของชนชั้นสูงชาวไทยในรั้วในวังสมัยนั้น การแสดงโขนจะนิยมเล่นเรื่องรามเกียรติ์เท่านั้น โดยรามเกียรติ์เป็นวรรณคดีเรื่องยาว (มากกกกก) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากมหากาพย์รามายณะ วรรณคดีภาษาสันสกฤตจากอินเดีย ที่ฤาษีวาลมิกิแต่งไว้กว่า ๒๔๐๐ ปีมาแล้ว มหากาพย์รามายณะเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ สันนิษฐานว่าเข้ามาในไทยพร้อมกับพ่อค้าชาวอินเดียและความเชื่อจากศาสนาพราหมณ์ฮินดู ส่วนบทละครเรื่องรามเกียรติ์นั้นปรากฏหลักฐานเป็นครั้งแรกในสมัยอยุธยา และต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นเพื่อให้ละครหลวงเล่น โดยปรับเนื้อเรื่องให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย แต่บทละครเรื่องรามเกียรติ์จากสมัยกรุงธนบุรีนั้นยังไม่ครบสมบูรณ์ (เนื่องจากมีระยะเวลาในการแต่งเพียง ๒ เดือน จึงมีแค่ ๔ - ๕ ตอนเท่านั้น) เมื่อถึงยุครัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) จึงทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ และภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) ก็ทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์บางตอนขึ้นใหม่เพื่อใช้สำหรับการแสดงโขน โดยบทพากย์เอราวัณที่เพื่อน ๆ จะได้เรียนในระดับชั้นม.๓ นั้นเป็นส่วนหนึ่งของวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตอนศึกอินทรชิต (นอกจากนี้รัชกาลที่ ๒ ยังทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์รามเกียรติ์ตอนอื่น ๆ ไว้ด้วย ได้แก่ ตอนนางลอย ตอนนาคบาศ) เรื่องย่อของบทพากย์เอราวัณบทพากย์เอราวัณมีที่มาจากรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต ซึ่งศึกอินทรชิตก็เป็นตอนหนึ่งจากรามเกียรติ์ทั้งหมดกว่า ๑๗๘ ตอน (อ้างอิงจากหนังสือชุดวรรณคดีอมตะของไทย โดยเปรมเสรี) อินทรชิตเป็นบุตรของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ เดิมทีชื่อ “รณพักตร์” แต่เปลี่ยนชื่อเป็น “อินทรชิต” เนื่องจากเป็นผู้รบชนะพระอินทร์ อินทรชิตบำเพ็ญตบะมายาวนานจึงเป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์แก่กล้ามาก แถมยังมีอาวุธวิเศษ ๓ อย่างที่ได้มาจากการทำพิธีขออาวุธจากมหาเทพทั้งสามอีก หนึ่งในนั้นคือศรพรหมาสตร์ และพรที่ทำให้แปลงร่างเป็นพระอินทร์ได้ (อาวุธและพรนี้อินทรชิตได้มาจากพระอิศวร) ซึ่งพรข้อนี้มีบทบาทอย่างมากในรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต จากพรข้อนี้ ในตอนที่อินทรชิตจัดทัพออกไปรบกับฝ่ายพระราม อินทรชิตจึงใช้อุบายแปลงกายเป็นพระอินทร์ และให้การุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ เพื่อให้พระรามและกองทัพหลงใหลในความงดงามอลังการ เนื้อหาส่วนใหญ่จึงพรรณนาถึงความยิ่งใหญ่สวยงามของช้างเอราวัณ (ปลอม ๆ) และกองทัพเหล่าผู้วิเศษ (ปลอม ๆ อีกเช่นกัน) และมีส่วนที่กล่าวถึงการเคลื่อนทัพของพระรามไปยังสนามรบ ซึ่งระหว่างที่เคลื่อนพลก็เกิดปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติต่าง ๆ มากมาย โดยจุดมุ่งหมายของอินทรชิตในศึกครั้งนี้คือยิงศรพรหมาสตร์ใส่พระลักษมณ์ ศรพรหมาสตร์เป็นอาวุธวิเศษที่อินทรชิตได้มาจากพระอิศวร เป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก และทำให้กองทัพของพระรามพ่ายแพ้ไปในศึกครั้งนี้ ลักษณะคำประพันธ์บทพากย์เอราวัณแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทกาพย์ฉบัง ๑๖ สาเหตุที่เป็น ๑๖ ก็เพราะหนึ่งบทจะมี ๑๖ คำ/พยางค์ โดย ๑ บท มี ๓ วรรค มีสัมผัสบังคับอยู่ที่คำสุดท้ายของวรรคแรกและวรรคที่สอง ส่วนคำสุดท้ายของวรรคที่สามใช้ส่งเข้าบทถัดไป กาพย์ฉบัง ๑๖ มีฉันทลักษณ์และตัวอย่างดังนี้
คำศัพท์ที่ควรรู้เนื่องจากเป็นวรรณคดีที่แต่งไว้นานมากแล้ว (ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๒) คำศัพท์ในบทพากย์เอราวัณหลายคำจึงค่อนข้างเข้าใจยากเพราะเป็นคำโบราณ เพื่อความสนุกเราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองอ่านศัพท์ยากควรรู้ที่เราคัดมาฝากกันก่อน จะได้เข้าใจบทพากย์เอราวัณได้ง่ายมากขึ้น
ถอดคำประพันธ์บทพากย์เอราวัณหลังจากเรียนรู้คำศัพท์กันมาแล้ว ขั้นต่อไปเราลองมาอ่านและถอดคำประพันธ์ไปพร้อม ๆ กันดู
บทแรกนั้นเล่าว่าอินทรชิตได้ “บิดเบือน” หรือ “แปลง” กายเป็นพระอินทร์ (ด้วยการใช้พรที่ได้มาจากพระอิศวรนั่นแหละ !) พร้อมกับทรงช้างเอราวัณที่เป็นช้างทรงของพระอินทร์ ส่วนช้างเอราวัณที่ถูกเนรมิตขึ้นมานั้นก็แข็งแกร่งสวยงามสุด ๆ ผิวของช้างเอราวัณนั้นสีขาวสะอาดเหมือนหอยสังข์ มีเศียรงดงาม ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา ๗ กิ่ง สวยงามราวกับเพชร งาแต่ละกิ่งมีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีกอบัว ๗ กอ แต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบบัวบาน ๗ กลีบ แต่ละกลีบมีนางฟ้ารูปงาม ๗ องค์ เรียกได้ว่าวิจิตรอลังการงดงามสุด ๆ
แต่ความปั๊วะปังอลังการยังไม่หมดแค่นี้ เพราะนางฟ้าแต่ละองค์ยังมีบริวารที่เป็นหญิงงามอีกตั้ง ๗ นาง แถมแต่ละนางก็กำลังร่ายรำด้วยท่าทางสวยงามอย่างนางฟ้า (มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มคิดเลขแล้วว่าช้างเอราวัณตัวหนึ่งมีนางฟ้ากี่องค์) นอกจากนี้ที่เศียรแต่ละเศียรของช้างเอราวัณยังมีวิมานแก้วที่สวยงามราวกับวิมานเวไชยันต์ของพระอินทร์ ประดับตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแก้วเก้าประการ ได้แก่ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ ซองหาง และกระวินของช้างเอราวัณถูกถักร้อยด้วยสร้อยทอง และมีผ้าทิพย์ปกตระพองซึ่งร้อยประดับด้วยเพชร มีสายสร้อยห้อยเป็นพู่ลงทั่วทุกหูช้าง
ขุนมารโลทัน (สารถี (คนขับรถ) ของอินทรชิต) แปลงกายเป็นเทพบุตรนั่งบังคับช้างอยู่ท้ายช้าง ทัพทั้ง ๔ เหล่าต่างแปลงกายเป็นเทพและอมนุษย์ผู้มีฤทธิ์
ทัพหน้าคือเทพารักษ์ ทัพหลังคือครุฑ กินนร และนาค ปีกซ้ายคือฤๅษีและวิทยาธร ปีกขวาคือคนธรรพ์ การจัดกระบวนทัพเป็นไปตามตำราสงคราม ทหารทั้ง ๔ เหล่าทัพต่างถืออาวุธครบครัน ได้แก่ หอก ธนู ดาบ กระบอง เหาะเหินบนฟ้าเคลื่อนทัพมาถึงสนามรบ จากนั้นจึงเป็นเรื่องราวของฝั่งพระราม
ครั้นรุ่งเช้ามีลมพัดโชยกลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งไปทั่วป่า ผึ้ง แมลงภู่ และหมู่หงส์ทองก็บินร่อนถลาแทรกตัวลงในดอกไม้เพื่อหาอาหาร นกดุเหว่าและไก่ขันร้องตีปีกไปทั่วเป็นสัญญาณว่าเช้าแล้ว
นกตื่นนอนร้องขับขานหาคู่ประสานเสียงไพเราะอยู่ในป่า ส่วนเดือนและดาวก็อับแสงลง ท้องฟ้าสว่างไสวเป็นสีเหลือง พระรามตื่นขึ้นจากที่บรรทมแล้วจึงเตรียมกองทัพ
พระรามขึ้นรถทรงอันงดงามที่พระอินทร์ประทานให้ รถม้าส่งเสียงร้อง ม้าชันหูสูงส่งสัญญาณพร้อมที่จะออกรบ มาตลีเป็นสารถีขับรถทรงมากลางกองทัพทั้ง ๔ เหล่า มือถือพระขรรค์ รถทรงประดับพลอยตามเพลาและดุม เสียงรถวิ่งดังกึกก้องทั้งแผ่นดิน
ลิงคอยโบกมยุรฉัตร ชุมสาย พัดโบก พัชนี เสียงกลองที่ใช้ตีให้สัญญาณออกรบดังไปทั่ว เสียงแตรสังข์ประสานเสียงกันอย่างไพเราะในป่า เสียงพลทหารโห่ร้องเอาชัยสนั่นหวั่นไหวราวกับจะพื้นถล่มก่อนออกรบ สัตภัณฑ์บรรพต (ชื่อหมู่เขา ๗ ชั้นที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ) ต่างโน้มเอียงลงมาเพื่อทำความเคารพ
แผ่นดินและอากาศสะเทือนเลื่อนลั่น สัตว์ต่าง ๆ ตกใจหาที่ซุกซ่อนตัว แม้แต่ลูกครุฑเมื่อได้ยินเสียงของฝ่ายกองทัพพระรามก็ตกใจพลัดตกจากต้นงิ้ว นกหัสดีที่คาบช้างมาก็ตกใจปล่อยช้างหลุดจากปาก ฝ่ายลิงต่างแสดงฤทธิ์เดชหักถอนต้นไม้มาถือแทนอาวุธ ป่าไม้ล้มลงอย่างราบเรียบด้วยฤทธิ์ของกองทัพพระราม
ทันใดนั้นอากาศบดบังพระอาทิตย์ เหล่าเทวดาบนสวรรค์ทุกชั้นต่างอำนวยอวยชัย บ้างเปิดประตู หน้าต่างแล้วก็โปรยดอกไม้ทิพย์เพื่อสักการะบูชาและยกย่องสรรเสริญ บนพื้นเต็มไปด้วยดอกไม้จนทำให้กงรถไม่สัมผัสพื้น นอกจากนี้ยังเร่งกองทัพลิง กองทัพช้างให้รีบมาถึงสนามรบ จากนั้นจึงเป็นเหตุการณ์ที่พระลักษมณ์พบกับกองทัพพระอินทร์ (ตัวปลอม) ของอินทรชิต
พระลักษมณ์ (น้องของพระราม) ถามสุครีพว่าเพราะเหตุใดพระอินทร์เสด็จมาที่สนามรบนี้ สุครีพจึงทูลบอกพระลักษมณ์ว่า ปกติพระอินทร์จะเสด็จมาพร้อมกับเหล่าเทวดาเพื่ออวยชัยและถวายดอกไม้ แต่คราวนี้ดูผิดปกติและน่าสงสัยแปลก ๆ เพราะพระอินทร์แต่งกายมาพร้อมกับอาวุธดูงดงาม หรือว่าพระอินทร์จะเข้าข้างฝ่ายทศกัณฐ์
สุครีพเตือนพระรามว่าอย่าได้ไว้วางใจข้าศึกเด็ดขาด ฝ่ายอินทรชิตก็สั่งให้ยักษ์ (ที่แปลงร่างแล้วอย่างสวยงาม) ฟ้อนรำถวายพระลักษมณ์ เพื่อให้พระลักษมณ์เคลิบเคลิ้มและจะได้แผลงศรฆ่าให้ตาย
อินทรชิตนั่งอยู่บนช้างเอราวัณ เห็นพระลักษมณ์ผู้เก่งกาจในการรบ กำลังหลงใหลเคลิบเคลิ้มในสิ่งงดงามที่ได้เห็น เมื่อได้โอกาส อินทรชิตจึงจับศรพรหมาสตร์ขึ้นเหนือหัว เล็งใส่พระลักษมณ์ แล้วก็แผลงศรออกไปหมายจะให้ถูกพระลักษมณ์ ทันใดนั้นอากาศก็แปรปรวนเสียงดังกึกก้องสะท้านแผ่นดิน ศรพรหมาสตร์ที่อินทรชิตแผลงไปนั้นกระจายไปทั่วท้องฟ้า พระลักษมณ์ถูกศรของอินทรชิตแล้วล้มลงกลางไพร่พลในสนามรบ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ถึงศัพท์จะดูยากไปนิด แต่บทพากย์เอราวัณมีการใช้วรรณศิลป์ตามแบบฉบับวรรณคดีไทยที่น่าสนใจอยู่หลายรูปแบบ เช่น การใช้บทพรรณนาความสวยงาม และความยิ่งใหญ่ของช้างเอราวัณ ความยิ่งใหญ่ของกองทัพอินทรชิต อภินิหารและความยิ่งใหญ่ของกองทัพพระราม นอกจากนี้ยังมีบทพรรณนาที่บรรยายความงามของธรรมชาติทั้งกลิ่น รูป และเสียงอย่างเห็นภาพ และมีการใช้โวหารภาพพจน์ต่าง ๆ เช่น การอุปมา อติพจน์ และบุคคลวัต ข้อคิดจากบทพากย์เอราวัณนอกจากใช้เล่นโขนละครในเพื่อความบันเทิง บทพากย์รามเกียรติ์แต่ละตอนก็มีคติสอนใจให้ผู้อ่านผู้ชมได้คิดตามด้วย บทพากย์เอราวัณเองก็มีข้อคิดที่น่าสนใจหลายข้อ ได้แก่ ๑. ความลุ่มหลงเป็นบ่อเกิดของหายนะเช่น พระลักษมณ์ที่หลงใหลในความงดงามของกองทัพยักษ์จำแลง จนประมาทและถูกศรพรหมาสตร์ของอินทรชิต ๒. การใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกไม่ควรเช่น อินทรชิตที่มีทั้งพรและอาวุธจากมหาเทพ แต่ก็เลือกใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ทั้งออกมารบกับพระรามและผู้อื่น (จริง ๆ ก่อนนี้อินทรชิตมีชื่อว่ารณพักตร์ เป็นผู้บำเพ็ญเพียรจนมีฤทธิ์แก่กล้า เมื่อได้พรและอาวุธจากมหาเทพมาก็ไปท้ารบกับพระอินทร์ และได้ชัยชนะกลับมาด้วย จึงเป็นที่มาของชื่ออินทรชิต ซึ่งแปลว่า “ผู้ชนะพระอินทร์”) ๓. การใช้สติปัญญาพิจารณาสถานการณ์ต่าง ๆเช่น สุครีพที่ช่างสังเกต ใช้สติปัญญาประเมินสถานการณ์ในสนามรบ และเตือนให้พระลักษมณ์อย่าไว้ใจข้าศึก รู้หรือไม่ ? โขนพระราชทานและเกร็ดเล็ก ๆ จากรามเกียรติ์ขอบคุณรูปภาพจาก Khon Performance โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ อย่างที่เรารู้กันว่าโขนของประเทศไทยจะแสดงเรื่องรามเกียรติ์เท่านั้น และถึงจะหาชมได้ยาก แต่ในปัจจุบันก็ยังมี “โขนพระราชทาน” โดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพที่จัดแสดงเป็นประจำทุกปี โขนพระราชทานเริ่มจัดแสดงครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๕๕๐ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา โดยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีดำริให้จัดแสดงโขนพระราชทานขึ้นเพื่ออนุรักษ์และสืบสานศิลปะวัฒนธรรมไทย และแม้จะเป็นศิลปะชั้นสูง แต่โขนพระราชทานก็ได้มีการปรับบทพูดหลาย ๆ จุดให้สนุกสนาน และเข้าถึงประชาชนทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น แถมยังมีการแทรกมุกตลกที่ทันสถานการณ์บ้านเมืองอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งรามเกียรติ์ตอนที่ถูกนำมาจัดแสดงมีหลายตอนด้วยกัน เช่น ตอนพรหมาสตร์ นางลอย ศึกไมยราพ จองถนน นาคบาศ โมกขศักดิ์ พิเภกสวามิภักดิ์ สืบมรรคา ตัวอย่างโขนพระราชทาน ศึกอินทรชิต ตอนนาคบาศ ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ธีรศักดิ์ จิระตราชู (ครูหนึ่ง) Reference: “กาพย์ฉบัง ๑๖.” วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร, 27 Apr. 2019, www.watmoli.com/poetry/351/. “โขน.” Wikipedia, Wikimedia Foundation, 13 Aug. 2020, th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%99. “รามเกียรติ์.” Wikipedia, Wikimedia Foundation, 9 Oct. 2020, th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%8C. บรรดาโยธาจัตุรงค์หมายถึงสิ่งใด[จะตุรงคะ-] น. กองทัพมีกำลัง ๔ เหล่า คือ เหล่าช้าง เหล่ารถ เหล่าม้า เหล่าราบ. (ป. ส. จตุรงฺค + โยธา).
จัตุรงค์ หมายถึงสิ่งใดว. มีสาขา ๔ คือ เหล่าช้าง เหล่ารถ เหล่าม้า เหล่าราบ, ถ้าเข้าสมาสกับ พล เป็นจตุรงคพล หรือกับ เสนา เป็นจตุรงคินีเสนา แปลว่า กองทัพสรรพด้วยกำลัง ๔ เหล่า.
นุสนธิ์ หมายถึงอะไรก. ฟุ้งไป เช่น ให้กระจรกิจจาในนุสนธิ์ (พาลีสอนน้อง). นุ ๑ ตัดมาจากอุปสรรค อนุ เช่น ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง (ตะเลงพ่าย), โดยนุกรม (ม. คำหลวง วนปเวสน์).
พระสุริย์ศรี หมายถึงอะไรพิธีย่ำพระสุริย์ศรี เป็นพิธีการของทหารเรือไทยพิธีหนึ่ง คล้ายกับการสวนสนามเพื่ออำลาชีวิตราชการของผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการหน่วยนาวิกโยธิน เป็นต้น กระทำในเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ มีความสวยงามจากดวงไฟที่ประดับและลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ก่อนที่จะลับขอบฟ้า
|